เสิ่นเสวียนหันหน้ามองเขาฉับพลันทำไมจึงบังเอิญขนาดนี้?"หลิวหั่ว!""ขอรับ!" หลิวหั่วเข้ามาอย่างรวดเร็ว"ไปเชิญหมอหวังมา เจ้าไปเชิญด้วยตัวเอง"ท่านผู้เฒ่าตกตะลึงไป "หมอหวังอยู่ห่างจากนี่มาก จะไม่ทันกาลเอา"เพราะเสิ่นเสวียนหลายปีนี้ป่วยจนต้องหาหมออยู่ตลอด ดังนั้นหมอเลื่องชื่อในต้าชื่ออันที่จริงพวกเขาก็ล้วนรุ้จักและเรียกมาหมดแล้ว หมอหวังคนนี้วิชาแพทย์ดีจริง แต่ว่าอยู่ห่างจากพวกเขามาก ไม่ได้อยู่ในเมืองจักรพรรดิ แต่อยู่ที่เมืองข้างๆไปกลับต้องใช้เวลาสามวัน แล้วจะทันการหรือ?"ขอรับ!"หลิวหั่วพอได้ยินคำพูดของเสิ่นเสวียนก็รีบเดินออกไป พุ่งตัวไปที่รถม้า พยักหน้ากับองครักษ์ให้เดินทางไปด้วยกัน"หลิวหั่ว เจ้าจะไปที่ไหน? จะทำอะไร?" สะใภ้รองเสิ่นร้องเรียกเขา หลิวหั่วก็รีบเดินออกไปเหมือนไม่ได้ยินเสียงนาง"พวกเขาจะไปเชิญหมอกระมัง?""คิดแล้วก็น่าจะใช่ แต่สภาพเช่นนั้นของไท่ไท่อาวุโสยังต้องเรียกหมออีกหรือ?" อาสะใภ้สามเสิ่นส่ายหัว "ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะไม่มีลมหายใจแล้วด้วย เชิญมาจะมีประโยชน์อะไร"พวกเขาเดินออกจากประตูนอกสวนจิ้งชิว เตรียมจะกลับไปโถงหน้าแล้วปรึกษาหารือท่านลุงรองเสิ่นถอนใจหาย
เสิ่นเสวียนตอนนี้แน่ใจมาก "ใช่ ลูกกลอนแก้พิษของจาวหนิงออกฤทธิ์แล้ว"เขามองออกว่าไท่ไท่อาวุโสติดพิษ ลูกกลอนแก้พิษของจาวหนิงสามารถแก้พิษส่วนใหญ่ที่เห็นได้บ่อยบนโลกได้ แน่นอนว่าต้องได้ผลแต่ไท่ไท่อาวุโสก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ดูแล้วก็ยังไม่แน่ว่าพิษจะขจัดหมดไปแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็เรียนมาแค่การจับชีพจรนิดหน่อย ยังไม่ได้เป็นเรื่องแพทย์สักเท่าไร ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรักษาอย่างไรต่อ"ยาของจาวหนิงยอดเยี่ยมจริงๆ" ท่านผู้เฒ่าสะอึกสะอื้น"ข้าป้อนยาลูกกลอนบำรุงหัวใจให้ท่านแม่ นางตอนนี้น่าจะมีสติขึ้นมาหน่อยแล้ว กลืนลงไปก็พอ""ได้ได้ได้ เช่นนั้นก็รีบป้อนให้นางเถอะ" ท่านผู้เฒ่าตอนนี้รู้สึกเชื่อมั่นต่อยาของฟู่จาวหนิงแล้ว เร่งเสิ่นเสวียนให้รีบป้อนยากับไท่ไท่อาวุโสหลังจากเสิ่นเสวียนวุ่นเสร็จก็สังเกตสภาพของไท่ไท่อาวุโส และเห็นว่าชีพจรของนางเหมือนจะมั่นคงขึ้นมาหน่อยแล้ว ในใจจึงสงบลงมาชั่วคราวเท่านั้น"ท่านพ่อ ตอนนี้พูดเรื่องในบ้านได้แล้วหรือยัง?" เสิ่นเสวียนมองท่านผู้เฒ่า มองออกว่าเขาเองก็เหนื่อยล้าเอามากๆ แต่ตอนนี้เขาต้องถามสถานการณ์ให้ชัดเจนเสียก่อนท่านผู้เฒ่าอันที่จริงคิดว่าตนเองจะเป็นลมล้มพับไ
