ลู่เป่ยเฉิงกำลังอยู่ในชุดนอนสีเทาอ่อน เขายกมือขึ้น เพื่อเช็ดผมที่กำลังเปียกหมาด ๆ คอเสื้อกว้างเผยให้เห็นกล้ามอกทั้งสองข้างลู่เป่ยเฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ในขณะที่กำลังเช็ดผม “ไม่ต้องยั่ว ต่อให้ถอดหมดก็ไม่มีประโยชน์”คำพูดสั้น ๆ ของลู่เป่ยเฉิง ทำให้กู้หนานเยียนหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยเธอดึงชุดคลุมบาง ๆ ขึ้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ลู่เป่ยเฉิง คุณก็ให้ความร่วมมือทำให้มันเสร็จ ๆ ไปสักทีสิ จากนี้ไปคุณจะออกไปหาใคร ฉันจะไม่ยุ่ง จะไม่เข้าไปรบกวนชีวิตของคุณอีกเลย”จากนั้น เธอก็เปลี่ยนเรื่องไป “ถ้าคุณไม่เต็มใจจริง ๆ ก็นอนเป็นดิลโด้ให้ฉันก็ได้”เมื่อกู้หนานเฉิงพูดจบ ลู่เป่ยเฉิงก็เขวี้ยงผ้าเช็ดตัวลงพื้น ก่อนจะบีบคางของเธอ “กู้หนานเยียน เธอจะใช้ผมเป็นตุ๊กตายางงั้นเหรอ?”ตุ๊กตายางเหรอ?เมื่อถูกลู่เป่ยเฉิงจ้องหน้า กู้หนานเยียนก็เถียงอะไรไม่ออกเมื่อดวงตาของทั้งคู่ประสานกัน ลู่เป่ยเฉิงมองเห็นตัวเองสะท้อนออกมาจากดวงตาของเธอ เขาค่อย ๆ เคลื่อนตัวต่ำลง ระยะห่างของพวกเขาใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ มันใกล้จนราวกับจะจูบเธอเมื่อลู่เป่ยเฉิงก้มลงมาประชิดตัวกู้หนานเยียน ทำให้เธอขัดขืนทันทีใน
เมื่อเห็นว่าเป็นกู้หนานเยียนที่เดินเข้ามา ลู่เป่ยเฉิงจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเย่ฉู่ตกใจไปสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นยืน เธอฉีกยิ้มทักทายกู้หนานเยียน “หนานเยียน”เมื่อเห็นข้าวกล่องในมือของกู้หนานเยียน เย่ฉู่ยกยิ้มขึ้น “เธอเอาข้าวกลางวันมาให้เป่ยเฉิงเหรอคะ!”พูดจบ เธอก็หันไปมองลู่เป่ยเฉิง “เป่ยเฉิง ในเมื่อหนานเยียนเอาข้าวมาให้คุณ งั้นวันนี้พวกเราไม่ไปกินข้าวข้างนอกแล้วก็ได้นะคะ หนานเยียนนานๆ จะมาที่บริษัทที คุณใช้เวลากับเธอเถอะ”เย่ฉู่พูดราวกับว่าตัวเองเป็นภรรยาของลู่เป่ยเฉิง เธอต่างหากที่เป็นเถ้าแก่เนี้ยะของลู่กรุ๊ป แม้แต่ลู่เป่ยเฉิงจะกินข้าวที่กู้หนานเยียนเอามาให้ ยังต้องขอโอกาสจากเธอกู้หนานเยียนมองเย่ฉู่ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เย่ฉู่ เธอทั้งให้ลู่เป่ยเฉิงทะเลาะกับพ่อตัวเองเรื่องการหย่า ทั้งเอาหลักฐานชิ้นสำคัญมาเขวี้ยงใส่หน้าฉันอีก”“การกระทำทุเรศ ๆ ของเธอ ไม่รู้สึกว่ามันน่ารังเกียจไปเหรอ?”หากเย่ฉู่ฉลาด เธอก็คงฉลาดกว่าสองเท่าท่าทางไร้เดียงสาของเย่ฉู่ ทำให้กู้หนานเยียนรำคาญตาคำพูดของกู้หนานเยียนทำให้เย่ฉู่ต้องอธิบายด้วยสีหน้าอับอาย “หนานเยียน ฉันกับเป่ยเฉิงไม่ได้เป็นแบบที่เธ
