เมื่อได้ยินสิ่งที่หยุนเจิงกล่าว หยุนลี่หน้าเขียวปัด“เจ้าหก!”หยุนลี่กระโดดออกมาตำหนิด้วยความโมโหเพราะเรื่องผิดศีลธรรม “เจ้ามันใจจืดใจดำ แม้แต่ความตายยังคิดจะลากข้าไปด้วย! เสด็จพ่อ อย่าปล่อยให้เจ้าหกพูดจาเหลวไหวเด็ดขาด!”หยุนถิงหัวเราะ “พี่สาม ท่านก็ยอมสละชีพหน่อย! ถ้าเจ้าหกชนะเดิมพันอีกล่ะ!”“นั่นสิ!”องค์ชายรองพยักหน้าตาม “พวกเราล้วนเป็นองค์ชาย เจ้าหกกล้าเอาหัวเป็นเดิมพัน เหตุใดเจ้าไม่กล้าเล่า?”“ใช่ๆ!” องค์ชายห้าคล้อยตามด้วยเช่นกันพวกเขาเฝ้าภาวนาให้หยุนลี่ตายนาทีนี้ จู่ๆ พวกเขาก็คิดว่ามองหยุนเจิงแล้วสบายตาขึ้นเป็นกองอืม...ช่วงนี้ยิ่งมองเจ้าหกยิ่งสบายตานัก!หยุนลี่โกรธเดือดดาล กัดฟันกรอดตวาดลั่น “อย่างนั้นเหตุใดพวกเจ้าไม่เอาหัวตัวเองมาเดิมพันล่ะ?”“เพราะเจ้าหกไม่ได้พูดอย่างไรเล่า!”หยุนถิงหัวเราะออกมาอย่างสมเหตุสมผล“ข้า...”หยุนลี่ติดขัดเล็กน้อย เขาทำได้เพียงอ้อนวอนกับจักรพรรดิเหวินอีกครั้ง “เสด็จพ่อ เจ้าหกมีเจตนาทำร้ายหมายเอาชีวิตลูก อย่าปล่อยให้เขาเหลวไหลนะพ่ะย่ะค่ะ!”“หุบปากให้หมด! กลัวคณะทูตเป่ยหวนดูเรื่องตลกไม่มากพอหรืออย่างไร?”จักรพรรดิเหวินจ้องบรรดาลูกชา
จักรพรรดิเหวินตำหนิทุกคน “ราชครูเป่ยหวนยังไม่ได้บอกเลยว่าผิด พวกเจ้าร้องไห้อยู่ตรงนี้กันเพื่อสิ่งใด?”แม้จักรพรรดิเหวินคิดว่าจำนวนพันล้านตันออกจะเกินไปหน่อย แต่เขาไม่เชื่อว่าหยุนเจิงยอมตายเพื่อสมรู้ร่วมคิดกับเป่ยหวนช่วงชิงเสบียงของต้าเฉียนหยุนเจิงจ้องปานปู้ จากนั้นก็ยิ้มถาม “ราชครู ข้าพูดถูกหรือไม่?”“ผิดแล้ว!”ปานปู้สายหน้า “หนึ่งพันล้านกว่าตัน องค์ชายคำนวณอย่างไร? ต่อให้ความกระหายเป่ยหวนเรามากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางเอาเสบียงมากมายขนาดนั้นหรอก?”แค่ปานปู้กล่าวออกมา เหล่าขุนนางก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเกือบพาหยุนเจิงไปฉีกร่างเป็นชิ้นๆ แล้วแม้แต่สายพระเนตรของจักรพรรดิเหวินที่มองไปยังหยุนเจิงยังเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา“อย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงไม่เห็นด้วย มองปานปู้ด้วยสายตาเยาะเย้ย “ตอนนี้ราชครูไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ข้าสามารถแสดงการคำนวณให้ราชครูดูสักหน่อย ไม่ใช่เรื่องยาก!”“อย่างนั้นองค์ชายหกคำนวณให้ดูหน่อยเถอะ!”ปานปู้เค้นเสียงเย็นเขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าหยุนเจิงสามารถคำนวณตัวเลขที่ถูกต้องออกมาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆต่อให้หยุนเจิงกล่าวถูกต้อง คนของต้าเฉียนก็ไม่มีทางเชื่อ!นอกจากเขาจ