"พวกเราไม่มีความทะเยอทะยาน แต่คนนอกจะเชื่อได้อย่างไร? แล้วยังมีคนตั้งมากมายขนาดนั้นคอยคิดจะหาวิธีชิงตระกูลเสิ่นอีก อาเสวียน เจ้าเองก็รู้ ในปีก่อนหน้าเหล่านั้น พวกขั้วอำนาจมืดมากมายตั้งเท่าไรพยายามจะดึงเจ้าไปเป็นพวก? เจ้าเองก็ปฏิเสธแล้ว แต่คนอื่นในตระกูลก็ไม่แน่ว่าจะทนต่อความล่อใจนี้ไหว"ท่านผู้เฒ่ามองภรรยาเฒ่าของตน รู้สึกหดหู่เล็กน้อย "ครั้งนี้ฮองเฮาเรียกแม่ของเจ้าเข้าวังก็เพื่อเรื่องนี้ ความหมายในคำพูดก็คือ ขอแค่พวกเราส่งมอบหนังสือสะสมเหล่านั้นของตระกูลเสิ่นเข้าวัง ก็จะปล่อยพี่ชายของเจ้า ให้เขากลับมาจากเมืองหมาน แล้วได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีก"เสิ่นฉยงพี่ชายของเสิ่นเสวียน ก่อนหน้านี้ไปทำผิดบางอย่างไว้แล้วถูกกักบริเวณอยู่ที่เมืองหมาน ห่างจากเมืองจักรพรรดิหนึ่งพันลี้ ผ่านไปตั้งนานขนาดนี้ ทั้งครอบครัวยังไม่มีโอกาสได้พบหน้า เหมือนกับขาดคุณชายใหญ่ไปอย่างไรอย่างนั้นไท่ไท่อาวุโสเองก็กังวลกับเสิ่นฉยงมาตลอด ฮองเฮาจู่ๆ ก็โยนสิ่งล่อใจนี้ออกมา เกือบจะทานไว้ไม่อยู่"แม่ของเจ้าตั้งแต่กลับมาจากวังก็เอาแต่หม่นหมองไม่เบิกบาน ดังนั้นข้าตอนแรกจึงไม่คิดอะไรมาก แค่คิดว่านางคงจะถูกกระตุ้นแรงไป คิ
"ลัทธิเทพทำลายล้างเองก็เหมือนกำลังจะฟื้นคืนจากการล่มสลายแล้วด้วย พวกเขาถ้าออกมาสร้างความวุ่นวายอีก ก็จะยิ่งพาช่องโหว่ได้ง่าย" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้พวกเราเองก็หวาดผวากับลัทธิเทพทำลายล้างมาตลอด พวกเขามียอดฝีมือสกัดพิษ พวกเราไม่มีความสามารถต่อต้านในด้านนี้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว พวกเรามียอดฝีมือในการแก้พิษ"เรื่องนี้เขาเองก็ยังไม่เคยบอกกับจาวหนิงแต่ว่าศัตรูคู่แค้นของเซียวหลันยวนในอดีตก็คือลัทธิเทพทำลายล้าง จาวหนิงเองก็จะตรวจสอบเรื่องของพ่อแม่ ลูกน้องของนางเองก็ติดพิษของลัทธิเทพทำลายล้างมา ช่วยชีวิตกลับมาได้อย่างยากลำบากจาวหนิงเองก็จะรับมือกับลัทธิเทพทำลายล้างด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงมีเป้าหมายเดียวกันเขาตัดสินใจจะกลับตระกูลเสิ่นเพื่อจัดการหนอนบ่อนไส้ภายในออกเสียก่อนแล้วค่อยติดต่อจาวหนิง ถึงตอนนั้นอ๋องเซียวเองก็ยังสามารถซ่อนขั้วอำนาจในเมืองหลวงแคว้นเจา พวกเขาสามารถร่วมมือกัน ได้พี่ชายคนโตของเขา ทำไมถึงกลายเป็นเจ้าแท่นบูชาของลัทธิเทพทำลายล้างได้กัน?เขาเกลียดพวกชั่วร้ายเหล่านั้นมากที่สุดแล้วเพราะภรรยากับลูกชายของเขาล้วนถูกพิษเล่นงานจนตายจะว่าไ
