ณ เมืองจักรพรรดิจักรพรรดิเหวินกำลังทำการประชุมเหมือนปกติช่วงนี้จักรพรรดิเหวินอารมณ์ดีไม่น้อยเจ้าหกได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่ซั่วฟาง และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับเป่ยหวนด้วยการสูญเสียที่น้อยที่สุดนี่เองก็เป็นสงครามกับเป่ยหวนที่ซะใจที่สุดในประวัติศาสตร์ของต้าเฉียนสงครามครั้งนี้ถือว่าได้แก้แค้นให้กับทหารดูแลเสบียงของเป่ยหยวนเหล่านั้นด้วยทำให้ต้าเฉียนปล่อยวางได้สักที!แต่ทว่า เขาเองก็มีเรื่องต้องปวดหัวเช่นกันตบรางวัล!หยุนเจิงนำทัพจนได้รับชัยชนะครั้งใหญ่เช่นนี้ หากไม่ตบรางวัลให้ล่ะก็ ไม่รู้จะพูดอย่างไรเช่นกัน!หลายวันมานี้ เซียวว่านโฉววพวกเขาได้ขอรางวัลแทนหยุนเจิงไม่ใช่ครั้งเดียวแล้ววันนี้ แม่ทัพอาวุโสเหล่านี้ก็เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกครั้งบัดนี้ ทางราชสำนักได้โกลาหลวุ่นวายไปทั่วเพราะเรื่องตบรางวัลให้กับผู้สร้างผลงานเหล่านี้“สร้างผลงาน ไม่ตบรางวัลให้ แล้วจะซื้อใจทหารได้อย่างไร?”“นั่นน่ะสิ บัดนี้แคว้นเรากำลังเผชิญหน้ากับเป่ยหวนตาต่อตา หากฝ่าบาททรงตบรางวัลให้แก่ทหารที่สร้างผลงานเหล่านั้นให้ตอนนี้จะสามารถเพิ่มกำลังใจให้กับกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือเป็นอย่างมาก!”“ไร้สาระ
มู่ซุ่นรับผลรายงานสงครามมา แล้วถวายให้กับจักรพรรดิเหวินจักรพรรดิเหวินรีบเปิดผลรายงานสงครามอย่างรวดเร็ว ยิ่งดูยิ่งดีใจเมื่อเห็นรอยยิ้มบนพระพักตร์ของจักรพรรดิเหวินแล้ว กลุ่มขุนนางพลันอยากรู้อยากเห็นผลรายงานสงครามด้วย“ฮ่าๆ…”อ่านไปอ่านมา จู่ๆ จักรพรรดิเหวินก็หลุดหัวเราะออกมา แถมยังทุบโต๊ะอย่างตื่นเต้น “ดี! ดี! ฮ่าๆ…”จักรพรรดิเหวินอดยิ้มไม่ได้จนน้ำตาแทบไหลออกมาเมื่อเห็นท่าทีของจักรพรรดิแล้ว กลุ่มขุนนางก็ร้อนใจสุดขีดพูดดีอย่างเดียว ท่านช่วยบอกหน่อยได้หรือไม่ว่าดีอย่างไร!ด้วยความรีบร้อน ทำให้ฝูงชนหงุดหงิดเสียไม่มีแม้ว่ากองทัพของหยุนเจิงจะกวาดล้างผู้คนหนึ่งหมื่นหกพันคนของเป่ยหวน โดยมีผู้เสียชีวิตเพียงห้าร้อยรายเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเขาก็ไม่เห็นฝ่าบาททรงยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้มาก่อน!หรือว่าชัยชนะครั้งนี้จะยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อน?เป็นไปไม่ได้หรอกกระมัง?หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าต้าเฉียนคงไม่ต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิหน้าจึงจะออกรบได้เต็มทีแล้ว“ฝ่าบาท รายงานการต่อสู้นี้พูดว่าอย่างไรบ้าง?”เซียวว่านโฉวอดไม่ได้อีกต่อไปและถามอย่างสงสัยหลังจากที่เซียวว่านโฉวเปิดปาก กลุ่มขุนนางก็เ