กู้หนานเยียนยืนช็อกไปทันทีลู่เป่ยเฉิงรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไร?ท่าทางช็อกตาค้างของกู้หนานเยียน ทำให้แพขนตาของลู่เป่ยเฉิงสั่นไหว เขาลืมตาขึ้นก่อนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ “เธอเอาแต่แหกปากอยากทำลูกอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ เป็นอะไรไป หรือรอให้ผมเป็นฝ่ายเริ่ม?”กู้หนานเยียนดึงสติกลับมา เธอยกมือขึ้นถอดเสื้อผู้ป่วยของเขาก่อนจะถามขึ้น “สภาพคุณเป็นแบบนี้ มันยังจะแข็งใช่ไหม?”ลู่เป่ยเฉิงอยากจะหยิบเข็มกับด้ายมาเย็บปากเล็ก ๆ ของกู้หนานเยียนจริง ๆ เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาสะบัดมือเธอออก “เธอถอดเสื้อผ้าผู้ชายได้คล่องมือเชียวนะ”จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุยไป “เรื่องวางยา รอให้พ่อกับแม่เธอมาพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”กู้หนานเยียนถูกลู่เป่ยเฉิงผลักลงให้นั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เธอพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ลู่เป่ยเฉิง ทำแบบนี้มันไม่มีประโยชน์”ลู่เป่ยเฉิงจะยุ่งกับใครก็ได้ แต่ไม่ใช่พ่อกับแม่ของเธอพ่อกับแม่เป็นเสาหลักให้ชีวิตเธอ เป็นเส้นตายของเธอลู่เป่ยเฉิงมองหน้าเธอนิ่ง “แล้วตอนวางยาทำไมไม่กลัว?”พูดจบ เขาก็หยิบขวดยาออกมาจากใต้หมอน ก่อนจะส่งไปให้กู้หนานเยียน “จะกินมันทั้งขวดหรือจะให้พ่อแม่เธอรู้เรื่องนี้”กู้หนานเยียน
เราไม่ไปหาเขา เขากลับรีบเร่งที่จะกลับมาหา ดูท่าจะโดนกดดันจากลู่ชิงหยางมาแน่ ๆ เมื่อเห็นกู้หนานเยียนนิ่งไป ป้าเจียงก็พูดขึ้นอย่างดีอกดีใจ "ป้าเพิ่งขึ้นไปเปลี่ยนชุดเครื่องนอนมา เห็นคุณชายหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป คิดว่าคืนนี้คงไม่ออกไปแล้วล่ะค่ะ" สามีกลับมาครั้งหนึ่ง แม้แต่แม่บ้านยังดีใจแทน ราวกับว่าสนมผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน สุดท้ายก็ได้ฮ่องเต้มาเหลียวมอง กู้หนานเยียนคิดหัวเราะเยาะตัวเองในใจ หลังจากเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ กู้หนานเยียนพูดแบบยิ้ม ๆ ว่า "เอาล่ะ ฉันจะขึ้นไปดูหน่อย" เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ก็ประจวบเหมาะกับลู่เป่ยเฉิงที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำพอดี กู้หนานเยียนยิ้มออกมาทันที "กลับมาแล้วเหรอ! คุณรอฉันสักครู่ ฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะ" ลู่เป่ยเฉิงรู้สึกรังเกียจ "กู้หนานเยียน เธอคิดเรื่องอื่นเป็นบ้างไหม?" กู้หนานเยียนพูดอย่างติดตลกว่า: "เรื่องที่ฉันกลับถึงบ้าน แล้วไปอาบน้ำก่อน มันก็ปกติมากไม่ใช่เหรอ?"“ว่าไปแล้ว ถ้าฉันเห็นคุณแล้วไม่มีความคิดอย่างว่า คุณก็คงจะเศร้าแน่ล่ะ” ลู่เป่ยเฉิง...... ผ่านไปกว่าสี่สิบนาที เมื่อกู้หนานเยียนอาบน้ำเสร็จ ออกมาก็เห็นลู่เป่ยเฉิงอ่านหนังสื
