ลู่เจ๋อไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมา แขนของเขากระชับขึ้น กอดร่างผอมเพรียวของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา เขายังจูบเนื้อนุ่ม ๆ ที่หลังใบหูของเธออีกด้วย ทำให้เกิดเสียงคลุมเครือจากลำคอ “ผมรู้ ผมก็แค่อยากกอดคุณ”เฉียวซุนหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบเสียงหัวเราะที่เย็นชาของเธอ เขาจะไม่รู้ได้ยังไง เขากระซิบกับร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอ “เฉียวซุน อย่างน้อยปีนี้ พวกเราเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ! ”ในอดีต ลู่เจ๋อไม่เคยคิดเลย ว่าเขาจะจมลงสู่ห้วงของความรู้สึกขนาดนี้เขามองเธอด้วยสายตาที่ร้อนผ่าวเฉียวซุนยังคงหัวเราะด้วยสีหน้าที่ราบเรียบออกมา เธอตอบตกลง......ร่างกายของเธอถูกเขากดเอาไว้ จากนั้นเขาก็จูบเธออย่างบ้าคลั่ง เขาค่อย ๆ ดึงชุดนอนของเธอลง เขาอยากทำให้เธอพอใจและทำให้เธอมีความสุขในห้องนอน เจ้าหนูลู่เหยียนก็ตื่นขึ้นมาเธอขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่ง บนตัวยังคงสวมชุดนอนเต็มตัวอยู่ เธอทำเสียงเหมือนลูกแมว “หนูอยากเข้าห้องน้ำ! ”ร่างกายของลู่เจ๋อแข็งทื่อเล็กน้อย แต่เขายังคงกดทับเฉียวซุนไม่ปล่อย ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองไปที่เธอ สายของเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความลามกของผู้ชายที่ไม่ได้เห็
ช่วงบ่ายสองโมง เฉียวซุนขับรถออกไปเอง และพาเจ้าหนูลู่เหยียนไปที่ลู่ซื่อกรุ๊ปเจ้าหนูลู่เหยียนยืนกรานที่จะนำสุนัขมาด้วยทันทีที่เฉียวซุนจอดรถเจ้าหนูลู่เหยียนก็กอดลูกสุนัขวิ่งเข้าไปในห้องโถงอย่างร่าเริง อาจเป็นเพราะเซี่ยลี่ตัวน้อยมีพฤติกรรมสังเกตเจ้าของ มันเลยรู้ว่านี่คือบริษัทของเจ้านายตัวเอง มันเลยใช้ขาสั้น ๆ สี่ขาของมันเดินไปทั่ว......รองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า ตามด้วยเสียงของผู้หญิงที่เย็นชา “ที่นี่คือบริษัท! ทำไมถึงได้มีเด็กกับสุนัขได้! เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่มาจัดการเอาสุนัขออกไปอีก? ”เฉียวซุนบังเอิญเดินเข้ามา เธอก็ได้เจอกับไป๋เสวี่ยพอไป๋เสวี่ยเห็นเธอ ก็เกิดตกตะลึง จากนั้นก็มองไปที่เจ้าหนูลู่เหยียนเสียงของไป๋เสวี่ยดูประหม่า “นี่คือลูกของคุณกับประธานลู่เหรอคะ? ”เฉียวซุนไม่ได้สนใจเธอเธอเดินตรงเข้าไปหาเจ้าหนูลู่เหยียน เจ้าหนูลู่เหยียนถูกดุจนร้องไห้ “แม่คะ เธอดุเซี่ยลี่ตัวน้อย แถมยังจะไล่มันไปอีก! แม่บอกพ่อให้ไล่เธอออกไปเลยนะ”เด็กน้อยคิดว่า บริษัทก็คงจะเหมือนกับโรงเรียนอนุบาล อยากไล่ใครไปก็ไล่ได้เฉียวซุนนั่งยอง ๆ และเช็ดน้ำตาให้เธ
