เมื่อกู้หนานเยียนได้เห็นเช็คธนาคารที่ฉินไห่อวิ๋นมอบให้ เธอไม่เข้าใจ และเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่มันหมายความว่ายังไงคะแม่?”ฉินไห่อวิ๋นเอ่ย “เย่ฉู่เกาะติดเป่ยเฉิงขนาดนี้ ก็เป็นเพราะอยากจะปอกลอกน่ะสิ ถ้ามันต้องการเงิน เราก็เอาเงินไปให้มันซะก็สิ้นเรื่อง”“หนานเยียน เธอเอาเช็คธนาคารใบนี้ไปให้ยัยนั่นซะ ให้มันพาแม่และน้องชายมันออกไปจากเมือง A อย่าให้มันได้ฝันว่าจะได้เงินแม้แต่สตางค์เดียวจากเป่ยเฉิง”เมื่อได้เห็นเช็คธนาคารจำนวน 100 ล้านของฉินไห่อวิ๋นแล้ว กู้หนานเยียนก็รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกปกติแล้วฉินไห่อวิ๋นเป็นคนที่ฉลาดมาก แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงได้ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้ได้!“แม่คะถ้าจะให้หนูไปหาเย่ฉู่แบบนี้ ก็เหมือนผลักตัวเองเข้าไปในกองไฟเลยนะคะ เธอจะไม่เอาเงินแน่นอน และก็คงจะไม่ออกไปจากเมือง A ด้วยค่ะ”ถ้าเธอเอาเช็คธนาคารพวกนี้ไปหาเย่ฉู่ขึ้นมาจริง ๆ นี่มันรนหาที่ตายชัด ๆ เลย แถมยังจะทำให้ตัวเองได้หย่ากับลู่เป่ยเฉิงไวกว่ากำหนดอีกเธอยังไม่ทันได้ท้องเลยด้วยซ้ำ!ฉินไห่อวิ๋นกลับเอ่ย “หนานเยียน ถ้าเธอฟังฉันนะ เรื่องนี้เธอจะไม่พลาดแน่”“เธอเอาเช็คธนาคารนี้ไปให้เย่ฉู่ก่อน แล้วเดี๋
ครั้งนี้ที่เผชิญหน้ากับเธอ และตำหนิเธอก็เพื่อหล่อนอีกแล้วเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก ไม่ว่าจะนิสัยดีหรืออดทนเก่งแค่ไหน เธอก็ยังรู้สึกเหนื่อยใจอยู่ดี และบางครั้งก็อยากจะยอมแพ้ครั้งนี้เธอเขียนเช็คให้เย่ฉู่ เธอเตรียมตัวรับมือกับศึกครั้งใหญ่ และเตรียมรับมือกับการเจรจาครั้งใหญ่กับลู่เป่ยฉิงไว้แล้วท่าทางที่ไม่แยแสของกู้หนานเยียน ทำให้ลู่เป่ยเฉิงที่กำลังมองเธออยู่หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีเขาจ้องกู้หนานเยียนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองเย่ฉู่ “เยี่ยฉู่ เธอออกไปก่อน”ลู่เป่ยเฉิงให้เธอออกไป เย่ฉู่จึงกำชับเสียงหนักแน่น “เป่ยเฉิง หนานเยียนไม่ได้ตั้งใจนะ เธอแค่เข้าใจผิดค่ะ คุณอย่าทะเลาะกับหนานเยียนเลย ค่อย ๆ คุยกันนะคะ”พูดจบก็หันไปพูดโน้มน้าวกู้หนานเยียน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของลู่เป่ยเฉิงเมื่อเย่ฉู่หันไปปิดประตูห้องทำงาน ระหว่างทางเดินเธอก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองห้องทำงานเธอไม่เคยบอกใครว่าเธออิจฉากู้หนานเยียนมาก เพราะมีแค่กู้หนานเยียนเท่านั้น ที่สามารถกระตุ้นความรู้สึกของลู่เป่ยเฉิง เพื่อทำให้เขาสนใจได้แม้จะเป็นแค่ความโกรธก็ตามภายในห้องทำงานกู้หนานเยียนเห็นว่าประต