บัดนี้ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดจักรพรรดิเหวินถึงได้ดีใจถึงปานนั้นเหตุผลหนึ่งคือหยุนเจิงพวกเขาสร้างผลงานอีกครั้งแต่ยิ่งไปกว่านั้น หยุนเจิงยังฟังคำแนะนำของจางซู แล้วลอบกัดเป่ยหวนหนักๆ ครั้งหนึ่งถึงขนาดปานปู้ผู้เป็นราชครูของเป่ยหวนต้องกระอักเลือดแต่ทว่า จะว่าไปหากพวกเขาเป็นปานปู้ ก็คงกระอักเลือดเช่นกันม้าศึกก็ให้แล้ว แม้แต่ม้าศึกของตนก็มอบให้ด้วย!แต่สุดท้ายกลับไม่ได้ร่างศพพวกนั้นกลับไปด้วยไม่กระอักเลือดน่ะสิแปลก!“จางเก๋อเหล่า หลานชายท่านไม่เลวนะเนี่ย!”“ฮ่าๆ จางเก๋อเหล่า ครั้งนี้ท่านคงไม่บอกว่าหลานชายท่านไร้ประโยชน์แล้วกระมัง?”“จางซูเจ้าเด็กนี่เหลี่ยมเหมือนกันนะ! ต่อไปข้าต้องระวังเขาไว้แล้ว…”หลังจากหัวเราะ ฝูงชนก็ชื่นชมจางซูขึ้นมาเมื่อเผชิญกับคำชื่นชมของฝูงชนแล้ว จางฮว๋ายเองก็ดีใจสุดขีด แต่กลับแสร้งทำนิ่งๆ “ทุกท่านชมเกินไปแล้ว จางซูเด็กระยำนั่นไม่มีอะไรทั้งนั้น รู้จักแต่ทำธุรกิจ…”จางฮว๋ายต้องดีใจอยู่แล้วสิ!เพราะจางซูไปซั่วเป่ยไม่ได้ก่อเรื่อง!แต่ยังสร้างผลงานด้วย!นี่มันถึงกับทำให้ราชครูของเป่ยหวนกระอักเลือดเชียวนะ!มีหน้ามีตาจริงๆ!ในที่สุด ไอ้สารเลวนี่ก็ท
จักรพรรดิเหวินส่ายศีรษะถอนใจ สายตาพลันมืดครึ้มลงเว่ยเหวินจง หวังว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า!ร่วมมือกับศัตรูเป็นโทษสถานหนัก!หากเว่ยเหวินจงผู้บังคับบัญชากองทหารมณฑลฝ่ายเหนือคนนี้ร่วมมือกับศัตรู เกรงว่าซั่วเป่ยจะตกอยู่ในอันตรายแล้ว!โชคดีที่ตนวางแผนเอาไว้ก่อน โดยใช้เซียวติ้งอู่ไปแทนที่เว่ยซั่ว!คิดไปคิดมา จักรพรรดิเหวินก็นึกถึงหยุนเจิงหยุนเจิงได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ต่อเนื่องสองครั้งต้องไม่ใช่เพราะเรื่องบังเอิญแน่!เห็นได้ชัดว่าในค่ายของหยุนเจิงมียอดฝีมือ!ตู้กุยหยวนพวกเขาหรอกหรือ?คนเหล่านั้นมีความสามารถถึงเพียงนี้เชียว?หากพวกเขามีความสามารถนี้จริง แล้วไปทำอะไรอยู่ตั้งนาน?หรือว่าจะเป็น…เสิ่นลั่วเยี่ยน?ไม่น่าจะเป็นไปได้นังหนูนี่นิสัยห้าวหาญ เดิมทีตอนที่ให้นางสมรสกับเจ้าหก นางเกือบจะคัดค้านราชโองการด้วยซ้ำ!นังหนูที่ห้าวหาญเพียงนี้จะมีแผนการมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?หรือว่าจะมีคนอื่น?หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จักรพรรดิเหวินก็เรียกมู่ซุ่นเข้ามา “เรียกฉินลิ่วก่านและจ้าวจี๋มา!”…ตอนเย็น หยุนลี่ได้เรียกพบสวีสือฝู่และไท่จื่อซื่อจงคนใหม่ฮั่วเหวินจิ้งหยุนลี่เล่