เธอกลับพูดอย่างก้าวร้าวออกมา “ฉันจะไม่มีวันลืมเงินหนึ่งหมื่นบาทที่คุณนายลู่โปรยลงบนพื้นหิมะนั่นหรอกค่ะ”เฉียวซุนหัวเราะด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”ไป๋เสวี่ยโกรธจนแทบหายใจไม่ออกแต่แล้วเธอก็สงบลง เธอยื่นมือออกมาสางผมยาวของเธอ เป็นท่าทางที่ดูมีเสน่ห์มาก “คุณนายลู่ คุณไม่อยากรู้เรื่องราวในปีนั้นของฉันกับประธานลู่เหรอคะ? ”เฉียวซุนรู้สึกรำคาญมากเธอใช้ไม้คน คนกาแฟเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “คุณเองก็บอกว่าเป็นเรื่องของปีนั้น! เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้น จำเป็นต้องเล่าด้วยเหรอคะ? แต่ฉันก็พอจะจำได้ว่า ตอนนั้นลู่เจ๋อเองก็ยังไม่ได้หย่าล่ะมั้ง! หรือต่อให้จะมีอะไรจริง ๆ นั่นมันก็คงเป็นการกระทำที่น่าอับอายของคุณไป๋ แล้วทำไมคุณถึงยังอยากจะเอามาพูดอวดอยู่อีกล่ะคะ? ”น้ำเสียงของเฉียวซุนดูสงบลง “คุณเชื่อไหมคะ ว่าฉันจะเอาเรื่องพวกนี้ไปบอกลู่เจ๋อ แล้วพรุ่งนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องมาทำงานแล้ว! ”ไป๋เสวี่ยมาที่นี่ก็เพื่อนำเสนอผลงานของเธอแต่เธอกลับอยากอยู่เมือง B ต่อ นี่คือความฝันของเธอเธอไม่เชื่อว่าเฉียวซุนจะมีความสามารถมากขนาดนั้น เธอรู้ว่าพวกเขาหย่ากันแล้ว แ
จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบลงการหายใจอันรวดเร็ว ความกระตือรือร้นของชายหญิงดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ราวกับว่าบนโลกใบนี้เหลือเพียงคำพูดนั้นของลู่เจ๋อแค่ประโยคเดียว......ผมรักคุณดวงตาของเฉียวซุนเปียกชื้นเธอมองเขาอย่างสิ้นหวัง และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ลู่เจอ พวเราจะพูดเรื่องอะไรกันก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เรื่องความรัก! ถ้าคุณรักฉันจริง ๆ คุณคงไม่ทำใจทำร้ายฉัน เสียสละฉัน ครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้หรอก! ”ทุกครั้งที่เขาทำร้ายเธอ มันทำให้เธอจำฝังใจไม่ลืมมันทำให้เธอต้องจำไปตลอดชีวิต!ที่ป้าเสิ่นพยายามทดสอบจิตใจของเธอ เพราะคิดว่าเธออาจจะกำลังลังเลอยู่ คิดว่าเธออาจจะอยากเริ่มต้นใหม่กับลู่เจ๋ออีกครั้งใช่ ลู่เจ๋อในตอนนี้เป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นมากขึ้นแต่ความเจ็บปวดที่เขาเคยทำกับเธอ มันก็เป็นเรื่องจริงเช่นกันทุกตั้งที่ถึงฤดูหนาว ร่างกายของเธอจะมีอาการหนาวสั่นทะลุเข้าไปถึงกระดูก บางครั้งในตอนกลางคืนเธอก็จะฝันเห็นตัวเองซุกตัวอยู่มุมหนึ่งในวิลล่า ทำได้แค่รอให้ถึงรุ่งสางอย่างสิ้นหวัง......เพราะเมื่อถึงรุ่งสาง แสงจากพระอาทิตย์ก็พอจะทำให้อุ่นขึ้นบ้างพอคิดถึงเรื่องพวกนั้น ทุกอย่างก็เย็นลงทันที