เซี่ยเฉิงจึงพูดขึ้น “คุณผู้หญิงครับ เจ้านายดูแลเลขาเย่ก็เพราะเมื่อสามปีก่อน”เซี่ยเฉิงยังพูดไม่จบ มือถือในกระเป๋าของกู้หนานเยียนก็ดังขึ้น ลูกค้าโทรศัพท์มากู้หนานเยียนจึงรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ ประธานจาง”เมื่อกู้หนานเยียนรับสาย ลูกค้าก็เริ่มบ่นยาวเหยียดสิ่งที่เซี่ยเฉิงต้องการบอกกับกู้หนานเยียน ก็ถูกหยุดไว้อย่างนั้นแต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงประโยคที่กู้หนานเยียนเรียกว่าเจ้านายของคุณเมื่อครู่ เซี่ยเฉิงก็รับรู้ได้ทันทีว่าเธอกับเจ้านายของเขาเริ่มมีระยะห่างออกไปทีละนิดๆแม้แต่ชื่อของเจ้านาย เธอก็ไม่เรียกเฮ้อ!สิบนาทีต่อมา รถก็มาจอดที่ด้านล่างของสำนักงานกฎหมาย กู้หนานเยียนขอบคุณเซี่ยเฉิง ขณะกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ จากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นบนคืนนี้ลู่เป่ยเฉิงกลับมาที่อวี้หลินวานแล้ว แต่กู้หนานเยียนกลับเดินทางไปทำงานข้างนอกจากนั้นลู่เป่ยเฉิงก็กลับบ้านติดต่อกันสามวันกู้หนานเยียนกลับไปทำงานที่เมือง B ติดต่อกันสามวัน โดยที่ไม่ได้กลับบ้านเลยครั้งนี้ลู่เป่ยเฉิงก็ได้รับรู้ถึงรสชาติของการอยู่คนเดียวในห้องโล่ง ๆ แล้วจนกระทั่งบ่ายวันเสาร์ที่ทุกคนหยุดพักผ่อนกันแล้ว กู้หนานเยียนจึงกลับจา
เขาจำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว ที่กู้หนานเยียนโทรศัพท์หาเขา เขากำลังประชุมอยู่ หลังจากนั้นเขาจึงให้เซี่ยเฉิงโทรศัพท์กลับไปหาเธอ แต่เธอกลับบอกว่าไม่เป็นไรหลังจากนั้นเธอก็ไปทำงานต่างจังหวัดเมื่อเห็นว่าสีหน้าลู่เป่ยเฉิงเปลี่ยนไป เมื่อโจวเป่ยพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา เธอหันไปมองกู้หนานเยียน และเอ่ย “หนานเยียน งั้นเธอพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันค่อยกลับมาหาเธอ”ทันทีที่โจวเป่ยเดินออกไป กู้หนานเยียนเห็นว่าลู่เป่ยเฉิงยังคงทำหน้าเข้มอยู่ เธอจึงกลับมาสงบตามปกติ “เอาล่ะ เลิกปั้นหน้าเข้มได้แล้ว มีภรรยาน่ารักอย่างฉัน คุณต้องมีความสุขสิถึงจะถูก”หลังจากพูดจบ เธอก็พูดกับลู่เป่ยเฉิงอีกว่า “แต่ว่าต่อไปคุณอย่าพูดถึงเสี่ยวเป่ยอีกนะ มีหลายเรื่องที่คุณไม่รู้ คุณทำแบบนี้ยิ่งเป็นการเปิดบาดแผลของเธอ”คนอื่นห้ามพูด ยิ่งเป็นคนของเธอก็ยิ่งห้ามพูดเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่จริงจังของกู้หนานเยียน ลู่เป่ยเฉิงยกมือขวาขึ้นมากดไปที่ท้ายทอยของเธอ และดึงเธอมาอยู่ตรงหน้าตัวเอง “กู้หนานเยียน เธอยังมีใจอยู่ไหม?”เขาก้มลงมองกู้หนานเยียน เมื่อคิดว่าเธอที่ได้สูญเสียเรื่องบางเรื่องไป จู่ ๆ ลู่เป่ยเฉิงก็รู้สึกกลัวขึ้นมา หากยังมัว
