หลังจากสั่งช่างตีเหล็กตีดาบเหมือนของเกาเหอให้เขาเล่มหนึ่งเพื่อเอาไว้เป็นอาวุธติดตัวเสร็จ หยุนเจิงก็ทิ้งแผนที่จวนเอาไว้ ก่อนจะพาคนสามคนจากไปในขณะที่กลับไปนั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงด้วยสายตาอันประหลาดใจ“เจ้าก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลยนะ!”ยากมากที่เสิ่นลั่วเยี่ยนจะเผยรอยยิ้มต่อหน้าหยุนเจิงเช่นนี้“ข้าก็แค่ไม่อยากให้ทหารที่เสียเลือดเสียเนื้อพลีชีพเพื่อต้าเฉียนเหล่านั้นต้องผิดหวังก็เท่านั้นเอง”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวด้วยความโกรธว่า “วันพรุ่งในที่ประชุม ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อเสด็จพ่อ ข้าจะขอให้เสด็จพ่อตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด”“องค์ชาย ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” ทันใดนั้นเกาเหอส่งเสียงขึ้น“หือ?”หยุนเจิงหันไปมองเกาเหอ “เหตุใดถึงไม่ได้ เจ้าเองก็เป็นคนในกองทัพ หากเงินบำรุงขวัญของพี่น้องเจ้าโดนยักยอกไป เจ้าจะอยู่เฉยไม่ทำอันใดเลยอย่างนั้นหรือ”“ก็จริง!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้า กล่าวด้วยสายตาเคร่งขรึมเด็ดเดี่ยวว่า “คนที่มันยักยอกเงินบำรุงขวัญของเหล่าทหารที่พลีชีพไป มันสมควรตาย!”เกาเหอส่ายหน้าและกล่าวอย่างจริงจังว่า “องค์ชายทำเช่นนี้จะทำให้กระทบผลประโยชน์ของคนจำนวนมากได
หากเขารายงานเรื่องนี้ต่อราชสำนัก คนเหล่านั้นไม่โกรธแค้นก็แปลกแล้วล่ะ!หลายคนที่สวามิภักดิ์ต่อเขา เกรงว่าจะกลับลำเป็นแน่!แต่ตอนนี้หยุนเจิงรู้เรื่องนี้แล้ว!ต่อให้ตัวเขาเองไม่พูด เกรงว่าเจ้าหกก็คงจะกราบทูลเรื่องนี้ต่อเสด็จพ่อเป็นการส่วนตัวแน่!เมื่อถึงตอนนั้นหากเขาเอ่ยเรื่องนี้อีกครั้งทั้งๆ ที่ตนเองรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแต่ตนกลับไม่กราบทูล เสด็จพ่อไม่ตำหนิตนก็คงจะแปลกแล้วล่ะ!ในตอนนี้หยุนลี่รู้สึกอยากตบหน้าตัวเองสักฉาดสองฉาดอยู่ดีไม่ว่าดี รนหาที่มาถึงนี่เพื่ออันใดกัน“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ข้าจะเข้าวังไปกราบทูลเสด็จพ่อ!”หยุนลี่ลุกขึ้นรีบพรวดพราดเดินจากไป ไม่ทันแม้กระทั่งเอ่ยคำลาแต่อย่างใดเขาต้องรีบไปปรึกษาหารือกับสวีสือฝู่เพื่อคิดหาทางรับมือให้เร็ว!เห็นหยุนลี่รีบเดินพรวดพราดออกไปด้วยท่าทางตื่นตระหนกเช่นนี้ สีหน้าของหยุนเจิงก็เผยรอยยิ้มสะใจขึ้นเยี่ยจื่อกลั้นความตลกขบขันเอาไว้ แอบคิดในใจว่าเจ้าบ้านี่ช่างร้ายกาจไม่เบาเลย…หลังจากที่ออกมาจากจวนหยุนเจิง หยุนลี่รีบรุดมุ่งหน้ามาที่จวนสวีสือฝู่ทันทีเมื่อเขาเล่าเรื่องนี้ให้สวีสือฝู่ฟัง สวีสือฝู่ก็เคร่งเครียดขึ้นห