แน่นอนว่าหยุนเจิงไม่รู้เรื่องสายลับราชสำนักอยู่แล้วหลังจากประชันมือกับเว่ยเหวินจงแล้ว หยุนเจิงก็วางใจได้ชั่วคราวแต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้นใครๆ ต่างก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหยุนเจิงกับเป่ยหวนได้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิงเป่ยหวนต้องคิดหาวิธีปลิดชีวิตหยุนเจิงอยู่แล้วแต่หยุนเจิง ก็จะคิดหาวิธีลอบกัดเป่ยหวนให้ได้เพียงแต่ว่า มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้ว่าหยุนเจิงกำลังเริ่มลอบกัดเป่ยหวนแล้วแต่จะสำเร็จหรือไม่นั้น หยุนเจิงเองก็ไม่มั่นใจเช่นกันหลังจากรับอาหารเช้า หยุนเจิงก็เรียกโจวมี่ แล้วสั่งการว่า “เจ้ารีบไปถ่ายทอดคำสั่งให้คัดเลือกทหารทั่วไปที่ชราและอ่อนแอมาสองหมื่นนายให้ไปสร้างฐานค่ายถาวรที่เขาลั่วเสียระหว่างซั่วฟางกับหม่าอี้ซะ!”โจวมี่รีบถ่ายทอดคำสั่งลงไปเยี่ยจื่อขมวดคิ้วเบาๆ “ช่วงเวลานี้ ไม่เหมาะที่จะทำการก่อสร้างกระมัง?”หยุนเจิงกล่าวอย่างหมดหนทาง “ข้ารู้ว่าไม่เหมาะ แต่เรามีเวลาจำกัด!”เมี่ยวอินไม่เข้าใจ “ท่านจะสร้างฐานค่ายที่เขาลั่วเสียทำไมกัน?”“สร้างฐานค่ายก็เพื่อฝึกทหารอยู่แล้วสิ!” หยุนเจิงมองเมี่ยวอินอย่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “บริเวณระแวกเขาลั่วเสียมีสนามห
“ได้สิ! เช่นนั้นพวกข้าจะรอดูม้าชั้นดีของท่านแล้วกัน!”เหล่าสตรีต่างหัวเราะเยาะ ไม่ได้สนใจกับคําพูดของหยุนเจิงเพราะอย่างไร ม้าชั้นดีเช่นนี้พบได้ แต่ไม่อาจขอมาได้เหล่าสตรีกำลังพูดคุยหยอกเล่นกันอยู่ ตู้กุยหยวนก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนเมื่อเห็นตู้กุยหยวน จู่ๆ หยุนเจิงก็ลุกขึ้น“สำเร็จแล้วหรือ?”หยุนเจินถามอย่างตื่นเต้นตู้กุยหยวนพยักหน้า แล้วตอบอย่างตื่นเต้นว่า “สำเร็จแล้วขอรับ!”“เร็วๆ รีบบอกรายละเอียดของขั้นตอนให้ข้าฟังที!”หยุนเจิงใจร้อนและไม่สนว่าจะอยู่กับเหล่าสตรี จากนั้นรีบดึงตู้กุยหยวนเข้าไปที่ห้องหนังสือทันทีเมื่อเห็นท่าทีของหยุนเจิงแล้ว สตรีทั้งสามพลันมองหน้ากัน“สองคนนั้นคิดจะทำอะไรกันอีกล่ะ?”เยี่ยจื่อมองเมี่ยวอินและเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างสงสัย"ใครจะไปรู้!"เสิ่นลั่วเยี่ยนพูดอย่างไม่พอใจ “สิ่งที่เขาทําในครั้งนี้ลึกลับมาก แม้แต่พวกเราก็ไม่ยอมบอก! แต่ฟังจากที่เขาพูดแล้วต้องการการเอาเปรียบเป่ยหวนอีกครั้งแน่ๆ!”"ยังจะเอาเปรียบอีกหรือ?"เยี่ยจื่อหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก“เขาเอาเปรียบเป่ยหวนกี่ครั้งแล้ว?”หากเขาเอาเปรียบต่อไปอีก ไม่ต้องรอให้ถึงปีหน้าเกรงว่าเป่ยหวนก็
