“เรือนหนานเฟิง? คือที่ใด?”เซี่ยเชียนฮวันทำสีหน้าสงสัยเนื่องจากก่อนหน้านี้นางก็ไม่รู้ว่าเรือนหนานเฟิงคือที่ใด ดังนั้นนางจึงแกล้งทำสีหน้าสงสัยได้อย่างแนบเนียนต่อให้ตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันพอจะเดาได้ว่าเป็นเรือนเล็กๆ ที่เก็บความลับนั้นไว้ก็ตามโซ่วหยางจวิ้นจู่ยิ้มขึ้นด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “เมื่อครู่ท่านไม่ได้เพิ่งพาพระราชนัดดาออกมาจากป่าไม้แดงของเรือนหนานเฟิงหรอกหรือ ข้าและซานหรงเห็นกับตา”บ่าวรับใช้ในจวนที่ติดตามโซ่วหยางจวิ้นจู่อยู่ด้านหลังต่างพากันพยักหน้าเซวียนชินอ๋องสีหน้าเคร่งขรึมลงแล้วตะคอกว่า “ซานหรง เจ้าควรนึกให้ดีก่อน!”“ท่านอ๋องเพคะ บ่าว บ่าวเห็นกับตาเพคะ ได้ยินว่าเห็นใครบางคนที่เรือนหนานเฟิง ดังนั้นบ่าวและจั๋วเสิ่นเออร์จึงรีบเข้าไปดู พบว่าพระชายาจ้านอ๋องกำลังออกมาจากป่าไม้แดง” บ่าวรับใช้ที่ถูกเรียกชื่อตอบตะกุกตะกัก“ผู้ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าเล่า?!” น้ำเสียงของเซวียนชินอ๋องดูโมโหเล็กน้อย“พะ เพราะว่าในวันนี้มีแขกเดินทางมามากมาย ห้องครัวทำอาหารไม่ทันจนไฟแทบลุกไหม้ ทุกคนจึงได้ไปช่วยเพคะ...” บ่าวรับใช้ตกใจจนตัวสั่นพระชายาองค์รัชทายาทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เสด็จอาเพคะ เรือนหนา
พระชายาองค์ชายรองพูดขึ้นอีกครั้งว่า “เพียงแค่บอกความจริงมา อยากได้ของเล่นหรือขนมใด จะให้เจ้าทั้งหมด!”เซี่ยเชียนฮวันคิดเอาไว้แล้วว่าการที่นางและพระราชนัดดาเข้าไปในเรือนหนานเฟิงแต่ไม่เห็นงู อาจเป็นเพราะทั้งสองเข้าไปเพียงลานด้านหน้า ไม่ได้เข้าไปด้านหลังอีกอย่าง หากเทียบกันระหว่างงูกับหนังสือและจดหมายที่นางเห็น สิ่งเหล่านั้นน่ากลัวกว่านักคาดว่าเซวียนชินอ๋องคงตั้งใจเก็บมันไว้ในที่ที่เลี้ยงงูเช่นนี้ทุกคนจะได้ไม่กล้าเข้าใกล้“พระชายาองค์ชายรองโปรดระวังกิริยาด้วย อย่าเอาเด็กเข้ามาเกี่ยวข้อง”พระชายาองค์รัชทายาทเข้ามาปกป้องพระราชนัดดาไว้ แล้วดึงเขาเข้ามาในอ้อมอกของตนคำที่นางกล่าวกับหลี่จิ้งหย่ามากที่สุดน่าจะเป็น ‘โปรดระวังกิริยา’ โซ่วหยางจวิ้นจู่กล่าวว่า “แต่เรื่องในวันนี้มีที่มาที่ไป ต้องมีเหตุมีผล คงต้องรบกวนพระราชนัดดาน้อยออกมาเล่าความจริงด้วย”“เขายังเด็กนัก สิ่งที่พูดอาจถูกชี้นำจนไม่ใช่ความจริง ไม่อาจเชื่อได้แน่นอน” พระชายาองค์รัชทายาทกล่าวเบาๆ ในเมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ พระชายาองค์ชายรองและโซ่วหยางจวิ้นจู่จึงต้องล้มเลิกความคิดที่จะถามพระราชนัดดาต่อไปเซี่ยเชียนฮวันแอบขอบคุณ