ยามรัตติกาล จักรพรรดิเหวินยังคงอยู่ในห้องทรงพระอักษรเนื่องมาจากเรื่องของคณะทูตเป่ยหวน จักรพรรดิเหวินจึงไม่ได้สนใจสนมเหล่านั้นแล้วเขาไม่มีจิตใจไปคิดเรื่องนั้นจริงๆ!ครุ่นคิดถึงเรื่องที่จะปรึกษาหารือคณะทูตเป่ยหวนขอเสบียง จักรพรรดิเหวินก็กลุ้มพระทัยจนบรรทมไม่หลับ“ก๊อกๆ…”ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูจากด้านนอกก็ดังขึ้น“เข้ามา!”จักรพรรดิเหวินเงยพระพักตร์ขึ้นด้วยสีพระพักตร์ที่เหนื่อยล้าองครักษ์เงารุดเดินเข้ามากระซิบถ้อยคำซึ่งเป็นความลับข้างพระกรรณเมื่อได้ยินถ้อยคำขององครักษ์เงาเข้า จู่ๆ นัยน์พระเนตรจักรพรรดิเหวินแผ่ซ่านจิตสังหารออกมาทันที“เป็นเรื่องจริงแท้แน่ชัดหรือไม่?”จักรพรรดิเหวินตรัสถามด้วยสีพระพักตร์ที่เย็นชาองครักษ์เงาพยักหน้าช้าๆ“ช่างบังอาจยิ่งนัก!”นัยน์พระเนตรจักรพรรดิเหวินเต็มไปด้วยจิตสังหารหลังจากศึกการสู้รบเมื่อห้าปีก่อน เขาได้กำชับทุกกรมอย่างเคร่งครัดให้จัดการเงินบำรุงขวัญให้กับครอบครัวเหล่าทหารผู้พลีชีพอย่าให้ขาดตกบกพร่องผู้ใดกล้าทุจริตยักยอก ต้องถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด!นึกไม่ถึงเลยว่าจะคนกล้ากระทำเรื่องเช่นนี้ขึ้น!หลังจากพยายามระงับโท
“...”หยุนเจิงหมดคำจะพูดจริงๆประสาทไปแล้วหรือไร!ดึกๆ ดื่นๆ วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่นี่ด้วยเหตุใดกันหรือเพราะเรื่องการทุจริตยักยอกเงินบำรุงขวัญอย่างนั้นหรือ“เจ้าไปเตรียมชา ประเดี๋ยวข้าตามไป!”หยุนเจิงสั่งการ และลุกจากเตียงซินเซิงรุดวิ่งพรวดพราดเข้ามา “องค์ชาย ให้ข้าน้อยเปลี่ยนอาภรณ์ให้เถอะเพคะ!”“เอาล่ะๆ ไม่ต้อง! ข้าเปลี่ยนเอง!”หยุนเจิงปฏิเสธซินเซิงและเปลี่ยนชุดเองไม่นานนักหยุนเจิงก็เปลี่ยนชุดเสร็จและเดินออกมานอกห้องเมื่อเห็นหยุนเจิง ขันทีในวังก็รีบโค้งทำความเคารพ “องค์ชาย ฝ่าบาทมีพระบัญชาว่าการประชุมหารือในวันพรุ่งจะเริ่มก่อนเวลาที่กำหนดไว้ครึ่งชั่วยามพ่ะย่ะค่ะ”นี่กำลังล้อเล่นอันใดกัน?เริ่มก่อนเวลาที่กำหนดไว้ครึ่งชั่วยาม?นี่มันบ้าอะไรกัน?จะไม่ให้หลับนอนเลยหรืออย่างไร“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”หยุนเจิงตอบด้วยความหดหู่ และถามต่ออีกว่า “เกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นหรือ?”“กระหม่อมไม่อาจทราบได้พ่ะย่ะค่ะ”ขันทีผู่ส่งข่าวกล่าว “แต่ดูจากสีหน้าของหัวหน้าขันทีมู่แล้วคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“เอาล่ะ ขอบใจเจ้ามาก”หยุนเจิงหยักหน้า และให้ผู้ดูแลจวนตบรางว