ปานปู้พยายามประคับประคองใบหน้าของเขาให้ถึงที่สุดด้วยความเร็วในการคำนวณของหยุนเจิง ไม่นานก็ใกล้คำนวณผลลัพธ์ออกมาได้แล้วถึงตอนนั้นค่อยยอมรับ ก็เป็นการยืนยันเรื่องการปลิ้นปล้อนของเขาแล้วยอมรับตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังรักษาหน้าเอาไว้ได้บ้างเมื่อได้ฟังคำพูดของปานปู้ ทุกคนตกตะลึงรอจนได้สติกลับมา ทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความแตกตื่นเหมือนนกแตกรัง“อะไรนะ?”“เยอะขนาดนั้นเชียวหรือ?”“จะเป็นไปได้อย่างไร!”“นี่ นี่”แม้ปานปู้จะยอมรับแล้ว แต่คนมากมายของต้าเฉียนยังไม่เชื่อพวกเขาล้วนไม่มีใครคาดคิด ให้เสบียงเพียงเล็กน้อย วันสุดท้ายกลับกลายเป็นจำนวนหนึ่งพันล้านตันอย่างน่าตกใจ!เสบียงหนึ่งพันล้านตัน ต้องให้ชาวต้าเฉียนงดกินงดดื่มเป็นเวลาหนึ่งปีถึงจะเพียงพอ!อีกทั้ง นี่เป็นเพียงจำนวนของวันสุดท้ายเพียงวันเดียวเท่านั้น!นี่มันหลุมพรางชัดๆ!มันคือหลุมพรางใหญ่ยักษ์!หากลงนามในข้อตกลงจริง ต้าเฉียนคงจบสิ้นแล้ว!“ราชครูฝีมือดีจริงๆ! นับถือๆ!”จักรพรรดิเหวินทอดพระเนตรปานปู้ด้วยสายตาเย็นเฉียบ ไฟโทสะลุกโชนกลางพระทัยตอนนี้เขาจะไม่เข้าใจแผนการของปานปู้ได้อย่างไรปานปู้ดึงความสนใจของทุกคนไปไว้ที่จ
หลุมพรางที่เขาเค้นสมองทำขึ้นมาเพื่อชาวต้าเฉียนกลับถูกหยุนเจิงมองทะลุปรุโปร่งอย่างอย่างดาย ตอนนี้เขาต้องกลับไปไตร่ตรองให้ดีสักหน่อยเฮ้อ!หลุมพรางชั้นดีเลยนะ!นึกไม่ถึงว่าจะถูกองค์ชายสวะผู้นี้ทำลายเสียแล้ว!ต้าเฉียนมีบันทึกโบราณที่มหัศจรรย์เช่นนี้จริงหรือ?“อย่างนั้นก็พอดีเลย!”จักรพรรดิเหวินพยักพระพักตร์เล็กน้อย “ทหาร ส่งตัวแทนทูตเป่ยหวนกลับไปพักผ่อน!”“รอเดี๋ยว!”ทันใดนั้นปานปู้ก็โพล่งออกมา“ราชครูยังมีเรื่องอันใด?”จักรพรรดิเหวินถามอย่างไม่พอพระทัยปานปู้ยังคงยิ้มเจื่อน “ข้ามีของบางอย่าง เดิมตั้งใจจะออกจากเมืองต้าเฉียนแล้วค่อยมอบให้พวกท่าน แต่ตอนนี้คงไม่ต้องรอให้ถึงเวลานั้นแล้ว...”ขณะที่กล่าว ปานปู้หยิบจดหมายที่เขาได้รับเมื่อคืนก่อนออกมาจากหน้าอกสถาการณ์จนตรอกที่ทำไว้เพื่อหยุนเจิงถูกทำลายแล้วจดหมายที่อยู่ในมือเขาก็ไร้ประโยชน์แล้วแทนที่จะเก็บเอาไว้ มิสู้มอบให้จักรพรรดิเหวิน ทำให้พวกเขาเกิดความขัดแย้งภายใน!ยิ่งต้าเฉียนขัดแย้งกันภายในมากเท่าใด ยิ่งเป็นประโยชน์กับเป่ยหวน!เมื่อเห็นจดหมายในมือปานปู้ รูม่านตาของหยุนลี่พลันหดลงสวีสือฝู่รู้สึกเกร็งขึ้นมาในใจ แต่ไม่นาน