บนคอของหลินเซียว สวมสร้อยคอทับทิมเส้นนั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคู่รักกัน!ภายนอกของลู่เจ๋อดูสงบ แต่ภายในกลับรู้สึกตกใจที่แท้เฉียวซุนก็ไม่ได้คบอยู่กับคุณฟ่าน ที่แท้หลินเซียวก็เป็นแฟนคุณฟ่าน ที่แท้ข้าง ๆ ของเฉียวซุนก็ยังไม่มีใคร......ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่สนใจเรื่องนี้!ลู่เจ๋อเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเขาเคยคิดว่าเฉียวซุนกับคุณฟ่านคบกันอยู่ กระทั่งในหัวของเขาเองก็เคยคิดว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์ที่สับสนอลหม่านกับคนอื่นมาแล้วด้วยซ้ำ จนทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้ ทำให้เขาไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้สำเร็จตอนนี้ เขาต้องการอยู่ร่วมกันกับเธอจริง ๆลู่เจ๋อนั่งอยู่ในรถแม้ว่าเขาจะอายุสามสิบปีแล้ว แต่เขาก็มีความกระตือรือร้นและยังมีความหุนหันพลันแล่นเหมือนเด็กหนุ่มอยู่ เขาต้องการกลับไปที่สวนชิงเดี๋ยวนี้ อยากที่จะเจอเฉียวซุนทันทีคนขับกำลังจะขับรถออกไป ก็มีร่างเพรียวบาง มาหยุดรถเอาไว้คือไป๋เสวี่ยทันทีที่ไป๋เสวี่ยเห็นรถหยุด เธอก็วิ่งไปหลังรถทันที และตบกระจกรถ “คุณลู่คะ ฉันอยากพบคุณค่ะ”ลู่เจ๋อคิดอยู่สองวินาที แล้วลดหน้าต่างลงเขานั่งอยู่ในรถ แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวหิมะที่ดูเรียบหรูไป๋เสวี่ย
เฉียวซุนไม่ได้สังเกตเห็นหลู่เจ๋อที่นอกประตู เธอหยิบไวโอลินขึ้นมา ยืนอยู่หน้าต่าง และเล่นเพลงให้เจ้าหนูลู่เหยียนฟัง ถึงแม้จะไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ทั้งท่วงท่าและเสียงก็สวยงามและไพเราะมากพอเพลงจบลงเฉียวซุนหันกลับมา และกำลังจะคุยกับเจ้าหนูลู่เหยียน แต่เธอกลับเห็นลู่เจ๋อ......ดวงตาของลู่เจ๋อกลับเป็นประกายยิ่งขึ้นกว่าเดิมแต่เพราะมีเจ้าหนูลู่เหยียนอยู่ด้วย เขาเลยยังต้องควบคุมตัวเองเอาไว้ แล้วเดินไปที่โซฟาเพื่อนั่งลง ตอนอยู่ในงานเลี้ยง เขาดื่มไวน์แดงไปสองแก้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเจือไปด้วยอาการเมานิดหน่อย ภายใต้โคมไฟคริสตัลกลับทำให้เขาดูมีเสน่ห์หลังจากสร่างเมาได้สักพัก เจ้าหนูลู่เหยียนก็ปีนขึ้นมาบนตัวเขา เธออยากให้พ่อของเธอกอดลู่เจ๋อจับตัวเล็ก ๆ ของเธอขึ้นมาเขาให้เธอนั่งบนเอวของเขา แล้วยังนำลูกสุนัขมาให้เธอด้วย แต่เจ้าหนูลู่เหยียนกลับเริ่มนับกระดานซักผ้าตรงหน้าท้องของพ่อเธอ นับก้อนเนื้อทีละก้อนทีละก้อน มันแข็งเอามาก ๆ......ลู่เจ๋อก้มมองเธอ แต่คำพูด เขากลับพูดกับเฉียวซุนอย่างอ่อนโยน “ทำไมคุณถึงคิดจะสอนไวโอลินให้เธอ? ”เฉียวซุนสัมผัสที่ตัวไวโอลินเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน เธอ