โซ่วหยางจวิ้นจู่มั่นใจยิ่งนักเพราะตอนที่นาง ‘ไม่ทันระวัง’ ล้มไปทางเซี่ยเชียนฮวัน ได้แอบเอาสงหวงใส่ไว้ในเสื้อผ้าของเซี่ยเชียนฮวันแล้วเซี่ยเชียนฮวันมั่นใจมาก แต่เพราะกำลังตกอยู่ในความคลุมเครือ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตนถูกใส่สิ่งแปลกปลอมเข้ามายิ่งคิด โซ่วหยางจวิ้นจู่ก็ยิ่งได้ใจ นางเลิกคิ้วขึ้นว่า “พระชายาจ้านอ๋อง ข้าได้ให้คำสัญญาไว้ ณ ที่นี้แล้ว ท่านกล้ารับไว้หรือไม่?”เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้ตอบนางหันไปมองพระชายาองค์ชายรอง “เจ้าก็จะคุกเข่าก้มศีรษะขอโทษข้าด้วยหรือไม่?”“เอ่อ...”พระชายาองค์ชายรองลังเลเล็กน้อยในฐานะบุตรสาวของอัครมหาเสนาบดี นางเป็นชนชั้นสูง นางหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนยิ่งนักจะให้เอ่ยขอโทษคนอื่นงั้นหรือ ปกติแล้วนางมาเคยทำพระชายาองค์ชายรองหันไปสบตาโซ่วหยางจวิ้นจู่ เมื่อเห็นว่าเจ้าหนูมีความมั่นใจมาก นางจึงฝืนตอบไปว่า “หากค้นตัวเจ้าไม่เจอสงหวง ข้าจะขอโทษเจ้าอย่างแน่นอน แต่หากค้นเจอละก็ เจ้าจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัย และต้องเดินทางไปศาลต้าหลี่กับข้า”ศาลต้าหลี่...ทุกคนได้แต่แอบขนลุกซู่เพราะพวกเขารู้ดีว่า ศาลต้าหลี่เป็นเขตแดนของอัครมหาเสนาบดีหลี่หากถูกพระชายาองค์ชายรองจั
“จั๋วเสิ่นเออร์ เจ้ารับสินบนจากนางมาใช่หรือไม่? ข้าได้กลิ่นสงหวงชัดเจนยิ่งนัก มันมาจากร่างกายนาง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของโซ่วหยางจวิ้นจู่หาได้บริสุทธิ์อีกต่อไป เหลือไว้เพียงสีหน้าเหยเกดึงดันจั๋วเสิ่นเออร์กล่าวอย่างหน่ายใจว่า “ต่อให้บ่าวใจกล้าเพียงไรก็ไม่กล้าเสแสร้งต่อหน้าชนชั้นสูงมากมายเพียงนี้”“ข้าไม่สน ข้าจะเปลี่ยนคนมาค้นใหม่ ค้นใหม่อีกรอบ!” โซ่วหยางจวิ้นจู่กรีดร้องนางมั่นใจว่าได้ยัดสงหวงใส่ไปในเสื้อของเซี่ยเชียนฮวันจริงๆ แค่รอเวลาเปิดโปงเท่านั้น ทุกคนก็จะได้รู้ว่าเซี่ยเชียนฮวันรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีงูพิษออกมาแผนการเฉลียวฉลาดของนางสมบูรณ์เพียงนี้จะเกิดข้อผิดพลาดได้อย่างไร!เซี่ยเชียนฮวันมองไปทางเด็กหญิงที่กำลังฟาดงวงฟาดงา จากนั้นเผยอริมฝีปากขึ้นว่า “ก็ได้ ข้าจะให้ค้นตัวอีกรอบ”“ว่าอย่างไรนะ”คนอื่นๆ ก็ตกตะลึงอย่าว่าแต่พระชายาอ๋องเลย แม้เป็นสตรีทั่วไปหากถูกค้นตัวต่อหน้าสาธารณะเพียงครั้งเดียวก็นับว่าน่าอายมากแล้ว แต่เซี่ยเชียนฮวันกล้าให้ค้นตัวรอบที่สอง?!“ที่จริงแล้วคำพูดของโซ่วหยางจวิ้นจู่เตือนสติข้า” เซี่ยเชียนฮวันกระตุกยิ้ม “นางยังเด็ก ความจำอาจไม่ดีนัก บางทีนางอา