กึก!สิ้นคำดำรัสของจักรพรรดิเหวิน ทุกคนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวนึกไม่ถึงจักรพรรดิเหวินจะให้หยางซวี่เอาหัวกระแทกตายในท้องพระโรงนี่จริงๆ?คนฉลาดต่างดูออกแล้ว จักรพรรดิเหวินกำลังเชือดไก่ให้ลิงดู!“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่รู้ความ!”หยางซวี่กระวนกระวาย ก้มหัววิงวอนไม่หยุด “ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วย ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วย...”“วิญญูชนต้องรักษาคำพูด!”นัยน์พระเนตรเต็มไปด้วยความเหน็บหนาวของจักรพรรดิเหวิน ตรัสด้วยเสียงเฉียบ “ข้ากำลังให้โอกาสเจ้าตายโดยรักษาชื่อเสียงเอาไว้ เมื่อใดที่มีดบั่นหัวของเจ้า เจ้าก็จะกลายเป็นขุนนางทรยศ!”เมื่อได้ฟังคำดำรัสของจักรพรรดิเหวิน หยางซวี่ตกใจกลัวจนหน้าถอดสี ส่งสายตาร้อนรนขอความช่วยเหลือจากสวีสือฝู่และหยุนลี่ทว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนโง่ พวกเขารู้ดีว่าจักรพรรดิเหวินกำลังเชือดไก่ให้ลิงดู ไหนเลยจะกล้าขอร้องแทนหยางซวี่ในเวลานี้!เขาสองคนทำเป็นไม่เห็น ก้มหน้าก้มตามองพื้นหยางซวี่ยังคงไม่หยุดอ้อนวอนแต่น่าเสียดาย จักรพรรดิเหวินได้ตัดสินพระทัยแล้วขุนนางบุ๋นบู้ทั้งราชสำนักไม่มีผู้ใดกล้าขอร้องแทนหยางซวี่สักคนในที่สุด หยางซวี่ก็ต้องเอาศีรษะโขกกับเสาในท้องพระโรง กระแทกจ
“นั่นสิ!”หยุนถิงลุกขึ้นมากล่าวถากถาง “ไม่เพียงพวกเราที่สามารถเป็นพยานได้ ขุนนางมากมายล้วนเป็นพยาน! เจ้าหกตกใจกลัวเขาจนแทบจะไปหาเสด็จพ่อเพื่อขอพระราชทานเหล้าพิษ!”“เสด็จพ่อ ลูกเป็นพยานได้พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าห้ากล่าวเสียงดัง “ขุนนางทั้งราชสำนักล้วนรู้ดี เจ้าหกเตะจุดสำคัญของพี่สาม พี่สามต้องอยากแก้แค้นเจ้าหก! ตามความเห็นของลูก คนที่สมคบคิดกับเป่ยหวนเพื่อใส่ร้ายเจ้าหก ก็เป็นพี่สามเช่นกัน!”“ใช่!” หยุนถิงพยักหน้าหงึกๆ “พวกเราไร้ความขัดแย้งไร้ความคับแค้นใจกับเจ้าหก จะใส่ร้ายเจ้าหกไปเพื่อสิ่งใด?”หยุนลี่โกรธจัด จากนั้นก็ชี้หน้าทั้งสามคนแล้วตวาดลั่น “ใส่ร้าย! พวกเจ้ากำลังใส่ร้าย...”ท่ามกลางสายตาของทุกคน พวกพี่น้องเริ่มกัดกันเหมือนสุนัขหยุนลี่หัวเดียวกระเทียมลีบต่อกรกับพวกเจ้ารองทั้งสามคน ในด้านกำลังอำนาจเขาเสียเปรียบแล้วพวกองค์ชายรองสามคนยิ่งกล่าวยิ่งรู้สึกฮึกเหิม ทั้งยังลากเหล่าขุนนางเป็นพยานเรื่องที่หยุนลี่กล่าวว่าจะส่งหยุนเจิงเดินทางเมื่อคืนวานก่อนทั้งสามคนรู้ดี นี่เป็นโอกาสทำลายหยุนลี่ให้ย่อยยับหากพวกเขาไม่ทำลายหยุนลี่ให้ย่อยยับ หยุนลี่ก็จะทำลายพวกเขาทิ้งกำจัดหยุนลี่ศัตรูตัวฉก