พวกของไป๋หูเองก็เป็นครั้งแรกที่ติดตามฟู่จาวหนิงตลอดทางฟู่จาวหนิงก็มองพวกเขาเหมือนเพื่อนร่วมทาง ให้ความสำคัญกับพวกเขามาก และหวงแหนชีวิตของพวกเขามากเช่นกัน พวกเขารู้สึกซาบซึ้งมากและในช่วงที่ขุดยาที่เขาอวี้เหิง พวกเขาเองก็รู้สึกได้ถึงความดีงามของฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงบอกกับพวกเขาว่า พวกเขาต้องออกทำภารกิจเป็นประจำ บางครั้งจะพบกับอันตรายที่มาอย่างกะทันหัน ตอนที่ขเ้าภูเขา อาจจะมีสิ่งของที่พกติดตัวแล้วมีประโยชน์ได้ ดังนั้นระหว่างทางจึงยังสอนพวกเขาให้รู้จักสมุนไพร โดยเฉพาะพวกที่ห้ามเลือดได้ แบบไหนที่สามารถแพ้พิษได้ชั่วคราว กระทั่งแบบไหนที่กินแล้วจะอาเจียนนอกจากนี้ ยังมีพวกพิษงูพิษแมลงพิษมดอะไรพวกนี้อีก เจอกับอะไรก็สอนออกมาหมด"ตอนที่วิกฤตที่สุด ไม่มีวิธีอะไรแล้วจริงๆ กระทั่งยังสามารถใช้พิษสู้พิษได้ ถ้าหากใกล้จะต้องยกมือยอมแพ้ ข้างกายไม่มีอาวุธอะไร และยังไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว สามารถเคี้ยวหญ้ามดเพลิง แล้วน้ำลายที่พ่นออกมาก็จะเป็นพิษร้ายแรงด้วย และหญ้ามดเพลิงก็มักจะมีสิ่งที่เรียกว่าตะไคร่มดน้ำแข็งขึ้นอยู่ข้างๆ ให้อมตะไคร่มดน้ำแข็งนี้ทันทีก็จะคลายพิษลงได้""และตอนที่มองเห็นกองดินทรายที่ก
ฟู่จาวหนิงจะอยากเห็นเขาอีกได้อย่างไรกัน?แต่เซียวหลันยวนก็ยังเงี่ยหูฟังคำตอบของฟู่จาวหนิง"แน่นอนว่ามียาที่ใช้กับเขาได้ วัตถุดิบยาที่แก้พิษให้เขา ตอนนี้ขาอยู่แค่ตัวเดียวเท่านั้น""ยังขาดอีกตัวหรือ?" ชิงอีปรีดาขึ้นมา จากนั้นก็เหมือนถูกเผาความดีใจทิ้งไปครึ่งหนึ่ง "แล้วตัวนั้นคืออะไรหรือ?""เอ็นมังกรหยก" ฟู่จาวหนิงตอบเอ็นมังกรหยกหยกเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสจี้บอกกับนาง ต่อมาตอนที่นางศึกษา พลิกค้นดูคลังข้อมูลวัตถุดิบยาในคลังสกัดยา ก็ยังหาวัตถุดบยาชนินี้ไม่พบ"เอ็นมังกรหยกคืออะรกัน?" ชิงอีไม่ค่อยเข้าใจเซียวหลันยวนยิ่งตั้งใจฟังเขาเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อเอ็นมังกรหยกเลย"อันที่จริงเป็นงูชนิดหนึ่ง เอ็นงู แต่งูชนิดนี้ไม่ค่อยได้พบเห็น หาตัวยากมาก"ฟู่จาวหนิงดื่มน้ำ พักลงครู่หนึ่ง "ข่าวดีก็คือ ตัวยาอื่นสามารถกินไปก่อนได้ เอ็นมังกรหยกเป็นตัวขจัดพิษสุดท้าย หรือก็คือ อย่างน้อย ท่านอ๋องของพวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตแล้ว""แต่แผลเป็นพิษต้องใช้เอ็นมังกรหยกถึงจะกำจัดออกไปได้ใช่ไหม?" เซียวหลันยวนถามต่อขึ้นมาคำถามนี้ เขาอยากรู้จริงๆฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว "จุดนี้ตอนนี้ข้าก็ยังยืนยันไม่ได้ แต่หลั