เนื่องจากว่าพระชายาองค์ชายรองถูกงูฉกขาจนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนางจึงนั่งอยู่ที่นี่ ไม่ได้ให้บ่าวรับใช้ไปค้นตัวที่ด้านข้างด้วยจั๋วเสิ่นเออร์กล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจว่า "บ่าวมีแรงมากกว่าคนอื่น ให้บ่าวพยุงไปทางโน้นเถิดเจ้าค่ะ""อย่าแตะต้องตัวข้า! ข้า ข้าไม่ให้เจ้าค้นตัว หากข้ามีสงหวงติดตัวอยู่จริง เหตุใดจึงยังถูกงูฉกได้ ไร้สาระสิ้นดี!"พระชายาองค์ชายรองปฏิเสธคัดค้านเซี่ยเชียนฮวันยิ้มขึ้นแล้วกล่าวเบาๆ ว่า "แม้สงหวงจะมีคุณสมบัติขับไล่งู แต่หากเจ้าเหยียบไปที่ร่างของมัน มันก็ยังจะฉกเจ้าอยู่ดี เพียงแต่ฉกได้ไม่แรงนัก""ข้าเป็นถึงพระชายาองค์ชายรอง บุตรสาวผู้มีอำนาจสืบทอดจากจวนอัครมหาเสนาบดี จะให้พวกเจ้ามาค้นตัวง่ายๆ ได้อย่างไร! พี่ฉงเพคะ รีบห้ามพวกเขาเร็วเข้า..."พระชายาองค์ชายรองตั้งใจจะสะบัดจั๋วเสิ่นเออร์ออกไปคิดไม่ถึงว่านางออกแรงมากไปหน่อยจึงทำให้มีห่อเล็กๆ ร่วงหล่นลงมาจากเสื้อจั๋วเสิ่นเออร์โน้มกายลงไปเก็บ เมื่อดมมันก็ต้องตกใจ "นี่ นี่คือสงหวง..."วินาทีนั้นทุกคนก็เงียบสนิทต่างคนต่างเบิกตากว้างจ้องมองไปไร้คำบรรยายพระชายาองค์ชายรองก็ชะงักลงไปชั่วครู่เช่นกันนางนึกไม่ถึงว่าลางสั
ใบหน้าของโซ่วหยางจวิ้นจู่ถูกบีบบังคับเสียจนแดงเรื่อทุกคนใช้แววตาที่พูดยากมองไปที่นาง ทำให้นางสัมผัสได้ถึงความอับอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนีเซวียนชินอ๋องเข้ามาเกลี้ยกล่อมสถานการณ์ว่า "เอาเถิดๆ แม่หนูน้อยค่อนข้างจะขี้อาย ให้นางคุกเข่าขอโทษต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงนาง ในเมื่อเป็นเพียงความเข้าใจผิดไป เช่นนั้นให้นางโค้งกายขอโทษเจ้าก็พอ โซ่วหยาง ยังไม่รีบโค้งกายขอโทษพระชายาจ้านอ๋องอีกหรือ""ข้าไม่ผิด นางฉวยโอกาสแอบเอาสงหวงใส่ไว้ที่เสื้อของพี่จิ้งหย่าอย่างแน่นอน!"เป็นดังที่ซูอวี้เออร์คิดไว้ตอนนั้น ถึงอย่างไรโซ่วหยางจวิ้นจู่ก็เป็นเพียงแค่เด็ก การอดทนอดกลั้นยังไม่อาจสู้ได้กับผู้ใหญ่นางกัดฟันแน่นไม่ยอมสารภาพผิดกับเซี่ยเชียนฮวันเซี่ยเชียนฮวันกล่าวอย่างเยือกเย็นออกมาเบาๆ "จวนกงชินอ๋องอบรมสั่งสอนกันมาเช่นนี้เองหรือ!""เจ้า! เจ้ากล้าให้คำสาบานหรือไม่ หากเจ้าแอบเอาของสิ่งนี้ใส่ไปที่เสื้อพี่จิ้งหย่า ขอให้ฟ้าผ่าเจ้าตาย!"โซ่วหยางจวิ้นจู่โมโหมากจริงๆ เซี่ยเชียนฮวันเผยอยิ้มขึ้น ใช้แววตาอันน่าสงสารสมเพชมองไปที่นาง "จวิ้นจู่ การทำตามอารมณ์ของตน แม้เป็นเด็กก็ควรมี