เมื่อได้ยินกู้หนานเยียนพูด ฉินไห่อวิ๋นก็ลืมสิ่งที่ตัวเองจะพูดเมื่อครู่ไปแล้ว เธอจึงตอบกลับ “จิ่งหยางบอกว่าเธอป่วย ฉันก็เลยรีบมา”“คุณปู่ คุณย่าก็อยากมา แต่ฉันห้ามไว้”กู้หนานเยียน “แค่กินอาหารไม่ดีน่ะค่ะ ฉีดยาและพักผ่อนอีกสองวันก็หายแล้วค่ะ”ข้างเตียงคนไข้ ฉินไห่อวิ๋นดึงกู้หนานเยียนให้มาคุยด้วย ขณะที่ลู่เป่ยเฉิงกำลังปอกผลไม้อยู่ข้าง ๆคุยไปคุยมา กู้หนานเยียนก็นั่งพิงหัวเตียงหลับไปโดยไม่รู้ตัวฉินไห่อวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นอย่างสงสาร “ป่วยจนผอมหมดแล้ว”จากนั้นเธอก็หันไปมองลู่เป่ยเฉิง “เป่ยเฉิง ลูกให้แม่ย้ายเย่ฉู่ไปที่อื่นเถอะ ยิ่งไกลยิ่งดี ไม่ต้องอยู่ที่เมือง A เลยจะดีที่สุด”ลู่เป่ยเฉิงยื่นส้มให้เธอครึ่งลูก “ผมกับเย่ฉู่ไม่ได้มีอะไรกันครับ ทำไมแม่เข้ากับเธอไม่ได้ตลอดเลย?”“ไม่ใช่ว่าฉันกับหล่อนเข้ากันไม่ได้ ฉันกลัวว่าหนานเย่จะรู้สึกแย่ กลัวว่าเธอไม่สบายใจ งั้นลูกคิดกลับกันดูสิ ถ้าเหลียงโจวกลับมาแล้ว และเขาก็คอยมาตามติดหนานเยียนบ้างล่ะ ลูกยังจะสบายใจอยู่ไหม?”ฉินไห่อวิ๋นพูดถึงเฉิ่นเหลียงโจว สีหน้าของลู่เป่ยเฉิงก็เปลี่ยนไปทันทีเขาจับส้มอีกครึ่งลูกที่เหลือยัดเข้าปาก และเงยหน้
ขณะที่ถามกู้หนานเยียน ลู่เป่ยเฉิงก็นึกขึ้นมาได้ว่า วันนั้นเธอพูดว่าถ้าเขาให้เงินเธอยี่สิบล้าน เธอจะให้คนร่างข้อตกลงหย่าร้างไม่รู้ว่าเธอพูดเล่นหรือพูดจริง ลู่เป่ยเฉิงไม่รู้เลยจริง ๆจู่ ๆ ลู่เป่ยเฉิงก็พูดเรื่องเช็คขึ้นมา กู้หนานเยียนจึงยิ้มและพูดขึ้น “ใครให้ก็เหมือนกันนั่นแหละ”บอกเขาแล้วได้อะไร?บางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาแค่แสร้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้นเองเมื่อเห็นว่ากู้หนานเยียนไม่สนใจ ลู่เป่ยเฉิงก็จ้องเธออยู่นาน จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “กู้หนานเยียน เธอต้องอยากมีชีวิตที่ดีจริง ๆ ต้องอยากมีลูกจริง ๆ ไม่ใช่แค่พูดเอาใจฉันเท่านั้น”“ความพยายามที่ปราศจากความตั้งใจก็ไม่ใช่ความพยายาม”ลู่เป่ยเฉิงพูดเช่นนี้ กู้หนานเยียนก็ยิ่งรู้สึกว่ามันตลกเธอจึงพูดขึ้น “คนที่ไม่แม้แต่จะกลับบ้าน ยังกล้ามาสอนวิธีจัดการชีวิตแต่งงานฉันอีกนะ”…..ลู่เป่ยเฉิงรู้สึกว่าตัวเองจะโดนแขวะเข้าเสียแล้วหลังจากกระแอมในลำคอ เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเดิม “ฉันสัญญากับเธอไว้แล้วนี่ ว่าจะกลับบ้านสัปดาห์ละครั้ง”“อย่ามา!” กู้หนานเยียนพูด “เราสัญญากันแค่ครั้งเดียว งั้นเรื่องนี