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังรอนางที่นี่กว่าครึ่งเดือน คงจะว่างเอามากๆ"เจ้าเข้าไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะเฝ้าด้านนอกให้ ให้พวกเขาออกไปหมดแล้ว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงต่ำฟู่จาวหนิงมองไปรอบๆ แล้วก็พบว่าไม่เห็นใครแล้วอันที่จริงนางอาบน้ำอยู่ด้านในก็มองไม่เห็นอยู่แล้ว แต่เซียวหลันยวนให้พวกเขาทั้งหมดถอยออกไป กระทั่งเสียงน้ำที่นางอาบพวกเขาก็ไม่ได้ยินอันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องขนาดนี้ แต่เขามีความคิดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่พูดอะไรอีก รีบเข้าไปอาบน้ำเซียวหลันยวนคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่างได้ยินเสียงน้ำรางๆ อารมณ์ก็ซับซ้อนขึ้นมาฟู่จาวหนิงไม่นานก็อาบเสร็จเดินออกมา "ข้าจะไปนอนก่อนนะ""ได้"นางเข้าไปในกระโจม พอทิ้งตัวลงนอนก็ได้กลิ่นของเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงเข้าใจขึ้นทันที นี่คือกระโจมที่เซียวหลันยวนนอน พวกเขาน่าจะยังไม่ได้เตรียมให้นางโดยเฉพาะกระมัง?ดูจากที่นี่แล้ว มีหมอนสองใบ นางนิ่งงันพรุ่งนี้ต้องรีบเก็บกวาดแล้วเดินทางนางเองก็เหนื่อยแล้วจริงๆ เพียงครู่เดียวก็หลับปุ๋ยไปผ่านไปพักหนึ่ง ชิงอีพวกเขาจึงกลับเข้ามา พวกของไป๋หู่เองก็ไปนอนแล้ว พวกของชิงอีก็ไปเตรียมอาหารค่ำกัน"ท่านอ๋อง ท่านจะเข้าไปพักผ่
"ข้าวเย็นทำเสร็จแล้ว รีบลุกขึ้นมากินเถอะ ข้าไปก่อนนะ" พูดจบคำนี้ เซียวหลันยวนก็ออกไปทันที"เซียวหลันยวน ท่านหยุดก่อน!" ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่งแต่เซียวหลันยวนกลับรีบฉากตัวออกไป เหมือนถูกผีวิ่งไล่อย่างไรอย่างนั้นโมโหจนฟู่จาวหนิงหยิบหมอนเล็กฟาดออกไปพวกของชิงอีก็มองเข้ามาพอดี และเห็นอ๋องเจวี้ยนหนีออกมาเหมือนกำลังวิ่งหนีอยู่อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็มีหมอนลอยออกมา ตกมาอยู่บนพื้นด้านหลังเขาพวกเขาถลึงตาโตอ้าปากค้าง"ท่านอ๋อง นี่ท่าน?"เซียวหลันยวนแฉลบตัวผ่านไป เหลือบมองพวกเขาผาดหนึ่ง "หุบปาก"เขาหน้าขรึมเดินไปข้างๆ เดิมทีคิดจะออกไปแล้ว แต่ว่าคิดๆ แล้วก็วกกลับมา ไปหยิบชามใบหนึ่งไปตักแกงโสมไก่ป่าไปให้ฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงโมโหจนเข็ดฟันเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่นิสัยแบบนี้นี่นา ก่อนหน้านี้เขามีอะไรก็พูดตรงๆ แล้วยังบอกอย่างเย็นชาว่าจะเก็บนางไว้รอฟู่หลินซื่อกลับมา จะคอยทำร้ายนางกระตุ้นนาง บีบบังคับนางผลลัพธ์ตอนนี้ทำไมเจอเรื่องแล้วจึงหนีกัน?ฟู่จาวหนิงโมโหอยู่พักหนึ่ง ไป๋หู่ก็เรียกนางออกมากินข้าว นางก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงเก็บข้าวของแล้วเดินออกมา"พระชายา นี่คือน้ำแกงไก่ที่ท่านอ๋องนำม