ในที่สุดจักรพรรดิเหวินก็ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว พระองค์ทรงเตะต่อยลูกชายสี่คนต่อหน้าขุนนางโดยไม่สนพระทัยพิธีรีตรองหรือเกียรติยศใดทั้งนั้นทั้งสี่คนตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ แม้ความเจ็บท่วมท้นแต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมาขุนนางมองฉากตรงหน้าด้วยความตกตะลึงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจักรพรรดิเหวินจะโกรธได้ถึงเพียงนี้แต่ว่าก็เข้าใจได้ไม่ยากลูกชายคนที่หกเดินทางไปเป่ยกวน กษัตริย์และขุนนางล้วนขึ้นเขา!องค์ชายทั้งสี่คนยอมทำทุกอย่างเพื่อทำลายองค์ชายหกหยุนเจิงก้มหน้าไม่ยอมเงยขึ้นมา พยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้นี่เป็นผลลัพธ์ที่แม้แต่เขาก็ไม่คาดคิดจะว่าไปก็ต้องขอบคุณคนที่สมรู้ร่วมคิดกับเป่ยหวนทำร้ายเขา!หากไม่มีเรื่องเฮงซวยนี่ จักรพรรดิเหวินจะโกรธจัดจนทุบตีลูกชายสี่คนต่อหน้าขุนนางเช่นนี้ได้อย่างไรไม่ไว้หน้าองค์ชายสี่คนเลยสักนิด!“ฝ่าบาทระงับโทสะด้วย!”เมื่อเห็นจักรพรรดิเหวินโกรธจนใกล้หมดลมหายใจแล้ว มู่ซุ่นรีบวิ่งเข้าไปพยุงจักรพรรดิเหวิน กล่าวเตือนด้วยสีหน้าเป็นกังวล ““ฝ่าบาทระงับโทสะ! รักษาพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”บรรดาขุนนางได้สติกลับมาก็พากันคุกเข่าหยุนเจิงเอือมระอา ทำได้เพียงคุกเข่าตามจักร
จักรพรรดิเหวินเก็บสายพระเนตรกลับมา จากนั้นก็ทอดมองหยุนลี่ที่นั่งคุกเข่าใหม่อีกครั้ง พระองค์ตวาดลั่น “ข้าถามเจ้า เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าเงินบำนาญของทหารพิการและเสียชีวิตในสงครามที่ซั่วเป่ยถูกยักยอก เหตุใดไม่รายงาน?”“ว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน เซียวว่านโฉวพลันลุกมา ดวงตาทั้งสองวาวโรจน์ด้วยไฟโทสะ “ที่ฝ่าบาททรงตรัสมาทั้งหมด เป็นเรื่องจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องนี้ค่อยว่ากันภายหลัง!”จักรพรรดิส่งสัญญาณให้เซียวว่านโฉวกลับไปที่ของตน จากนั้นทรงจ้องหยุนลี่ด้วยความเย็นชา “การประชุมขุนนางในวันนี้ ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้งก็เพื่อรอเจ้ารายงานเรื่องนี้ เหตุใดเจ้าไม่รายงาน?”ที่แท้เป็นเรื่องนี้เอง!หยุนลี่ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ลูกรู้ว่าหากรายงานเรื่องนี้ เสร็จพ่อต้องทรงกริ้วมาก ลูกคิดว่ารอให้เรื่องขอเสบียงของเป่ยหวนผ่านไปก่อนค่อยรายงานเสด็จพ่อ เพื่อป้องกันไม่ให้เป่ยหวนได้เห็นเรื่องน่าขบขันนี้”“ฝ่าบาท กระหม่อมทราบเรื่องนี้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”สวีสือฝู่ลนลานลุกขึ้นมาโค้งคำนับ “เมื่อวานตอนที่องค์ชายสามทราบเรื่องนี้ก็มาหากระหม่อม เป็นกระหม่อมที่แ