เซียวหลันยวนพวกเขาตอนนี้น่าจะรอนางอยู่ที่ทางแยกจึงจะถูกต่อให้คนเหล่านั้นจะรับมือยาก เมื่อวานก็ควรจะมาถึงแล้วพอได้ยินคำถามนาง สีหน้าของไป๋หู่ก็ขรึมลง"คุณหนู ไม่เห็นใครเลย แต่ว่า บนถนนด้านหน้ามองเห็นรอยเท้ามากมาย บนกองหิมะยังมีรอยเท้าสับสนอีกด้วย ดูแล้วทิศทางคือตรงไปยังหุบเขา"ฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี"ความหมายของเจ้าคือ มีคนเข้าไปในภูเขาจากที่นี่หรือ?"นั่นไม่มีทางเป็นพวกเซียวหลันยวนแต่ยังมีคนอีกกลุ่ม ที่มาถึงที่นี่ก่อนพวกเขา ย้อนกลับเข้าไปในหุบเขาแล้ว"ถูกต้อง จำนวนคนดูแล้วก็ไม่น้อยเลย""ไม่มีรอยเท้าเดินออกมาบ้างหรือ?""ไม่พบเลย"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำพูดนี้จะยังนั่งอยู่ไหวหรือ?"ข้าไปดูหน่อย"ไป๋หู่เห็นนางยืนหยัด จึงทำได้เพียงยกมือเรียกคนติดตามไปฟู่จาวหนิงมาถึงบนถนนด้านหน้า แล้วก็มองเห็นรอยเท้าเป็นทางจริงๆ อย่างที่ไป๋หู่บอกมามองรอยเท้าเหล่านี้ ไม่ใช่รอยเท้าเล็กๆ ดูแล้วน่าจะเป็นผู้ชาย ยิ่งไปกว่านั้นรอยเท้าก็ไม่ตื้นเลย ดูเหมือนเป็นรอยที่ทิ้งไว้จากการวิ่งตะบึง ไม่เหมือนเดินเท้าเนิบๆดังนั้นจึงสามารถตัดคนเดินถนนทิ้งไปได้เลยนางยืนอยู่ในสายลม มองไปยังทิศของหุบเขา ถนนทิว
"ข้าไม่มีทางรอที่นี่ได้ นี่ไม่ใช่นิสัยของข้า"ฟู่จาวหนิงพูดจบ ก็หันหัวม้า ร้องย่าห์เบาๆ ห้อทะยานตรงไปยังหุบเขา"ตามไป!"ไป๋หู่หน้าเปลี่ยนสี กระโจนขึ้นมาไล่ตามฟู่จาวหนิงออกไปทันทีเฉินซานมองพวกเขาห่างออกไป ร้อนรนจนดวงตาแดงเถือก แต่ยังคงกัดฟัน รีบพารถม้ากับม้าที่เหลือตรงไปในป่าที่ไม่ห่างออกไปนัก เข้าไปซ่อนในนั้นก่อนถ้าหากพวกของฟู่จาวหนิงกลับมา ของเหล่านี้หายไปหมดล่ะก็ คงจะเร่งเดินทางไปเขาอวี้เหิงต่อได้ลำบากมากฟู่จาวหนิงใจร้อนรนเหมือนถ่านเผา ควบม้าทะยานไปตลอดทางพวกของไป๋หู่เองก็รีบตามเข้ามา และคอยสังเกตซ้ายขวาอยู่ด้วย"คุณหนู ถึงอย่างไรก็ระมัดระวังตัวด้วย"แม้จะผ่านไปสองสามวันแล้ว แต่ใครจะรู้ว่ายังมีคนเหลืออยู่อีกหรือไม่? ถ้าเผื่อพวกเขาไม่พบตัวฟู่จาวหนิง แล้วคอยดักอยู่ที่นี่ล่ะ? หรืออาจจะกำลังไล่ตามออกมาล่ะ?"ทุกคนกินยาลูกกลอนแก้พิษที่ข้าให้พวกเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ลงไปด้วย"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้ว่าต้องระวังตัว พวกเขาทะยานมาตลอดทางเช่นนี้ยังไม่เจอร่องรอยคน สิ่งนี้ทำเอาจิตใจของนางตึงเครียดขึ้นเหมือนกันพวกของไป๋หู่พอได้ยินคำสั่งก็กินยาลูกกลอนทันทียานี้ทำให้พวกเขามีจะไม่ติดพิษได้ง