เขาพิงเธอ และพึมพำอย่างเย้ายวน “เมื่อคืนไม่มีอารมณ์ แล้วคืนนี้ก็ไม่ใช่วันไข่ตก......เฉียวซุน นี่คุณจงใจแกล้งผมอยู่เหรอ? คุณคิดว่าต้องรอให้ถึงช่วงไข่ตกผมถึงจะแตะต้องคุณ ผมถึงจะทำเรื่องอย่างว่ากับคุณอย่างงั้นเหรอ? ”“ใช่! ”เฉียวซุนตอบกลับอย่างเด็ดขาดเธอผลักลู่เจ๋อออกไป สงบใจลงเล็กน้อย และพูดอย่างชัดเจนกับเขา “ฉันย้ายมาที่นี่ก็เพื่อเจ้าหนูลู่เหยียน ไม่ใช่เพื่อกลับมาคบกับคุณ! ใช่ ข้างกายฉันยังไม่มีใคร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมรับคุณ! ”ลู่เจ๋อรู้สึกเศร้าเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ออกมาที่เฉียวซุนปฏิบัติต่อเขาแบบนี้ มันก็สมควรแล้วเขาไม่ได้บังคับเธอ......แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง ยังคงดูเย็นชาอยู่ดีเสิ่นชิงดูสถานการณ์ออก เธอกลัวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะส่งผลกระทบต่อเจ้าหนูลู่เหยียน เฉียวซุนพูดอย่างใจเย็น “ลู่เจ๋อ ต่อหน้าลูก คุณก็หัดยับยั้งชั่งใจบ้างนะ! ”อันที่จริง เธอเองก็รู้สึกได้ว่า ลู่เจ๋อต้องการชดใช้ให้เธอจริง ๆแต่เธอ......กลับไม่อยากยอมรับ!เฉียวซุนลดงานให้น้อยลง เธอพาเจ้าหนูลู่เหยียนไปที่สวนสนุกตอนเช้ามีเด็กค่อนข้างน้อย ซึ่งค
ชายคนนั้นแต่งตัวเรียบง่าย แต่ต่อให้เขาจะกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว แต่เธอก็ยังจำเขาในนามของลู่เหวินหลี่ได้อยู่หลังจากหลายปีผ่านไปในที่สุดเขาก็กลับมา!อดีตสามีภรรยามองหน้ากัน กระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังคงเป็นสามีภรรยากันอยู่ ปีนั้นตอนที่เขาจากไป ก็ไม่ได้ทำการหย่าอย่างเป็นทางการ......ใบหน้าของคุณหญิงลู่เต็มไปด้วยน้ำตา เธอไม่สามารถแบกรับการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันนี้ได้ ในใจของเธอ ลู่เหวินหลี่ได้ตายจากเธอไปแล้ว ไม่งั้นทำไมเขาถึงไม่อยู่กับสองแม่ลูกเฮ่อหยุนล่ะ?ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเธอมีโอกาสตั้งมากมาย แต่เธอกลับไม่เคยถามเฮ่อหยุนเลยสักครั้งเพราะความหยิ่งทะนงริมฝีปากของเธอสั่น เธอมองดูผู้ชายที่เธอทั้งรักทั้งเกลียดมาทั้งชีวิต แล้วบ่นพึมพำ “คุณมันโหดร้ายมาก! ”ลู่เหวินหลี่ก้าวไปข้างหน้าแต่นางลูกลับก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า แล้วก็เดินโซเซจากไปในใจของเธอ สามีของเธอเสียชีวิตในต่างประเทศไปนานแล้ว......ที่ทางเข้าของสวนชิงเจ้าหนูลู่เหยียนยังเล่นไม่พอ เธอปฏิเสธที่จะไปนอน เธออยากเล่นบนสนามหญ้าในลานบ้านให้นานกว่านี้เสิ่นชิงชินกับนิสัยของเด็กน้อย เธอจึงพูดของเฉียวซุนว่