ณ หน้าประตูจวนเซวียนชินอ๋องซูอวี้เออร์เดินลงมาจากบันได จู่ๆ ร่างของนางก็เซราวกับถูกลมพัด "อุ้ย" จากนั้น เอนไปอยู่ในอ้อมแขนของเซียวเย่หลัน"เป็นอะไรไป?" เซียวเย่หลันเอ่ยถาม"ท่านอ๋องเพคะ เมื่อครู่ตอนที่พระชายาองค์ชายรองถูกงูกัด ข้าก็อยู่ที่ข้างกายนางด้วย ตอนที่งูเลื้อยผ่านไปทำข้าตกใจเสียแทบเป็นลม" ซูอวี้เออร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลไป"ซูอวี้เออร์ดึงชายเสื้อของเขาเบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า "แต่ว่าข้ากลัวยิ่งนัก... ท่านอ๋องนั่งไปกับข้าได้หรือไม่เพคะ หากท่านอยู่ข้างกายข้าจึงรู้สึกปลอดภัย"เซียวเย่หลันชะงักลงเล็กน้อยเซี่ยเชียนฮวันชื่นชมการแสดงของสตรีผู้เสแสร้งทำเป็นอ่อนแอคนนี้เหลือเกิน ดังนั้นจึงได้เอ่ยช่วยขึ้นว่า "เจ้าไปอยู่กับนางเถอะ นางอ่อนแอบอบบางจะตายไป หากไม่มีชายอยู่ข้างกาย คงจะตกใจตายในรถม้าเสียก่อน!”"แท้จริงแล้วข้าก็ไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น" ซูอวี้เออร์กล่าวขึ้นอย่างบอบบาง "หากท่านอ๋องไม่ยินดี...""ไปเถิด"เซียวเย่หลันเหลือบมองเซี่ยเชียนฮวัน จากนั้นเดินไปยังรถม้าคันที่สองของซูอวี้เออร์ที่จอดอยู่ด้านหลัง"ดูท่าทางเขาเข้า
"ท่านอ๋อง ได้ยินว่าตอนอยู่บนรถม้าท่านชอบ..."ซูอวี้เออร์ใบหน้าแดงเรื่อ พ่นลมหายใจรดต้นหูของเซียวเย่หลันสิ่งที่เขาทำกับเซี่ยเชียนฮวันนางเองก็อยากทำแต่ว่าเซียวเย่หลันกลับนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนราวกับรูปปั้นซูอวี้เออร์จึงได้พบว่าเขาหลับไปแล้ว!นางโมโหจนกัดฟันกรอด แต่ก็ไม่รู้จะทำเช่นไร...ในพระราชวังหลวง ณ ห้องทรงพระอักษรร่างสีดำของใครบางคนปรากฏขึ้นตรงหน้าของฮ่องเต้ ซึ่งบัดนี้กำลังนั่งตรวจดูงานของราชวังหลวง ก่อนที่เงาดำนั้นจะรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจวนเซวียนชินอ๋องโดยละเอียดออกมาให้เขาฟังฮ่องเต้ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ตรัสว่า "หลี่จิ้งหย่าอ้างโทษร้ายแรงเช่นนี้ให้กับพระชายาจ้านอ๋อง เป็นความคิดของนางเองหรือความคิดขององค์ชายรองกันแน่?""น่าจะเป็นความคิดของนางเองพ่ะย่ะค่ะ" เงาดำนั้นตอบว่า "หลังจากที่องค์ชายรองกลับถึงจวนแล้วก็โมโหยิ่งนัก ทั้งยังได้ตบหน้าหลี่จิ้งหย่าไปหนึ่งหน เขาเข้าใจว่าหลี่จิ้งหย่ายังคงมีความรู้สึกดีๆ ให้กับจ้านอ๋อง จึงได้สร้างเรื่องราวในวันนี้ขึ้นมา""ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก ภรรยาของตนเองก็ยังควบคุมไม่ได้” ฮ่องเต้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาเงาดำเห็นด