เซี่ยเชียนฮวันฝันร้ายในความฝัน นางติดอยู่ในโคลน และล้อมรอบไปด้วยเลือด มีบางคนคอยเรียกชื่อนางไม่หยุด “ฮวันฮวัน ฮวันฮวัน....”นางสะดุ้งลืมตาตื่น หอบหายใจอย่างหนักหน่วง“ฮวันฮวัน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”ในดวงตาของเซี่ยเชียนฮวัน ปรากฏสีหน้าเป็นห่วงของพี่ชายนาง เซี่ยเหยียนนางหายใจเข้าลึกๆ แล้วส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร”เซี่ยเหยียนถอนหายใจออกมา “ท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วงเจ้ามาก ฮวันฮวัน ตอนนี้เจ้าต้องพูดความจริงกับข้า เกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับจ้านอ๋อง”“เดิมทีซูอวี้เออร์ไม่เป็นที่รู้จัก แต่ตอนนี้ท่านอ๋องกลับโปรดปรานนาง และอยากแต่งตั้งนางเป็นพระชายารอง แต่สตรีจากที่อโคจรเช่นนั้น จะเป็นพระชายารองของท่านอ๋องได้อย่างไร ฮ่องเต้ทรงตำหนิท่านอ๋องในเรื่องนี้ แต่ท่านอ๋องกลับยืนกรานในความคิดนี้ ซึ่งดูไม่เหมือนนิสัยของท่านเลย”“เขาอยากยกใครเป็นพระชายารองก็ช่างเขา ข้าไม่สน” เซี่ยเชียนฮวันกล่าวเสียงเย็นชา“เจ้าเป็นพระชายา เป็นภรรยาของเขา จะไม่สนได้เยี่ยงไร”เซี่ยเหยียนดุเซี่ยเชียนฮวันกลับยิ้มเยาะ “แต่ไหนแต่ไรมา เขาก็ไม่เคยเห็นข้าเป็นภรรยา ไม่เคยเชื่อใจข้า”“เจ้าดื้อรั้นเกินไป...”“ท่านพี่ ท่านได้พ
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันชื่ออิงเออร์~”“ท่านอ๋อง หม่อมฉันชื่อไฉ่เหลียน~”“ท่านอ๋อง หม่อมฉันชื่อซิ่วเออร์~”เหล่าสาวงามต่างโบกผ้าเช็ดหน้าน้อยๆ ยิ้มฉะอ้อนส่งไปให้ ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แย่งกันแนะนำชื่อตัวเองให้เซียวเย่หลันเซียวเย่หลันรู้สึกรำคาญ ก่อนตวาดอย่างเย็นชา “ถอยออกไปให้หมด!”พวกนางสะดุ้งตกใจ ไม่กล้าส่งเสียงดังวุ่นวายอีกต่อไป ก่อนจะถอยออกไปอย่างพร้อมเพียงกันบ่าวรับใช้ที่เหลือก็ไม่กล้าอ้อยอิ่งเวลานี้มีเพียงเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันเท่านั้น นางนั่งบนเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย ยกแก้วชาขึ้นจิบพลางกล่าวยิ้มเยาะ “ข้าตัดสินใจแทนสามีแล้ว ซื้อสัญญาขายตัวพวกนางทั้งหมด จากนี้เป็นต้นไปพวกนางจะเป็นคนของจวนอ๋อง”“โอ้ใช่ ตอนที่พาพวกนางเข้ามาในจวน บ้านก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันที คนข้างนอกคอยชมอยู่มากมาย ทั้งใต้เท้าจางและราชบุตรเขยหยางที่อยู่ใกล้ๆ ก็เข้ามาร่วมชมด้วย แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าจ้านอ๋องชื่นชอบหญิงนางโลม เลยไม่พูดอะไร เพียงกล่าวทักทายและจากไป”ยิ่งเซี่ยเชียนฮวันพูด สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ยิ่งดูไม่ได้เขาก้าวเท้าเข้ามา และยกมือปัดแก้วชาในมือของเซี่ยเชียนฮวัน ดวงตามืดมนจับจ้องมาที่นาง “เจ้าต้อง