หยุนเจิงได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์กับตู้กุยหยวนเรียบร้อยแล้ว หลังจากสั่งการให้ตู้กุยหยวนดำเนินการต่อตามแผนการที่เขาวางไว้ก่อนหน้าแล้วจึงได้ออกไปพบจางซูข้างนอก“องค์ชาย สุราของเราถูกชิงไปแล้ว!”ทันทีที่เห็นหยุนเจิง จางซูก็คลี่ยิ้มจนปากฉีกขึ้นมาได้ยินคำพูดของจางซูแล้ว ฝูงชนพลันทำหน้าบึ้งเขาใจกว้างเกินไปหน่อยกระมัง?สุราของพวกเขาถูกชิงไป แต่เขายังมีหน้ามาดีใจตรงนี้อีก?“จริงรึ?”หยุนเจิงเองก็ถามอย่างดีใจเช่นกันจางซูพยักหน้าหงึกๆ “แน่นอนสิ! ฮ่าๆ…”กล่าวจบ จางซูก็หัวเราะปานจะขาดใจขึ้นมาหยุนเจิงเองก็หัวเราะตามด้วยเมื่อเห็นท่าทีของทั้งสองแล้ว ฝูงชนพลันรู้สึกแปลกประหลาดหยุนเจิงเป็นคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบอยู่แล้ว!บัดนี้ สุราที่เขาและจางซูหมักขึ้นมาถูกคนชิงไป แต่ทั้งสองกลับดีใจจนเป็นบ้าอยู่ที่นี่เนี่ยนะ?สองคนนี้วิปริตหรือเปล่าเนี่ย?“พวกท่านทำอะไรอยู่กันแน่?”เสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะถาม“จะทำอะไรได้เล่า?”หยุนเจิงหัวเราะฮ่าๆ แล้วถาม “ใครชิงไป?”จางซูหัวเราะแฮะๆ “ไอ้โง่นั่นชื่อว่ากัวไค เป็นทหารพลาธิการของกองทหารเมืองสู้ฉวี ได้ข่าวว่าเป็นน้องชายภรรยาของหวังชี่แม
ตั้งแต่เป่ยหวนเริ่มทำสงคราม เวลาที่เขาอยู่ในจวนมีน้อยมาก สำหรับเรื่องเล็กน้อยระหว่างจางซูและหมิงเย่ว์ เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อยพูดถึงเรื่องนี้ จางซูฉับพลันก็เหมือนมะเขือยาวที่ร่วงโรยด้วยน้ำค้างแข็ง“ไม่มีความคืบหน้า”จางซูฝืนหัวเราะกล่าว “เจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้ หลายวันนี้ข้าต้องไปขายสุรา เวลาอยู่จวนมีน้อย เดิมข้าตั้งใจจะให้นางไปกับข้า ปรากฏว่า ถูกนางไล่ทุบตีอีกด้วย...”จางซูสุดอัดอั้น!แม้เขาจะเคยนอนกับหมิงเย่ว์ แต่ก็ไม่เหมือนหยุนเจิงและเมี่ยวอินขั้นนั้น!เขาเองก็รู้ เขาอ้วน ไม่ได้หล่อเหลาเหมือนหยุนเจิง ยิ่งไม่มีความสามารถนำทัพจับศึกเฉกเช่นหยุนเจิง หมิงเย่ว์ไม่ชอบเขา ก็เป็นเรื่องปกติแต่คนผู้นี้ บางครั้งก็ไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัวยิ่งหมิงเย่ว์ไม่ชอบเขา เขายิ่งสนใจหมิงเย่ว์มารดาเขาสิ!ดื่มเหล้าเมามายหลับนอนกับผู้อื่นเช่นเดียวกัน เหตุใดเขาจึงไม้โชคดีดั่งเหมือนหยุนเจิงนะ?เห้อ!หากคืนนั้นเขากับหมิงเย่ว์จากข้าวสารเปลี่ยนเป็นข้าวสุก ดีไม่ดีก็คงไม่ต้องปวดหัวเช่นนี้แล้วหยุนเจิงหัวเราะส่ายหน้า กระซิบ “อย่ารีบร้อน ใจเย็นๆ ข้าว่าพวกเขาสองคนเป็นไปได้”“จริงหรือ?”จางซูถามอย่างตื่นเต้น