แสงไฟในบาร์สลัว ๆ เสียงดังกระหึ่มจากเสียงคุยของหนุ่มสาวผสมปนเปกับเสียงดนตรี กู้หนานเยียนยังไม่ทันได้อ้างปากพูด หญิงสาวก็พูดขึ้นอีกว่า "คืนนี้ เป่ยเฉิงก็ไม่ได้กลับบ้านอีกสิน๊า ไปอยู่กับหญิงอื่นอีกซิท่า!" โจวเป่ยสองมือล้วงกระเป๋า อมยิ้มแล้วพูดว่า "กลางดึกแบบนี้ สวี่หมิงจู เธอก็มาดื่มเหล้าดับทุกข์กะเขาด้วยเหรอ?" “แต่พูดก็พูดเถอะ เธอควรมาดับทุกข์จริงแหละ ลู่เป่ยเฉิงเปลี่ยนกิ๊กไปคนแล้วคนเล่า นี่ก็สองปีแล้วยังไม่ถึงคิวเธอเลย" “โจวเป่ย เธอ......” สฺหวี่หมิงจูโกรธจนเลือดขึ้นหน้าทันที "แล้วไงล่ะ เธอคงคิดว่ากู้หนานเยียนเป็นภรรยาของลู่เป่ยเฉิงจริง ๆ เป็นคุณนายหลู่งั้นสินะ"“เธอลองให้กู้หนานเยียนเรียกลู่เป่ยเฉิงว่า ทีรักดู ดูซิว่าลู่เป่ยเฉิงจะตอบรับด้วยไหม” เดิมที ครอบครัวสวี่ของเธอมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับครอบครัวลู่มากกว่า อีกทั้งผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัวก็กำลังคุยเรื่องการแต่งงานระหว่างเธอกับลู่เป่ยเฉิงอยู่แล้ว แต่แล้วก็ถูกกู้หนานเยียนสาวเอาไปก่อน ดังนั้นจึงคิดเอาชนะกู้หนานเยียนทั้งในที่แจ้งและที่ลับไม่รู้กี่ครั้ง แถมยังสร้างปัญหาให้เธออีกไม่รู้เท่าไร ในเมื่อวันนี้ได้เจอโอกาส
พูดจบ เขาจับมือของกู้หนานเยียน ที่กำลังจะผลักเขาออก แล้วกดไว้ที่หัวเตียง กู้หนานเยียน "ก็เอาสิ ใครถอยคนนั้นคือไอ้ลูกหมา" ในที่สุด ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังประลองกันอยู่นั้น กู้หนานเยียนก็พบว่าลู่เป่ยเฉิงตั้งใจจะลงมือกับเธออย่างไม่ปราณี เมื่อสบโอกาสที่ลู่เป่ยเฉิงเผลอ เธอจึงคว้าของตั้งโชว์ที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงไ ทุบลงบนศีรษะของลู่เป่ยเฉิงอย่างไม่แยแส “กู้หนานเยียน” ตะโกนร้องเรียกกู้หนานเยียนอย่างโกรธ ลู่เป่ยเฉิงยกมือเช็ดไปที่หน้าผากของตัวเอง และพบว่าเลือดเต็มฝ่ามือเลย ขณะเดียวกัน กู้หนานเยียนโยนของตั้งโชว์ลงบนโต๊ะข้างเตียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอปัดมือ แล้วเอ่ย "เคยเตือนคุณแล้ว" อยากนอนด้วยก็นอนไป คิดเล่นลูกไม้กับเธอ อย่าแม้แต่จะคิด ......ลู่เป่ยเฉิง—— “พี่สาม ไม่เบาเลยนะ! ถูกหนานเยียนใช้ความรุนแรงในบ้าน จนต้องเข้าโรงพยาบาลเลย” ในโรงพยาบาล ซูมู่ไป๋ผู้ซึ่งมาเป็นเพื่อนลู่เป่ยเฉิง เพื่อที่จะไปทำแผล เห็นหน้าผากที่มีผ้ากอซพันรอบของเขา ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ หนานเยียนยังคงเจ๋งกว่า ไม่เหมือนพวกเขา ตั้งแต่เล็กจนโตมีแต่โดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของลู่เป่ยเ