อันที่จริงแล้ว เย่ซิ่นไม่รู้ว่าใครส่งผู้ที่อยู่ด้านนอกมาแต่เขายกไทเฮาขึ้นมา เพื่อเตือนสติท่านอ๋องว่า ไม่สามารถฆ่าเซี่ยเชียนฮวันได้และโชคดี ที่วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเขานั้นได้ผลถึงแม้เซียวเย่หลันจะเป็นคนไม่เกรงฟ้ากลัวดินที่สุดในราชวงศ์ แต่สุดท้ายเขาก็ใจเย็นลง สะบัดชายแขนเสื้อพลางกล่าวอย่างเย็นชา “เซี่ยเชียนฮวัน ถือว่าเจ้าโชคดีไป”กล่าวจบ เขาก็เดินออกจากห้องโถงใหญ่เย่ซิ่นลังเลสักพัก เขาไม่ได้ติดตามเจ้านายไปทันที แต่เลือกเทชาร้อนให้เซี่ยเชียนฮวันก่อน แล้วช่วยประคองนางขึ้นมา“ไทเฮาส่งคนมาตามข้าเข้าวังจริงหรือ” เซี่ยเชียนฮวันจิบชาเพื่อสงบสติอารมณ์ ส่งผลให้หายใจไม่สะดวก และเริ่มไอเบาๆ อีกครั้งเย่ซิ่นมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าแถวนี้ไม่มีใคร จึงยกมือขึ้นมาลูบหลังพระชายาเบาๆ แล้วกระซิบตอบไปว่า “เรียนพระชายา ข้าน้อยไม่แน่ใจ กงกงท่านนั้นเพียงกล่าวว่าเจ้านายของตนต้องการจะเชิญท่าน แต่ไม่ได้บอกว่าเจ้านายของเขาเป็นใคร”“อืม ข้าทราบแล้ว”เซี่ยเชียนฮวันนวดหว่างคิ้วเบาๆแม้วังหลังจะใหญ่ แต่นางก็ไม่ได้คุ้นเคยกับพระสนมเหล่านั้น มีเพียงไทเฮาเท่านั้นที่จะเชิญนางเข้าไปพบในวังเป็นบางครั้งนางเดิ
“ท่านอ๋อง? ท่านอ๋อง?”ซูอวี้เออร์เห็นเซียวเย่หลันไม่พูดตอบ จึงอดเรียกซ้ำมิได้นางรอคอยสถานะมาเนิ่นนานแล้ว ครั้งนี้อุบายที่ใช้กับเซี่ยเชียนฮวันและเฟิงเยว่ ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว นางจะอดทนต่อไปได้อย่างไร เมื่อความคิดของเซียวเย่หลันถูกขัดจังหวะโดยซูอวี้เออร์ ดวงตาก็พลันเย็นชา เขากล่าวเสียงเรียบว่า “ไว้ค่อยคุยกัน”สี่คำสั้นสั้น แต่กลับเหมือนน้ำเย็นๆ ราดตั้งแต่หัวจรดเท้าของซูอวี้เออร์นางยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับโดนฟ้าผ่าถึงแม้เซียวเย่หลันจะไม่อธิบายอะไร แต่นางก็รู้ว่า เรื่องแต่งตั้งนางให้เป็นพระชายารองนั้นหมดหวังแล้ว......เซี่ยเชียนฮวันตามหลังขันทีเข้าไปในวังตามเส้นที่คดเคี้ยวอยู่นานสองนานยิ่งนางเดินนานเท่าไร ข้ารับใช้ในวังก็ยิ่งพบน้อยลงเรื่อยๆและทิศทางก็ค่อยๆ ไกลขึ้นเรื่อยๆ“กงกง พระสนมหมิงพำนักอยู่ที่ใด? นี่ข้าเดินจนปวดขาแล้วนะ” เซี่ยเชียนฮวันถามเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมที่รกร้างเปล่าเปลี่ยว ในใจนางก็อดร้องเตือนไม่ได้ขันทีนำทางมีรูปร่างที่ผ่ายผอม และถ้าหากเขามีเจตนาที่ไม่ดีจริงๆ นางจะเตะเขาให้คว่ำแล้ววิ่งหนีไปขันทีก้มหัวลง แล้วตอบกลับโดยไม่ลังเล “เรือนเจียวชวน!”“เรือน?”เ