พวกองครักษ์ที่คุ้มกันอยู่ข้างๆ มีหลายคนที่ได้ยินเสียงฟู่จาวหนิง แต่ก็ยังพยายามลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง มีคนกระทั่งแค่ลืมตาก็ยังทำไม่ได้เลย"พระชายา พระชายามาแล้ว" ชิงอีพังพาบอยู่บนพื้น ขยับนิ้วมือ พูดออกมาคำหนึ่ง แต่เสียงของประโยคนี้ก็เบาจนน่าสงสาร นอกจากตัวเอาเองก็ไม่มีใครได้ยินฟู่จาวหนิงวิ่งห้อขึ้นมาแล้วไม่มีใครลงมืออีกนางพุ่งเข้ามา พอมองก็เห็นคนชุดดำนอนระเนระนาดอยู่บนพื้นที่ห่างออกไปจำนวนไม่น้อย แค่มองผ่านๆ ก็น่าจะเป็นสิบคนและยังมีศพม้า รวมถึงม้าอีกหลายตัวที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างนักบนพื้นหิมะล้วนเป็นรอยเลือด สีแดงเข้มอยู่ทั่วทุกที่ ทำเอาพื้นหิมะเป็นรอยปื้นน่าสยดสยอง"เซียวหลันยวน!!"ฟู่จาวหนิงตะโกนเสียงดังขึ้นมา เสียงเองก็สั่นพร่าเพิ่งสิ้นเสียงตะโกน นางก็มองเห็นคนในชุดจอมยุทธ์เบาสีเขียวเข้มกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมวงกันนั่นคือองครักษ์จากจวนอ๋อง!และในพวงที่พวกเขาล้อมกันอยู่ มีคนหนึ่งพังพาบอยู่บนพื้น อีกคนหนึ่งพิงอยู่ข้างหิน นั่นมันเซียวหลันยวนนี่?!"คุณหนูจาวหนิง อ๋องเจวี้ยนอยู่ทางนั้น" พวกของไป๋หู่เองก็มองเห็นทางนั้นแล้วรอบๆ คนเหล่านั้น ก็มีคนชุดดำตายอยู่ไม่น้อย ดูท่าคิดจ
ฟู่จาวหนิงหันหน้าเหลือบมองไปยังพวกของไปหู่พวกเขาล้วนกำลังรีบใช้วิธีช่วยชีวิตที่นางบอกกับคนอื่น ไม่ได้สนใจกับนางทางนี้เลยฟู่จาวหนิงไม่คิดมากแล้ว แอบพวกเขาดึงเอาถุงร้อนอกมาจากในห้องเภสัช ฉีกหีบห่อ แล้วแปะไปในเสื้อผ้าเซียวหลันยวนเขาตัวแข็งเหมือนมนุษย์หิมะไปแล้ว ต้องทำใไ้เขาอบอุ่นขึ้นโดยเร็วที่สุดหลังจากนางนั้นจึงโยนเข็มในมือเขาทิ้งไป ประคองเขานอนลง แต่ว่าทั้งตัวเขาก็เย็นจนแข็งทื่อผิดปกติ หลังจากนอนลงก็ยังอยู่ในท่าทางเดิมฟู่จาวหนิงดวงตาแดงรื้น น้ำตาไหลอาบออกมา บดบังสายตาของนางนางรีบยกมือใช้แขนเสื้อเช็ดลงไปตอนนี้ไม่มีเวลาจะมาเสียใจโมโหหรือลนลานแล้ว ยิ่งเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งต้องใจเย็น เช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถช่วยชีวิตเขากลับมาได้นางหยิบเข็มเงินออกมา ปลดเสื้อผ้าของเขาก่อน ปักลงไปที่หน้าอกหลายเข็ม ปกป้องชีพจรหัวใจเสียก่อน จากนั้นจึงหยิบเข็มฉีดยามาหลอดหนึ่ง เลิกแขนเสื้อเขาขึ้น เตรียมจะฉีดให้เขาเซียวหลันยวนตอนนี้แข็งทื่อไปทั้งตัวแล้ว เข้มของนางแทบจะแทงไม่เข้า ครั้งแรกปลายเข็มก็ลื่นออกมาแต่ว่าฟู่จาวหนิงก็กัดฟันแน่น ประคองมือให้มั่นคง ปักลงไปอีกครั้งครั้งนี้ในที่สุดก็ฉีดน้ำ