เมื่อได้ยินจักรพรรดิเหวินตรัสเช่นนี้ เหล่าขุนนางก็เข้าใจได้ทันทีไส้ศึก!มีคนในราชสำนักแอบส่งข่าวให้กับคณะทูตเป่ยหวน!มิน่าล่ะว่าเหตุใดจักรพรรดิเหวินถึงได้โกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ที่แท้ก็กำลังจะมีคนซวยนี่เอง!หยุนลี่กับสวีสือฝู่แอบสบตากัน แอบหัวเราะอยู่ในใจ!เป็นอย่างที่พวกเขาคาดเอาไว้ไม่มีผิด!ปานปู้เคลื่อนไหวตามแผนที่วางไว้แล้ว!หยุนลี่เงยหน้ามองหยุนเจิง แอบสะใจอยู่ในใจเจ้าคนขี้ขลาด!นี่คือจุดจบที่เจ้ากล้าบังอาจล่วงเกินข้า!หยุนเจิงก้มหน้า แอบดีใจอยู่ในใจบัดซบ!โชคดีนะที่บิดาได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า!มิเช่นนั้นเกรงว่าต้องโดนเล่นงานไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเป็นแน่!มู่ซุ่นโค้งคำนับด้วยความเคารพ สองมือหงายรับจดหมายฉบับนั้นมาจากจักรพรรดิเหวิน และอ่านจดหมายฉบับนั้นต่อหน้าเหล่าขุนนางทั้งท้องพระโรง “องค์ชายหก…”ข้อความในจดหมายนั้นเป็นถ้อยคำง่ายมากก็แค่ปานปู้เขียนจดหมายแจ้งหยุนเจิงว่า ในงานเลี้ยงต้อนรับก่อนหน้านี้ เขาได้ร่วมมือกับหยุนเจิงแสดงละครฉากใหญ่นั้นจนจบ และในการประชุมหารือเรื่องขอเสบียงในวันนี้ ขอให้หยุนเจิงช่วยสนับสนุนให้สักหน่อย! หากสำเร็จ เป่ยหวนจะขอบคุ
“หุบปาก!”ทันใดนั้นจักรพรรดิเหวินก็ตะคอกออกมาจนถึงตอนนี้เองทุกคนถึงจะเงียบปากลง“เจ้าหก เจ้ามีอันใดจะพูดหรือไม่?”สายตาของจักรพรรดิเหวินจ้องมองและกล่าวถามหยุนเจิงอย่างดุดันหยุนเจิงส่ายหน้าช้าๆ ยิ้มเจื่อนๆ พลางกล่าว “ลูก…ไม่มีอันใดจะพูดพ่ะย่ะค่ะ”“พูดเช่นนี้แสดงว่าเจ้ายอมรับแล้วอย่างนั้นหรือ”แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของจักรพรรดิเหวิน“ลูกจะยอมรับหรือไม่ มันก็ไม่ได้ต่างอันใดกันหรอกพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงยิ้มเจื่อนและกล่าวต่อ “ลูกไม่อาจแก้ตัวและไม่อาจพิสูจน์ความบริสุทธ์ได้พ่ะย่ะค่ะ! ต่อให้ลูกไม่ยอมรับ แต่หลักฐานที่คนของเป่ยหวนทิ้งให้ประจักษ์ตรงหน้าเช่นนี้แล้ว ลูกยังจะพูดอันใดได้อีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”“องค์ชายหก ท่านสามารถแก้ตัวได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวว่านโฉวกล่าวเตือน “องค์ชายหกบอกว่ารูบิคนั่นอ่านเจอมาจากตำราโบราณเล่มหนึ่งไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายหกเอาตำราโบราณเล่มนั้นออกมา เช่นนี้ก็สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ขององค์ชายได้แล้ว”นี่เป็นโอกาสเดียวที่หยุนเจิงจะพิสูจน์ได้ว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่เขาเอาตำราเล่มนั้นออกมา ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าเขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับพวกเป่ยห
