ในใจเลขาฉินรู้สึกเศร้าเธอต้องการปลอบเขา แต่กลับไม่สามารถปลอบเขาได้เลย......เวลาไม่สามารถเยียวยาทุกสิ่งได้ บาดแผลบางบาดแผลก็เหมือนจะเน่าเปื่อยอยู่ข้างในเนื้อหนัง ด้านนอกมองไม่ออก แต่ข้างในกลับเน่าเฟะจนเกินเยียวยาลู่เจ๋อขอให้เธอออกไปข้างนอกก่อน เขาบอกว่า เขาต้องการอยู่เงียบ ๆ สักพักรอจนในห้องทำงานไม่มีใครอื่นแล้ว เขาก็จุดบุหรี่ด้วยมือที่สั่นเทา แต่เขาก็รีบดับบุหรี่ทิ้งเขาคิดถึงเมื่อก่อน คิดถึงตอนที่เฉียวซุนเคยพูดไปพลางร้องไห้ไปพลางเธอพูดว่า ลู่เจ๋อ คุณไม่รู้จักวิธีรักใครเลยด้วยซ้ำ!ใช่!ในอดีต เขาไม่รู้จักวิธีรักคนอื่น เพราะในใจของเขา อำนาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้หญิงและลูกก็เป็นเพียงเครื่องประดับ เป็นแค่สิ่งที่เขาจะมีเมื่อไหร่ก็ได้แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ารักคืออะไร กระทั่งข้าง ๆ เธอมีคนอื่นแล้วเขาก็รู้ แต่เขาก็ยังคงทำพินัยกรรมไว้อยู่ดี หากมีอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะมอบลู่ซื่อกรุ๊ปให้เธอทั้งหมดเครื่องรางที่เขาให้เจ้าหนูลู่เหยียนนั้นยังไม่เพียงพอ งั้นก็เพิ่มทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีเข้าไปชีวิตของเขา!โชคชะตาของเขา!เขายินดีที่จะใช้ทุกสิ่งที่ตัวเองมี เพื่อแลกกลับการที่ให้เจ้
เธออดไม่ได้ที่จะสะอื้นออกมาลู่เจ๋อเดินไปหาเธอ จับไหล่บาง ๆ ของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง และเรียกชื่อเธอเบา ๆ “เฉียวซุน! ”เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นท่าทางที่อ่อนแอของเธอ เธอจึงก้มหน้าลงเพื่อที่เขาจะได้ไม่เห็น แต่ลู่เจ๋อก็เพิ่มแรงขึ้นเล็กน้อยและกดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา......สักพัก ช่วงหน้าอกเสื้อเชิ้ตของเขาก็เปียกเป็นวงขึ้นมานั่นคือน้ำตาของเฉียวซุนหลังจากแยกทางกันหลายปี ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ในที่สุดเธอก็ต้องมาอยู่ในอ้อมแขนของชายที่เธอเคยรักและเคยเกลียดจนได้ ร้องไห้จนไม่เป็นตัวเอง ร้องไห้จนควบคุมไม่อยู่ จุดอ่อนทั้งหมดของเธอถูกแสดงออกมาต่อหน้าเขา ไม่เหลือที่ให้ถอยอีกแล้ว!ลู่เจ๋อกอดเธอเอาไว้แน่นแค่กอดเธอเอาไว้เท่านั้น และช่วยพยุงเธอในตอนนี้ เขาถึงขั้นเต็มใจสละชีวิตให้เธอเลยด้วยซ้ำ เขากระซิบข้างหูเธอ เขาเรียกเธอว่าเสี่ยวซุน เขาบอกให้เธอหยุดร้องไห้ เขาบอกว่าเธอร้องไห้มากจนทำให้ใจของเขาแทบแตกสลาย......เจ้าหนูลู่เหยียนที่กำลังเล่นลูกบอลยางอยู่ ก็วิ่งเข้ามา และเห็นพวกเขากำลังกอดกันอยู่พอดีเฉียวซุนรีบผลักลู่เจ๋อออกอย่างรวดเร็วเธอหันหลังกลับ ทำเสียงให้สงบลงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ขอโ
