"ข้าวเย็นทำเสร็จแล้ว รีบลุกขึ้นมากินเถอะ ข้าไปก่อนนะ" พูดจบคำนี้ เซียวหลันยวนก็ออกไปทันที"เซียวหลันยวน ท่านหยุดก่อน!" ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่งแต่เซียวหลันยวนกลับรีบฉากตัวออกไป เหมือนถูกผีวิ่งไล่อย่างไรอย่างนั้นโมโหจนฟู่จาวหนิงหยิบหมอนเล็กฟาดออกไปพวกของชิงอีก็มองเข้ามาพอดี และเห็นอ๋องเจวี้ยนหนีออกมาเหมือนกำลังวิ่งหนีอยู่อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็มีหมอนลอยออกมา ตกมาอยู่บนพื้นด้านหลังเขาพวกเขาถลึงตาโตอ้าปากค้าง"ท่านอ๋อง นี่ท่าน?"เซียวหลันยวนแฉลบตัวผ่านไป เหลือบมองพวกเขาผาดหนึ่ง "หุบปาก"เขาหน้าขรึมเดินไปข้างๆ เดิมทีคิดจะออกไปแล้ว แต่ว่าคิดๆ แล้วก็วกกลับมา ไปหยิบชามใบหนึ่งไปตักแกงโสมไก่ป่าไปให้ฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงโมโหจนเข็ดฟันเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่นิสัยแบบนี้นี่นา ก่อนหน้านี้เขามีอะไรก็พูดตรงๆ แล้วยังบอกอย่างเย็นชาว่าจะเก็บนางไว้รอฟู่หลินซื่อกลับมา จะคอยทำร้ายนางกระตุ้นนาง บีบบังคับนางผลลัพธ์ตอนนี้ทำไมเจอเรื่องแล้วจึงหนีกัน?ฟู่จาวหนิงโมโหอยู่พักหนึ่ง ไป๋หู่ก็เรียกนางออกมากินข้าว นางก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงเก็บข้าวของแล้วเดินออกมา"พระชายา นี่คือน้ำแกงไก่ที่ท่านอ๋องนำม
หลังจากสกัดยาเสร็จ ฟู่จาวหนิงจึงไปหาเซียวหลันยวนด้วยตัวเอง เอายาลูกกลอนขวดนั้นให้กับเขายาลูกกลอนเหล่านั้นทำมาไม่ใหญ่นัก แต่สิบหกเม็ดก็เป็นขวดใหญ่อยู่ยาเหล่านี้ด้านนอกสกัดไม่ได้ มีส่วนผสมมากมายที่ต้องใช้เครื่องมือสกัดและเติมเข้าไป ดังนั้นยาลูกกลอนนี้จึงน่าจะมีแค่นางที่สกัดออกมาได้ยิ่งไปกว่านั้นอย่าเห็นว่าเป็นแค่เม็ดเล็กๆ แต่วัตถุดิบยาที่จำเป็นต้องใช้มีไม่น้อยเลยเซียวหลันยวนมองอยู่ตลอด นางมักจะใช้หญ้าสมุนไพรเป็นจำนวนมาก นำขึ้นไปบนรถม้าก่อน ต่อมาจึงทิ้งเศษยาถุงใหญ่ออกมาและไม่รู้ว่านางใช้อะไรในการทำยาเขาจะรู้ได้อย่างไรว่านางแค่นำมากลั่นกรองเท่านั้น?"ยาเหล่านั้นที่นำมาอาบ หลังจากกลับไปจะแยกเป็นห่อๆ ให้ท่าน ทุกวันให้คนต้มมา แล้วท่านก็คอยระวังด้วย อย่างน้อยสิบห้าวันแรกห้ามขาดช่วง"นางพูดเช่นนี้ รู้สึกเหมือนหลังจากกลับไปนางก็จะไม่อยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนอย่างไรอย่างนั้นเซียวหลันยวนรับขวดยานั้น พยักหน้า"จริงด้วย" ฟู่จาวหนิงมองเขาผาดหนึ่ง "แผลเป็นพิษนี้ใบหน้าท่าน ตอนนี้ก้ไม่เหมาะจะใช้หน้ากากแล้ว ดังนั้น หลังจากกลับไปถ้าหากต้องพบกับผู้คน"ก็คิดเอาเองแล้วกัน"ข้าจะไม่ออกจากจวน" เ