......กู้หนานเยียน "ฉันกำลังป่วยอยู่นะ ตอนนี้คือใจเกินร้อยแต่สังขารไม่ให้!" กู้หนานเยียนเอ่ย "วางใจเถอะ! ไม่งั้นคุณนั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างนี้ ฉันจะหลับได้ยังไง" ลู่เป่ยเฉิงเอ่ย “เธอหลับสบายทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่ายเลย” กู้หนานเยียนตอบกลับ “อย่ามาชวนทะเลาะ ฉันไม่ทำอะไรคุณหรอก ขึ้นมาเถอะ!” หลังจากที่กู้หนานเยียนให้สัญญาอย่างเป็นมั่นเหมาะ ลู่เป่ยเฉิงก็ถอดเสื้อออก แล้วขึ้นเตียงอย่างไม่รีบร้อน ด้วยคำมั่นที่ว่าจะไม่อะไรซี้ซั้วกับลู่เป่ยเฉิง ดังนั้น หลังจากที่ลู่เป่ยเฉิงขึ้นเตียงแล้ว กู้หนานเยียนจุงไม่แตะเนื้อต้องตัวเขาเลย ผลก็คือ ลู่เป่ยเฉิงพลิกตัวมา แล้วกอดเธอจากทางด้านหลัง กู้หนานเยียนหันหน้ามา นี่มันเรื่องอะไรอีกล่ะ? ไม่ให้เธอแตะต้องตัวเขาไม่ใช่เหรอ? ขณะที่กู้หนานเยียนกำลังจะเอ่ยถาม เสียงทุ้มต่ำของลู่เป่ยเฉิงลอยเข้าหูอย่างช้า ๆ "ป่วยจนซูบผอมลงไปเยอะ หน้าอกก็เล็กลงอย่างถนัดตา" ลู่เป่ยเฉิงพูดไปด้วย มือขวาของเขาก็จับไปที่เนินอกอันอ่อนนุ่มของกู้หนานเยียน กู้หนานเยียนไม่ได้เอามือของลู่เป่ยเฉิงออก แถมยังพูดด้วยรอยยิ้มว่า"คุณชอบอกอึ๋มเหรอ! งั้นฉันจะไปอัพไซส์ให้เป็นคัพ F รับรองว่าค
ริมฝีปากของลู่เป่ยเฉิงนุ่มนวลมาก ฝีมือการจูบของเขาก็เร้าใจสุด ๆ ไม่นานหลังจากนั้น กู้หนานเยียนก็ถูกเขาจูบจนอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว เธอกอดคอของเขาไว้ เกยคางไว้บนไหล่ของเขา เข้าใจว่ากำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนที่สำคัญอยู่แล้ว จู่ ๆ ลู่เป่ยเฉิงก็กัดหูของเธอ หายใจออกอย่างร้อนผ่าว กระซิบให้รู้ว่า "กู้หนานเยียน ประจำเดือนเธอมาแล้ว" ตอนแรก กู้หนานเยียนยังอารมณ์ค้างอยู่ คิดในใจว่า ช่วงนี้คุณป้ากำลังเที่ยวอยู่ที่ต่างประเทศ! แต่วินาทีต่อมา เธอก็รู้ทันที่ว่า สิ่งที่ลู่เป่ยเฉิงหมายถึงนั้นคือรอบเดือนของเธอ เธอจึงปล่อยหลู่เป่ยเฉิงออก ดึงชุดนอนไว้แล้วหันมอง เห็นมีคราบสีแดงสดอยู่ตรงจุดบั้นท้ายของเธอพอดี ......ชั่วขณะหนึ่ง กู้หนานเยียนอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก มันเป็นโอกาสที่เธอได้มาอย่างยากเย็นนะ เมื่อมองไปที่ลู่เป่ยเฉิง เห็นเขาหยิบหนังสือมานั่งอ่านบนเตียง ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน กู้หนานเยียนก็เข้าใจได้ทันทีว่า เขาสังเกตเห็นเธอมีประจำเดือนแต่แรกแล้ว ที่ทำไปเมื่อกี้ก็แค่แกล้งหยอกเธอเล่น ๆ เท่านั้น และแล้ว เธอก็พูดอย่างเคียดแค้นว่า “คุณหลบได้วันนี้ ก็ไม่พ้นพรุ่งนี้อยู่ดี" ลู่เป