"พวกเราต้องก่อไฟไหม?" องครักษ์ถามที่นี่หนาวเกินไปแล้วฟู่จาวหนิงคิดจะจุดไฟ แต่เหลือบมองศพกงอนี้ ก็ยังกัดฟันขึ้น "ไม่ พวกเราต้องออกจากที่นี่""จัดการรถม้าที่ยังพอใช้งานได้ หาม้าที่ยังมีชีวิตอยู่กลับมา"ฟู่จาวหนิงเหลือบมององครักษ์เหล่านั้น "พวกเขา ยังมีชีวิตอยู่ไหม?"ไป๋หู่นิ่งงันไป "ตายไปสิบเอ็ดคน คนที่เหลือยังมีชีวิตอยู่ แต่ลมหายใจอ่อนแรงอย่างมาก"ฟู่จาวหนิงสูดลมหายใจลึก"พาคนทั้งหมดไป" ที่ตายไปก็จะทิ้งรวมกับพวกนักรบเดนตายและมือสังหารเหล่านี้ไม่ได้"ขอรับ"พวกของไป๋หู่รีบจัดการทันทีม้าหนึ่งตัวแบกคนสองคน แล้วยังมีรถม้าบางส่วนที่ใช้การได้ บรรทุกคนขึ้นไป ที่เหลือไม่กี่คน ก็ต้องให้พวกเขาแบกขึ้นหลังไป"อ๋องเจวี้ยนเขา"ไป๋หู่มองไปทางอ๋องเจวี้ยน รู้สึกลำบากใจรถม้ายัดคนไว้จำนวนมาก ถ้าจะยัดอ๋องเจวี้ยนเข้าไปด้วย ร่างกายของเขาก็ไม่รู้จะทนไหวหรือไม่ ถึงอย่างไรอ๋องเจวี้ยนเดิมทีก็พิษกำเริบไปแล้ว"ข้าจะแบกเขาเอง" ฟู่จาวหนิงพูด แล้วแบกเซียวหลันยวนขึ้นไปไป๋หู่เองก็แบกองครักษ์คนหนึ่งอยู่ พอเห็นนางเช่นนี้ก็ร้อนรนขึ้นมา "คุณหนู ทางยังอีกตั้งไกล ท่านจะแบกได้อย่างไรกัน""ไป"ฟู่จาวหนิงก
ฟู่จาวหนิงพอวุ่นวายขึ้นมา ก็ผ่านไปถึงสองวันสองคืนนอกจากเซียวหลันยวน พวกของชิงอีก็ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ยิ่งไปกว่านั้นบนตัวหลายคนก็ยังเต็มไปด้วยบาดแผลเฉินซานกับพวกไป๋หู่ก็วุ่นกันจนหายใจหายคอแทบไม่ทันต้องหาฟืนมาจุดไฟ ต้องต้มหิมะให้ละลาย ต้องหาวัตถุดิบยาบางส่วน ต้องต้มยา ต้องช่วยคนเจ็บพันแผล ต้องคอยดูพวกเขาตลอดทั้งคืนว่าเป็นไข้ไหม แล้วยังต้องคอยป้อนน้ำให้พวกเขาตลอดอีกยังดีที่สิ่งของส่วนใหญ่อยู่กับพวกเขาทางนี้ ตอนนี้เสื้อผ้ากับอาหารยังไม่ขาดแคลนฟู่จาวหนิงรักษา ฝังเข็ม จ่ายยา จับคู่ยาให้กับคนทั้งหมด วุ่นจนเวลากินข้าวก็ยังต้องรีบร้อนกินลงไปได้ไม่กี่คำนางยังต้องคอยดูแลเซียวหลันยวน คอยระงับพิษในร่างกายให้เขาเซียวหลันยวนตอนนี้อ่อนแอจนตอนจับชีพจรยังต้องใช้เวลานานกว่าปกติ เพราะชีพจรของเขาอ่อนแรงไปมากที่หนักสุดคือเขาพิษกำเริบขึ้นมาแล้ว ตอนนี้ใบหน้าครึ่งซีกถูกแผลเป็นพิษคลุมไปแล้ว แผลเป็นพิษสีเองก็คล้ำขึ้นมาก ด้านในยังมีริ้วรอยที่เหมือนกับชีพจรสีม่วงเข้มอยู่เต็มไปหมดอีก ดูแล้วน่ากลัวมากตอนนี้ดูจากสภาพเขา คิดแล้วคงไม่มีใครรู้สึกว่านี่เป็นชายรูปงามคนหนึ่งแน่ แต่กลับรู้สึกว่าเหมือนเ