จะจับฟู่จาวหนิง ก็ต้องดูว่านางสำคัญแค่ไหนในใจอ๋องเจวี้ยน"อ๋องเจวี้ยน เป็นห่วงฟู่จาวหนิงขนาดนั้นเลยหรือ?" ฮองเฮาถามคำถามนี้ออกมา"ช่วงนี้ จวนชินอ๋องเซียวก็วุ่นวายเสียจนไม่ติดต่อใครทั้งนั้น" นางกำนัลอาวุโสโค้งตัวเติมน้ำชาให้กับนาง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "เพราะพระชายาอ๋องเจวี้ยนเดิมทีเป็นคู่หมั้นของรัฐทายาทเซียว ตอนนั้นเองก็กลายเป็นที่ขบขันไปทั้งเมืองเพราะไล่ตามรัฐทายาทเซียวเพคะ""อืม เรื่องนี้ข้าเองก็รู้อยู่"ตอนนั้นฮองเฮาเองก็หัวเราะเยาะฟู่จาวหนิงไปไม่น้อย เอาแต่วิ่งตามรัฐทายาทเซียวอย่างไร้ยางอาย แล้วยังคิดจะบีบให้รัฐทายาทเซียวอภิเษกด้วยอีก"นางกับรัฐทายาทเซียวอภิเษกกันวันนั้นยังไปขวางถนนแล้วขอถอนหมั้น แล้วหันไปออกเรือนกับอ๋องเจวี้ยนแทน ไม่รู้ว่ามีคนมากขนาดไหนที่อยากเห็นนางปล่อยไก่เรื่องที่ใหญ่กว่านี้ อยากเห็นว่านางที่หน้าด้านไร้ยางอายมุดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนสภาพนั้น จะมีจุดจบน่าเวทนาแค่ไหน""แต่ก็คิดไม่ถึงเลย ว่ารอไปรอมา รอจนถึงตอนนี้กลับกลายเป็นจวนชินอ๋องเซียวเสียเองที่ปล่อยไก่ รัฐทายาทเซียวกับหลี่จื่อเหยาน่าเวทนายิ่งกว่า ได้ยินว่ารัฐทายาทเซียวเมื่อวานนี้ไปในห้องภรรยารอง ผลคือภรร
ในจวนอ๋องเจวี้ยนขนาดคนใช้คนหนึ่งก็ยังไล่กัดคนได้ ใครจะรู้ว่าพอเซียวหลันยวนกลับมาจะพูดอะไรกับเขาบ้าง"ท่านฮองเฮา หลักๆ คือดูจากร่องรอยต่างๆ แล้ว อ๋องเจวี้ยนน่าจะชอบฟู่จาวหนิงเข้าแล้วจริงๆ"ฮองเฮาใจสั่นกึก นางไม่อยากจะยอมรับจุดนี้ แต่ก็อดไม่ยอมรับไม่ได้"เซียวหลันยวนแต่ก่อนก็ดูเหมือนคนที่ใกล้จะออกบวชกลายเป็นเทพเซียน เข้าใกล้ไม่ได้เลย ไม่คิดจริงๆ ว่าเขาจะไปชอบกับหญิงสาวต่ำๆ คนหนึ่งแบบนี้"ฟู่จาวหนิงนี่เป็นภูตจิ้งจอกจริงๆ"ฮองเฮา เรื่องนั้น""ครั้งนี้จะต้องทำให้สำเร็จ" ฮองเฮาพอคิดถึงคนเหล่านั้นที่ตายไปจากการที่ภารกิจล้มเหลวในครั้งที่แล้ว ก็ปวดใจราวกับถูกควักออกมาทั้งก้อนอย่างไรอย่างนั้นฝึกฝนมาตั้งนานนม ทุ่มลงไปตั้งเท่าไร จ่ายเงินไปตั้งเท่าไร คาดหวังไปตั้งเท่าไร!เตรียมทหารแรมปีเพื่อจะใช้เพียงชั่วครู่ คิดจะใช้ในโอกาสที่เหมาะที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่สุดท้ายดันพลังทลายไปทั้งหมด!ถูกสังหารทิ้งไม่เหลือ แม้แต่คนเดียว!ขนาดจดหมายกลับมาสักฉบับก็ยังไม่มี แล้วยังเป็นพวกนักสืบที่นางส่งออกไปภายหลังถึงพบด้วยอีกหลังจากได้รับข่าวนี้ ฮองเฮาก็อั