ทันใดนั้นบรรยากาศก็ให้ความรู้ค่อนข้างอธิบายยากเฉียวซุนมองดูเขา เธอมองผ่านดวงตาของลู่เจ๋อ แต่กลับไม่สามารถมองเห็นความปรารถนาของชายคนนั้นได้เลย การแสดงออกของสีหน้าเขา อาจกล่าวได้ว่าเป็นสายตาที่จริงจังอย่างกับนักพรตเลยก็ว่าได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็ตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา “สองวันสุดท้ายแล้ว! ”พวกเขาต้องการมีลูกด้วยกันเฉียวซุนไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด เธอคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดเบา ๆ “ฉันขอไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อย...... ”ก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบ ก็ถูกลู่เจ๋ออุ้มขึ้นมา แล้วพาเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่นเฉียวซุนกลัวว่าตัวเองจะร่วง เธอจึงกอดคอเขาเบา ๆแม้ว่าท่าทางของเธอจะดูเรียบเฉยแต่ลู่เจ๋อกลับจำคืนวันแต่งงานขึ้นมาได้ เขาก็อุ้มเธอเข้าไปในห้องนอนแบบนี้เหมือนกัน ในตอนนั้น ใบหน้าของเฉียวซุนเต็มไปด้วยความเขินอายของเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงาน แต่คืนนั้นเขากลับไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอเท่าที่ควรก้าวเดินสั้น ๆ ไม่กี่ก้าว ก็ให้ความรู้สึกที่หลากหลายอาจเป็นเพราะมีบางอย่างติดอยู่ในใจของพวกเขา หรือบางทีที่พวกเขาทำแบบนี้อาจแค่ทำเพื่ออาการป่วยของเจ้าหนูลู่เหยียนเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมปล่อยเซ็กส์ของพ
ลู่เจ๋อไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมา แขนของเขากระชับขึ้น กอดร่างผอมเพรียวของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา เขายังจูบเนื้อนุ่ม ๆ ที่หลังใบหูของเธออีกด้วย ทำให้เกิดเสียงคลุมเครือจากลำคอ “ผมรู้ ผมก็แค่อยากกอดคุณ”เฉียวซุนหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบเสียงหัวเราะที่เย็นชาของเธอ เขาจะไม่รู้ได้ยังไง เขากระซิบกับร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอ “เฉียวซุน อย่างน้อยปีนี้ พวกเราเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ! ”ในอดีต ลู่เจ๋อไม่เคยคิดเลย ว่าเขาจะจมลงสู่ห้วงของความรู้สึกขนาดนี้เขามองเธอด้วยสายตาที่ร้อนผ่าวเฉียวซุนยังคงหัวเราะด้วยสีหน้าที่ราบเรียบออกมา เธอตอบตกลง......ร่างกายของเธอถูกเขากดเอาไว้ จากนั้นเขาก็จูบเธออย่างบ้าคลั่ง เขาค่อย ๆ ดึงชุดนอนของเธอลง เขาอยากทำให้เธอพอใจและทำให้เธอมีความสุขในห้องนอน เจ้าหนูลู่เหยียนก็ตื่นขึ้นมาเธอขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่ง บนตัวยังคงสวมชุดนอนเต็มตัวอยู่ เธอทำเสียงเหมือนลูกแมว “หนูอยากเข้าห้องน้ำ! ”ร่างกายของลู่เจ๋อแข็งทื่อเล็กน้อย แต่เขายังคงกดทับเฉียวซุนไม่ปล่อย ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองไปที่เธอ สายของเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความลามกของผู้ชายที่ไม่ได้เห็