คุณย่าไม่เชื่อใจหลานของตัวเองเอามากขนาดไหนกัน! เมื่อเห็นเช่นนี้ กู้หนานเยียนก็ช่วยคีบกับข้าวให้ลู่เป่ยเฉิงด้วยว่า "ขอบคุณสำหรับเรื่องที่เป็นตัวแทนนะคะ คุณกินให้เยอะนะ ๆ " ลู่เป่ยเฉิงค้อนมาด้วยสายตาที่ไม่พอใจ กู้หนานเยียนรีบยิ้มตาหยีใส่ เมื่อเรื่องการเป็นตัวแทนทางกฎหมายผ่านไปได้ด้วยดี อารมณ์ของเธอจึงดีเป็นพิเศษ ในเวลานี้ ฉินไห่อวิ๋นคิดจะตีเหล็กตอนยังร้อน จึงผสมโรงว่า "เป่ยเฉิง หนานเยียน กว่าพวกเธอทั้งสองจะกลับมาทีก็แสนยาก คืนนี้ก็นอนค้างที่นี่เลยละกันนะ" คุณย่ากล่าว "ฮวงจุ้ยของบ้านเราดีมาก คืนนี้พวกเธอก็นอนค้างที่นี่เสียเลย ไม่แน่ว่าหนานเยียนอาจตั้งท้องมีลูกได้สำเร็จ" คุณย่าพูดต่ออีก "เป่ยเฉิง ประเดี๋ยวหลานก็ขยันขันแข็งหน่อย ให้ท้องเดียวได้แฝดสองไปเลย" ......ลู่เป่ยเฉิง พูดไปพูดมา สุดท้ายคนทั้งบ้านก็พยายามจะยุให้พวกเขามีลูกเร็ว ๆ ดังนั้น เมื่อกลับเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นบน กู้หนานเยียนก็ถามทันที "มาปั้มลูกกันไหม?" ลู่เป่ยเฉิงเหลือบมองเธออย่างเฉยเมย "กู้หนานเยียน เธอคิดเรื่องอื่นเป็นบ้างไหม?" กู้หนานเยียนรู้สึกตลก "ถ้าฉันเห็นคุณแล้วไม่คิดเรื่องอย่างว่า ยังจะคิดเรื่
ดูเหมือนว่าเธอก็ไม่ได้ตรงดิ่งกลับมาบ้านหลังจากเลิกงานอย่างที่เขาคิด ไม่นาน ป้าเจียงก็เข้ามาพร้อมกับของว่างและน้ำชา ลู่เป่ยเฉิงเผลอถามถึงการใช้ชีวิตประจำวันของกู่หนานหยาน ป้าเจียงจึงเล่า "บางครั้ง คุณนายก็ทำงานล่วงเวลาบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก ปกติก็กลับบ้านเร็วอยู่นะคะ" "เวลาในตอนนี้ก็ยังไม่ดึกเท่าไร" ยังจะไม่ดึกอีกเหรอ? นี่ก็สามทุ่มกว่าแล้ว เธอมักจะบ่นว่าเขาไม่ค่อยกลับมา แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไรเลย ลู่เป่ยเฉิงคิดว่าการที่ตัวเองสัญญากับกู้หนานเยียนว่าจะกลับมาสัปดาห์ละครั้ง กู้หนานเยียนก็คงอยู่บ้าน เฝ้ารอเขากลับมาด้วยความกระตือรือร้น ที่ไหนได้ เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่เขาจินตนาการไว้ ลู่เป่ยเฉิงยังคงยืนอยู่ตรงบานหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน ด้วยท่าทางล้วงสองมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง โดยไม่ได้เดินจากไป เขาอยากจะรู้นักว่า คืนนี้กู้หนานเยียนจะกลับถึงบ้านกี่โมง-- ในรถออดี้รุ่นเอสี่ชายหนุ่มจับพวงมาลัยด้วยมือสองข้าง เห็นกู้หนานเยียนพิงศีรษะไปที่หน้าต่างของรถ เขาถามขึ้น"ทนายกู้ คุณโอเคไหม?" กู้หนานเยียนขมวดคิ้ว พร้อมกับวางมือขวาบนหน้าอก "ฉันไม่เป็นไร" คืนนี้