ฟู่จาวหนิงอยากจะบอกเขาว่าจะไปงานประชุมหมอใหญ่ แต่ก็รู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องพูด รอตอนจะไปแล้วค่อยบอก ตอนนี้พูดขึ้นมาจะกลายเป็นเหมือนนางพาเรื่องคุยกับเขาพวกเราตลอดทางนี้ก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไรเซียวหลันยวนหลังจากถามไปสองคำพอเห็นนางไม่พูดอะไรอีก ก็ไม่รู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร"พอผ่านภูเขานี้ พวกเราสามารถพักที่เมืองชิงเหยาด้านล่างภูเขานี้สักคืนหนึ่งได้ พรุ่งนี้ค่อเดินทางต่อ""ได้"ฟู่จาวหนิงไม่มีความเห็นต่างพวกเขาเองก็เข้าเมืองกินอาหารร้อนๆ ป้อนอาหารให้ม้าแล้วให้ม้าได้พักผ่อนบ้างเหมือนกัน นอนบนเตียงดีดีสักคืนหนึ่งตอนที่พวกเขาผ่านเมืองชิงเหยาครั้งที่แล้วไม่ได้เข้ามาหยุดพัก ตอนนั้นทำเพื่อสะบัดพวกคนที่แอบตามมาเหล่านั้นออกพอถึงช่วงพลบค่ำ ขบวนก็เข้าไปในเมืองชิงเหยาที่นี่ถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ เพราะอยู่ที่ตีนเขาชิงเหยา รอบด้านมีทางให้ไปทั้งหมด ถือเป็นตำหน่งที่เชื่อมต่อได้ทุกทิศทาง ดังนั้นเหมืองชิงเหยาจึงค่อนข้างใหญ่ ยิ่งไปกว่านันยังคึกคักอีกด้วยพวกเขากำลังเข้าเมืองทันประตูเมืองปิดพอดีคนตั้งมากมาย รถม้าอีกหลายคัน ก็ยังดึงดูดสายตาผู้คนอยู่แต่พวกองครักษ์อย่า
ซื้อครั้งนี้ดูถือไม่ค่อยไหวพวกของไป๋หู่หิ้วของเต็มสองไม้สองมือนางหันหน้าไปอีกร้านหนึ่ง ผลคือมีคนเดินเข้ามาพอดี ทั้งสองฝ่ายเกือบจะชนกันถ้าไม่ใช่ฟู่จาวหนิงปฏิกิริยาฉับไว ฉากหลบอย่างรวดเร็ว คงได้ชนกับอีกฝ่ายไปแล้วแน่ๆ"ไม่มีตาเลยหรือ?"อีกฝ่ายตะคอกขึ้นมาอย่างหยาบคายฟู่จาวหนิงพอได้ยิน เสียงนี้คุ้นหูเหลือเกินพอเงยหน้ามองไป อีกฝ่ายก็มองเห็นนาง ทันใดนั้นก็ดีอกดีใจร้องขึ้นมา "ลูกพี่หนิง"ฟู่จาวหนิงกุมหน้าผากนี่มันดวงอะไรกัน?นางเพิ่งจะคิดถึงลู่ทงกับเจิ้งหยาง คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอพวกเขาที่นี่เสียแล้ว"พวกเจ้าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กัน?"ลู่ทงเบะปาก เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว"ลูกพี่หนิง พวกเราหาท่านมาตั้งนาน ตอนนั้นได้ยินว่าท่านกับอ๋องเจวี้ยนออกจากเมืองหลวง พวกเราคิดจะติดตามไป คิดว่าระหว่างทางอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง ผลคือตามไปไม่ทัน จนคลาดกับพวกท่านไป"ฟู่จาวหนิงหมดคำจะพูด แทบไม่กล้าที่จะเชื่อ"เจ้าอย่าบอกนะ ว่าพวกเจ้าออกจากเมืองหลวงมาสองเดือนกว่าแล้วยังไม่ได้กลับเข้าไป?""เดิมทีพวกเขาก็ตามมาด้วยกัน แต่เพราะหาพวกท่านไม่เจอมาตลอด พวกเขาเลยกลับกันไปก่อน ข้ากับเจิ้งหยางไม่ค่อยสบายใจ เลยอ