เซี่ยเชียนฮวันได้ยินประโยคดังกล่าว ในใจก็พลันตื่นตระหนก!เหตุใดหมิงเฟยถึงทราบเรื่องนี้?หรือมีคนในจวนแจ้งให้ทราบ?นางสงบสติอารมณ์ แล้วตอบกลับอย่างถ่อมตัวแต่มิต่ำต้อย “พระสนมเข้าใจผิดแล้ว แค่มีคนเลวบางคนอยู่เบื้องหลังในการสร้างข่าวลือพวกนี้ เพื่อใส่ร้ายหม่อมฉัน...แฮ่ม ใส่ร้ายลูกสะใภ้ หากเสด็จแม่อดทนรออีกนิด เมื่อเด็กเกิดมา เราก็มีวิธีพิสูจน์”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกได้รางๆ ว่านางกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงถูกบีบให้เปลี่ยนคำพูดเพื่อดึงความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกัน เพื่อพยายามเกลี้ยกล่อมหมิงเฟยหมิงเฟิยค่อยๆ ลุกขึ้นยืน รองเท้าปักสีแดงอันประณีตก็เดินเข้ามาใกล้ม่านสีแดง จากนั้น นางก็ยกมือขึ้นแล้วเปิดผ้าม่านที่กั้นระหว่างทั้งสองคนขึ้นสตรีผู้นี้เป็นหญิงงามทว่าซีดเซียวใบหน้าของนางไม่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเฉกเช่นฮองเฮากับเฉิงกุ้ยเฟย จึงมองเห็นอายุที่แท้จริงอย่างชัดเจน แต่สายตาของนางยังคงเย็นชาและสูงส่ง นางมีจิตวิญญาณที่เย่อหยิ่งเหมือนเซียวเย่หลันหมิงเฟยเริ่มเดินไปรอบๆ เซี่ยเชียนฮวัน ในบางครั้งก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันที่น่าขนลุกออกมา “พิสูจน์? แม้มีการพิสูจน์แล้วอย่างไร ถุงฟางไร้ประโยชน์เช่นเจ้าไ
“หมับ…”ทันใดนั้น ข้อมือของหมิงเฟยก็ถูกใครบางคนจับเอาไว้เซี่ยเชียนฮวันเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย...“ปล่อยมือ” เซียวเย่หลันกล่าวเสียงเย็นชาเขาจับข้อมือของหมิงเฟยเอาไว้แล้วออกแรงบีบเล็กน้อย ทำให้กรรไกรในมือนางร่วงลงพื้นดัง “แกร๊ก”“เซียวเย่หลัน? ท่าน ท่านมาได้อย่างไร...”การปรากฏตัวของชายผู้นี้ อยู่เหนือความคาดหมายของเซี่ยเชียนฮวันสีหน้าของเซียวเย่หลันดูราบเรียบ “ตอนที่ข้าเห็นข้ารับใช้ในวังเหล่านี้ ก็รู้สึกไม่เหมือนข้ารับใช้ที่รับใช้อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา”“ที่แท้ท่านก็รู้ว่าใครเป็นคนพาข้าไป”ประโยคนี้ทำให้ใจของเซี่ยเชียนฮวันสั่นไหวเล็กน้อยในตอนแรกนางนึกว่าเขาจะไม่สนใจความเป็นความตายของนางแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่า เขาจะจับตาดูคนที่มาพาตัวนางไปอย่างรอบคอบ“ปล่อยข้านะ! ไอ้เด็กนอกคอก ไอ้เด็กสารเลว!!”หมิงเฟยพยายามสะบัดมือออกเมื่อได้ยินคำสถบด่าของนาง เซี่ยเชียนฮวันก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเพราะตอนที่สตรีผู้นี้ด่าลูกของตัวเอง คำพูดคำจายิ่งไม่น่าฟังมากขึ้นเรื่อยๆ มันรุนแรงกว่าตอนที่ด่านางว่าถุงฟางไร้ประโยชน์กับสวะเสียอีก“หมิงเยว่จ