ช่วงบ่ายสองโมง เฉียวซุนขับรถออกไปเอง และพาเจ้าหนูลู่เหยียนไปที่ลู่ซื่อกรุ๊ปเจ้าหนูลู่เหยียนยืนกรานที่จะนำสุนัขมาด้วยทันทีที่เฉียวซุนจอดรถเจ้าหนูลู่เหยียนก็กอดลูกสุนัขวิ่งเข้าไปในห้องโถงอย่างร่าเริง อาจเป็นเพราะเซี่ยลี่ตัวน้อยมีพฤติกรรมสังเกตเจ้าของ มันเลยรู้ว่านี่คือบริษัทของเจ้านายตัวเอง มันเลยใช้ขาสั้น ๆ สี่ขาของมันเดินไปทั่ว......รองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า ตามด้วยเสียงของผู้หญิงที่เย็นชา “ที่นี่คือบริษัท! ทำไมถึงได้มีเด็กกับสุนัขได้! เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มาจัดการเอาสุนัขออกไปอีก? ”เฉียวซุนบังเอิญเดินเข้ามา เธอก็ได้เจอกับไป๋เสวี่ยพอไป๋เสวี่ยเห็นเธอ ก็เกิดตกตะลึง จากนั้นก็มองไปที่เจ้าหนูลู่เหยียนเสียงของไป๋เสวี่ยดูประหม่า “นี่คือลูกของคุณกับประธานลู่เหรอคะ? ”เฉียวซุนไม่ได้สนใจเธอเธอเดินตรงเข้าไปหาเจ้าหนูลู่เหยียน เจ้าหนูลู่เหยียนถูกดุจนร้องไห้ “แม่คะ เธอดุเซี่ยลี่ตัวน้อย แถมยังจะไล่มันไปอีก! แม่บอกพ่อให้ไล่เธอออกไปเลยนะ”เด็กน้อยคิดว่า บริษัทก็คงจะเหมือนกับโรงเรียนอนุบาล อยากไล่ใครไปก็ไล่ได้เฉียวซุนนั่งยอง ๆ และเช็ดน้ำตาให้เธ
เธอกลับพูดอย่างก้าวร้าวออกมา “ฉันจะไม่มีวันลืมเงินหนึ่งหมื่นบาทที่คุณนายลู่โปรยลงบนพื้นหิมะนั่นหรอกค่ะ”เฉียวซุนหัวเราะด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”ไป๋เสวี่ยโกรธจนแทบหายใจไม่ออกแต่แล้วเธอก็สงบลง เธอยื่นมือออกมาสางผมยาวของเธอ เป็นท่าทางที่ดูมีเสน่ห์มาก “คุณนายลู่ คุณไม่อยากรู้เรื่องราวในปีนั้นของฉันกับประธานลู่เหรอคะ? ”เฉียวซุนรู้สึกรำคาญมากเธอใช้ไม้คน คนกาแฟเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “คุณเองก็บอกว่าเป็นเรื่องของปีนั้น! เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น จำเป็นต้องเล่าด้วยเหรอคะ? แต่ฉันก็พอจะจำได้ว่า ตอนนั้นลู่เจ๋อเองก็ยังไม่ได้หย่าล่ะมั้ง! หรือต่อให้จะมีอะไรจริง ๆ นั่นมันก็คงเป็นการกระทำที่น่าอับอายของคุณไป๋ แล้วทำไมคุณถึงยังอยากจะเอามาพูดอวดอยู่อีกล่ะคะ? ”น้ำเสียงของเฉียวซุนดูสงบลง “คุณเชื่อไหมคะ ว่าฉันจะเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกลู่เจ๋อ แล้วพรุ่งนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องมาทำงานแล้ว! ”ไป๋เสวี่ยมาที่นี่ก็เพื่อนำเสนอผลงานของเธอแต่เธอกลับอยากอยู่เมือง B ต่อ นี่คือความฝันของเธอเธอไม่เชื่อว่าเฉียวซุนจะมีความสามารถมากขนาดนั้น เธอรู้ว่าพวกเขาหย่ากันแล้ว แ
จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบลงการหายใจอันรวดเร็ว ความกระตือรือร้นของชายหญิงดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ราวกับว่าบนโลกใบนี้เหลือเพียงคำพูดนั้นของลู่เจ๋อแค่ประโยคเดียว......ผมรักคุณดวงตาของเฉียวซุนเปียกชื้นเธอมองเขาอย่างสิ้นหวัง และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ลู่เจอ พวเราจะพูดเรื่องอะไรกันก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เรื่องความรัก! ถ้าคุณรักฉันจริง ๆ คุณคงไม่ทำใจทำร้ายฉัน เสียสละฉัน ครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้หรอก! ”ทุกครั้งที่เขาทำร้ายเธอ มันทำให้เธอจำฝังใจไม่ลืมมันทำให้เธอต้องจำไปตลอดชีวิต!ที่ป้าเสิ่นพยายามทดสอบจิตใจของเธอ เพราะคิดว่าเธออาจจะกำลังลังเลอยู่ คิดว่าเธออาจจะอยากเริ่มต้นใหม่กับลู่เจ๋ออีกครั้งใช่ ลู่เจ๋อในตอนนี้เป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นมากขึ้นแต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยทำกับเธอ มันก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันทุกตั้งที่ถึงฤดูหนาว ร่างกายของเธอจะมีอาการหนาวสั่นทะลุเข้าไปถึงกระดูก บางครั้งในตอนกลางคืนเธอก็จะฝันเห็นตัวเองซุกตัวอยู่มุมหนึ่งในวิลล่า ทำได้แค่รอให้ถึงรุ่งสางอย่างสิ้นหวัง......เพราะเมื่อถึงรุ่งสาง แสงจากพระอาทิตย์ก็พอจะทำให้อุ่นขึ้นบ้างพอคิดถึงเรื่องพวกนั้น ทุกอย่างก็เย็นลงทันที
บนคอของหลินเซียว สวมสร้อยคอทับทิมเส้นนั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน!ภายนอกของลู่เจ๋อดูสงบ แต่ภายในกลับรู้สึกตกใจที่แท้เฉียวซุนก็ไม่ได้คบอยู่กับคุณฟ่าน ที่แท้หลินเซียวก็เป็นแฟนคุณฟ่าน ที่แท้ข้าง ๆ ของเฉียวซุนก็ยังไม่มีใคร......ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่สนใจเรื่องนี้!ลู่เจ๋อเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเขาเคยคิดว่าเฉียวซุนกับคุณฟ่านคบกันอยู่ กระทั่งในหัวของเขาเองก็เคยคิดว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์ที่สับสนอลหม่านกับคนอื่นมาแล้วด้วยซ้ำ จนทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้ ทำให้เขาไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้สำเร็จตอนนี้ เขาต้องการอยู่ร่วมกันกับเธอจริง ๆลู่เจ๋อนั่งอยู่ในรถแม้ว่าเขาจะอายุสามสิบปีแล้ว แต่เขาก็มีความกระตือรือร้นและยังมีความหุนหันพลันแล่นเหมือนเด็กหนุ่มอยู่ เขาต้องการกลับไปที่สวนชิงเดี๋ยวนี้ อยากที่จะเจอเฉียวซุนทันทีคนขับกำลังจะขับรถออกไป ก็มีร่างเพรียวบาง มาหยุดรถเอาไว้คือไป๋เสวี่ยทันทีที่ไป๋เสวี่ยเห็นรถหยุด เธอก็วิ่งไปหลังรถทันที และตบกระจกรถ “คุณลู่คะ ฉันอยากพบคุณค่ะ”ลู่เจ๋อคิดอยู่สองวินาที แล้วลดหน้าต่างลงเขานั่งอยู่ในรถ แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวหิมะที่ดูเรียบหรูไป๋เสวี่ย