"คุณหนู ถ้าอย่างนั้นกลับโรงเตี๊ยมกันก่อนเถอะ" พวกของไป๋หูไม่ค่อยวางใจลู่ทงเอ่ยว่า "ลูกพี่หนิงยังซื้อของไม่จุใจเช่นนั้นพวกเราจะไปเป็นเพื่อนนางเอง ที่นี่พวกเราเดนิมาจนปรุนแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ""ไม่เป็นไร พวกเจ้าเอาของกลับไปก่อนเถอะ หรือไม่ก็เจ้าให้พวกเขานำกลับไป เจ้าอยู่ที่นี่ก็ได้" ฟู่จาวหนิงพูดไป๋หู่นึกถึงฝีมือของนาง จากนั้นก็นึกถึงตอนที่ออกเดินทางทั้งไปและกลับ มีแต่ถนนหนทางบนภูเขา ไม่มีความคึกคักสัญจรแบบในเมืองให้นางได้เดินได้ชมเลย จะผ่อนคลายเสียหน่อยก็ยากลำบากจริงๆ นั่นล่ะเขาพยักหน้า นำสิ่งของส่งให้องครักษ์คนอื่น ให้พวกเขากลับโรงเตี๊ยมไปปก่อน ส่วนตนเองกับพวกลู่ทงเจิ้งหยางจะเดินเป็นเพื่อนกับฟู่จาวหนิงต่อ"ได้ยินว่าใกล้ๆ จวนนี้มีร้านขายขนมแปดสมบัติอยู่" ลู่ทงบอกกับฟู่จาวหนิง "เลื่องชื่ออย่างมาก ขนมแปดสมบัติที่ครัวหลวงทำก็ยังไม่อร่อยเท่าของพวกเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นผลไม้ที่พวกเขาใช้ก็ยังหอมหวานกว่า รสชาติสัมผัสก็ไม่เหมือนกัน มีคนไม่น้อยที่เดินทางไปซื้อโดยเฉพาะเลยด้วย""ขนมแปดสมบัติ? ปู่ของข้าน่าจะชอบนะ อยู่ที่ไหน ไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงสนใจขึ้นมาอันที่จริงนางก็ยังไม่อยากจะ
"อะไรนะ?"ลู่ทงกับเจิ้งหยางสบตากันพวกเขามีอะไรต้องให้คนอื่นมาซุ่มโจมตีกัน?"อย่าลืมว่าตอนอยู่บนเขาเมฆอรุณก็มีคนคิดจะเอาชีวิตพวกเจ้า"นั่นก็จริง!ลู่ทงกับเจิ้งหยางก็หน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว "เช่นนั้นลูกพี่หนิงไม่ต้องสนใจพวกข้า ออกไปก่อนได้เลย"ตอนนี้ข้างกายฟู่จาวหนิงมีคนเพียงคนเดียว อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่ามีคนมากเท่าไร อันตราย พวกเขาจะให้นางต้องมาติดร่างแหไม่ได้"แต่ว่าต่อมาคนเหล่านี้ที่มาด้านหลัง กลับเข้ามาหาข้าน่ะ ยังออกไปไม่ได้หรอก"ฟู่จาวหนิงมองไปทางคนที่มาขวางไม่ให้พวกเขาถอยออกไปเหล่านั้น คนเหล่านี้พอเข้ามา สายตาก็จับจ้องบนตัวนาง ไม่ได้มองพวกลู่ทงเลย ดังนั้นนางจึงพิจารณาว่าคนเหล่านี้เข้ามาหานางหรือก็คือ ตอนนี้ในซอยนี้ รวมพวกเขาแล้วมีอยู่ถึงสามฝ่ายถ้าหากนางสามารถให้พวกเขาตีกันขึ้นมาแต่ไม่นานนางก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป อีกฝ่ายเป้าหมายแตกต่างกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะตีกันขึ้นมา ก็ดูเป็นไปได้ว่าจะร่วมมือกันก่อน"สหายข้างหน้านั่นน่ะ เป้าหมายของพวกเราคือหญิงสาวคนนี้" คนที่ปากซอยเอ่ยเสียงขึ้นมาก่อนพวกเขาเหมือนจะมองสถานการณ์ตอนนี้ออกแล้วคนบนต้นไม้ไม่พูดอะไรพวกเขาชักกระบี่ออกมาพร้อมก