เซียวหลันยวนถูกพวกเขาเอะอะกันพักหนึ่งจึงเข้าใจขึ้นมา ว่าตนเองสลบไปหลายวันแล้วพอเห็นว่าฟู่จาวหนิงหลายวันนี้ผอมลงไปมาก อารมณ์เขาก็ซับซ้อนขึ้นมาจนไม่รู้จะพูดอะไรทันทีเดิมทีเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำให้ฟู่จาวหนิงต้องเหนื่อยแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถูดกนางลากกลับมาจากประตูนรกอีกแล้ว แล้วยังทำให้นางต้องเหนื่อยจนแค่จะพูดก็ยังไม่มีแรงเลยและมองต่อไปยังคนอื่น ก็ล้วนเป็นคนที่เดินผ่านวังยมโลกมาแล้วกันทั้งนั้น"ประคองข้าไปดูคนเหล่านั้นหน่อย"เซียวหลันยวนพอมีกำลังวังชาขึ้นหน่อยก็ให้องครักษ์ประคองเขาไปยังจุดที่ฝังองครักษ์ทั้งสิบเอ็ดคนองครักษ์พอได้ยินเขาก็ยังไม่ขยับ แต่มองไปยังฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณพวกเขาใช้สายตาสอบถามมองไปทางฟู่จาวหนิงเซียวหลันยวนมองออกแล้ว ถ้าฟู่จาวหนิงไม่พยักหน้า พวกเขาก็จะไม่ฟังคำพูดพวกเขาแล้ว แล้วคงจะไม่ประคองเขาออกไปด้วย"ข้าจะไปดูพวกเขา จะกล่าวขอบคุณกับพวกเขาเสียหน่อย" เซียวหลันยวนถอนหายใจเบา เอ่ยกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยองครักษ์จึงประคองตัวเซียวหลันยวนออกไปชิงอีเองก็เจ็บหนัก แต่ก็ตามออกไปภายใต้การประคองของเองครักษ์ตระกูลเสิ่นระหว่าง
เซียวหลันยวนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพอไปถึงหน้าหลุมศพเหล่าองครักษ์ เซียวหลันยวนก็นั่งลงหน้าหลุมศพ "ไปหากระดานไม้มาแผ่นหนึ่ง ข้าจะสลักป้ายหลุมศพให้พวกเขา"องครักษ์รีบออกไปเซียวหลันยวนถัดจากนี้จึงนั่งลงสลักป้ายหน้าหลุมศพสุสานขององครักษ์ผู้ซื่อสัตย์แห่งจวนอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนยืนขึ้นป้ายไม้ตั้งขึ้น เขายื่นมือประคอง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "ข้าขอบคุณพวกเจ้ามาก และรู้สึกผิดต่อพวกเจ้าด้วย หลังจากนี้จะให้คนมาย้ายหลุมศพพวกเจ้ากลับไปยังเมืองหลวง จะไม่ให้พวกเจ้าต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดแน่""ท่านอ๋อง ควรกลับได้แล้ว"ชิงอีเองก็อยู่ที่นี่ด้วยตลอด แต่เห็นว่าเวลาที่ออกมาก็นานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลมแล้วด้วย เขาจึงรีบเตือนให้เซียวหลันยวนกลับไปถ้านานเกินแล้วยังไม่กลับไป เกรงว่าพระชายาจะโกรธเอาเซียวหลันยวนถูกประคองลุกขึ้นยืน "จำตำแหน่งนี้ไว้ หลังจากนี้จะให้คนมาย้ายหลุมศพพวกเขากลับเมืองหลวง""ขอรับ"กลับไปยังจุดที่พวกเขาตั้งค่าย เซียวหลันยวนก็เห็นฟู่จาวหนิงที่นั่งอยู่หน้ากระโจมที่ตั้งขึ้นชั่วคราวหลังหนึ่งฟู่จาวหนิงพอเห็นเขากลับมา ก็หมุนตัวเข้าไปในกระโจมทันที ไม่พูดอะไรสักคำเดียวเซียวหลันยวนค