“เร็วเข้า ให้ข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้น!”เซี่ยเชียนฮวันเกรงหมิงเฟยจะสูญเสียสติอีกครั้ง จึงไม่กล้าอ้อยอิ่ง นางประคองเซียวเย่หลันออกมา และมองหาห้องว่างเพื่อให้เซียวเย่หลันได้นั่งพักเนื่องจากมีเลือดออกเป็นจำนวนมากนางจึงหยิบขวดยาขนาดเล็กที่พกติดตัวออกมา และฉีกแขนเสื้อโดยไม่ลังเล เผยให้เห็นข้อมืออันขาวผ่องที่กำลังโรยผงยาบนเศษผ้า เซียวเย่หลันจ้องมองมือนางแล้วกล่าวเสียงแหบว่า “คนในวังมีมากมาย หากเจ้าถูกเห็นในสภาพเช่นนี้ จะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวเอาได้”เซี่ยเชียนฮวันกรอกตาใส่เขา “ดูแลตัวเองก่อนเถอะ”นางคลุมแผลให้เซียวเย่หลันด้วยเศษผ้า ใช้มือจับกรรไกร ตั้งสมาธิ แล้วดึงมันออกมาจากเนื้อ!นี่เป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุด แต่เซียวเย่หลันแค่กัดฟันแน่น ไม่ยอมส่งเสียงออกมาแม้แต่ครึ่งคำเซี่ยเชียนฮวันเช็ดเลือดออกอย่างระมัดระวังบาดแผลบนร่างกายของเขาดูแย่มาก แต่ไม่ได้ร้ายแรงจริงๆ พละกำลังของหมิงเฟิยนั้นอ่อนแอ บวกกับกล้ามเนื้อของชายผู้นี้แข็งแกร่งไม่เลว กรรไกรจึงไม่ทำร้ายอวัยวะภายใน หลังจากใช้ผงยาพิเศษของนาง ความเสี่ยงที่แผลจะติดเชื้อจึงลดน้อยลง แน่นอนว่าหากมีดแทงที่ท้องนาง เกรงว่าคงมิใช่เรื่องเล
เมื่อได้ยินคําถามประชดประชันนี้ เซี่ยเชียนฮวันก็รู้ว่า เซียวเย่หลันเข้าใจความหมายของนางผิดอีกครั้งแต่นางไม่สนใจ“ใช่ ข้าให้ความสำคัญกับตำแหน่งพระชายาจ้านอ๋องมาก! และก่อนที่ฮ่องเต้องค์ใหม่จะขึ้นครองบัลลังก์ ข้าอยากผูกติดท่านไว้กับจวนอันติ้งโหว ต่อให้จู่ๆ ท่านจะตัดสินใจตามหารักแท้จนสุดขอบฟ้า หรือเต็มใจละทิ้งตำแหน่งองค์ชายเพื่อเคียงคู่กับซูอวี้เออร์ แต่ทั้งหมดนั่นจะต้องรอให้เรื่องราวสิ้นสุดลงเสียก่อน แล้วพวกเราค่อยหย่ากัน”พูดจบ เซี่ยเชียนฮวันก็เห็นแววตาของเซียวเย่หลันค่อยๆ เปลี่ยนไป แววตาดูถูกในตอนแรกหายไปแล้ว และแทนที่ด้วยความประหลาดใจระคนโกรธเคือง“เซี่ยเชียนฮวัน อธิบายความหมายของเจ้าให้ชัดเจน” เขาพูดด้วยความโมโห“ไม่มีอะไรต้องอธิบาย ความหมายก็ตามตัว” เซี่ยเชียนฮวันแสดงท่าทีเรียบเฉยสีหน้าของเซียวเย่หลันก็พลันอึมครึม แต่ไม่มีการระเบิดโทสะ ทว่ากลับหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าจะบอกว่า ที่เจ้าทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับข้า ก็เพื่อปกป้องจวนอันติ้งโหว?”“ใช่”ทุกคนล้วนเข้าใจผิด คิดว่าเจ้าของร่างเดิมเป็นคนไร้สมอง มีเพียงนางที่รู้ว่า เจ้าของร่างเดิมไม่ได้เป็นเช่นนั้นแน่นอนว่านางยังเข้าใจ