เหล่าบรรดาขุนนางต่างเอ่ยปากกล่าว ทว่า จักรพรรดิเหวินกลับไม่ได้เอ่ยปากกล่าวสิ่งใดออกมา“ฝ่าบาท มิสู้ให้โอกาสองค์ชายหกได้เผชิญหน้ากับคณะทูตเป่ยหวนสักครั้งล่ะพ่ะย่ะค่ะ”ในตอนนี้ เซียวว่านโฉวเอ่ยปากกล่าวอีกครั้ง พยายามเป็นครั้งสุดท้าย“องค์ชายหกเองก็ยอมรับแล้ว ยังต้องเผชิญหน้ากันอีกหรือ”สวีสือฝู่กล่าวเสียงแข็ง “ต่อให้จะให้โอกาสองค์ชายหกได้เผชิญหน้ากับคณะทูตเป่ยหวน แต่คิดหรือว่าคณะทูตเป่ยหวนจะยอมรับ?”คำพูดของสวีสือฝู่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าขุนนางจำนวนมาก แม้แต่หยุนเจิงเองก็เห็นด้วยต่อให้มีโอกาสนั้น ก็เป็นเพียงแค่ยืดเวลาออกไปก็เท่านั้นปานปู้ไม่มีทางยอมรับว่าเด็ดขากว่าใส่ร้ายป้ายสีเขายิ่งไปกว่านั้น มันอาจจะเป็นการเติมเชื้อเพลิงในไฟซ้ำอีกคำพูดของสวีสือฝู่ทำให้เซียวว่านโฉวพูดไม่ออกอีกครั้งเซียวว่านโฉวเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ ฝีปากจะสู้ขุนนางฝ่ายบุ๋นได้อย่างไรกันหลังจากที่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ทันใดนั้นเซียวว่านโฉวก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เสียง ตุ้บ! ดังขึ้นหนึ่งครา เขาคุกเข่าลง “ฝ่าบาท อย่างไรเสียองค์ชายหกก็เป็นโอรสของฝ่าบาท ในเมื่อต้องโทษถึงความตาย ก็ไม่อาจตายเพียงเพราะข้
“ไม่ลืม!”ปานปู้ส่ายหน้าพลางกล่าว “เรื่องการคาราวะมีข้อจำกัดเพียงแค่คืนก่อนเท่านั้น ส่วนวันนี้นั้น ไม่นับ!”จักรพรรดิเหวินเจ็บใจยิ่งนัก แอบสบถด่าในใจตาเฒ่านี่ฉวยโอกาส“เอาเถอะ! อย่างไรเสีย ราชครูก็เคยก้มคุกเข่าคารวะข้าแล้ว!”จักรพรรดิเหวินโบมือพลางกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ช่วงนี้ข้าอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่อยากพูดจามากความ ราชครูมีเรื่องอันใดก็บอกมาตามตรงเถอะ เป่ยหวนต้องการให้ต้าเฉียนสนับสนุนเสบียงเป็นจำนวนเท่าไหร่?”“สามล้านตัน!”ปานปู้เอ่ยปากกล่าว“ว่าอย่างไรนะ?”“สามล้านตันอย่างนั้นหรือ?”“เรื่องนี้ ไม่ได้เด็ดขาด!”“หากมอบเสบียงให้เป่ยหวนหมด แล้วชาวต้าเฉียนจะกินอะไร?”“นั่นน่ะสิ ต้าเฉียนเก็บภาษีเสบียงปีนึงก็ได้แค่แปดล้านตันเท่านั้น…”เหล่าบรรดาขุนนางคัดค้านทันทีหยุนเจิงเองก็แอบสบถด่าเช่นกันสามล้านตัน ไม่ใช่สามร้อยล้านเม็ดเพ้อฝันมากเกินไปแล้ว!“ไม่ใช่สิ ไม่ๆๆ!”ปานปู้ส่ายหน้าหัวเราะหึๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าราชครูได้ยินมาว่าปีนี้ต้าเฉียนเก็บเกี่ยวได้เยอะเป็นพิเศษ ภาษีเสบียงปีนี้เก็บเกี่ยวได้มากกว่าสามสิบล้านตัน ส่วนที่เป่ยหวนร้องขอยังไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนเลย!”ทันทีที่ปาน