Share

บทที่ 13

ผู้หญิงคนนั้นรีบพูดขึ้นว่า “ผู้อำนวยการฉู่คะ ฉันคือหลินชวงอู่รองผู้อำนวยการของแจฟฟรีย์กรุ๊ปค่ะ คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวหลินก็ได้ค่ะ”

“ก็คือเมื่อวานนี้ บริษัทได้จัดการประชุมผู้ถือหุ้นขึ้นค่ะ คุณชายฉู่เซี่ยงตงของตี้หาวกรุ๊ปได้ประกาศขึ้นต่อที่ประชุมว่า หุ้นเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในมือของเขานั้นได้โอนไปให้กับคุณแล้ว นั่นหมายความว่าตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นมา คุณก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและเป็นผู้อำนวยการของบริษัทด้วยค่ะ”

“เขายังส่งรูปถ่ายรวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ ของคุณมาให้กับฉัน ให้ฉันช่วยเหลือคุณต่อจากนี้ไปค่ะ”

จู่ ๆ ฉู่เฉินก็พูดขึ้นว่า “ผมเข้าใจแล้ว ตอนนี้ผมก็อยู่ในบริษัท ถ้ามีอะไรผมจะสั่งการไปที่คุณละกัน”

ณ ห้องทำงานของรองผู้อำนวยการ

พอหลินชวงอู่วางสายแล้วก็รีบเรียกเลขามาทันที แล้วสั่งขึ้นว่า “ผู้อำนวยการฉู่ผู้ดูแลบริษัทคนใหม่ได้มาถึงแล้ว น่าจะมาแอบมาเยี่ยมดู เธอรีบไปแจ้งให้ผู้ดูแลแต่ละแผนกทราบ ให้พวกเขากำชับพนักงานให้ดี จะต้องดูดีที่สุดในที่ทำงาน”

“ฉันได้พูดเอาไว้อย่างชัดเจนตรงหน้าแล้ว ว่าหากใครทำให้ผู้อำนวยการฉู่ไม่พอใจ ก็รีบเก็บของออกไปจากที่นี่ซะ!”

“ค่ะ ผู้อำนวยการหลิน!” เลขาตกใจ แล้วรีบหันกลับไปตอบรับคำสั่งของเธอทันที

ล่างตึกบริษัท ถังรั่วเวยและคนอื่น ๆ กำลังรอฉู่เฉินออกมา หลายคนต่างพูดและหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่ โดยที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง

ในเวลานี้ หลังจากหวังซวี่ได้รับสายโทรเข้า สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นกังวลขึ้นมาทันที

“นายน้อยหวัง เป็นอะไรไปคะ?” เฉินย่าถามอย่างสงสัย

หวังซวี่หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้หัวหน้าโทรมาบอกว่า ผู้อำนวยการฉู่ผู้ที่จะมาดูแลบริษัทคนใหม่แอบมาเยี่ยมชมยังบริษัทแล้ว ให้พวกเราทำงานดี ๆ อย่างไม่ย่อท้อแม้แต่น้อย ไม่งั้นก็เก็บของออกไปได้เลย”

“อะไรนะ?”

หลายคนได้ยินต่างก็ตกใจมาก

ถังรั่วเวยพูดอย่างสังสัยว่า “หวังซวี่ ผู้อำนวยการของบริษัทเราแซ่หยางไม่ใช่เหรอ?”

“ตอนนี้ไม่ใช่เขาแล้วล่ะ” หวังซวี่ส่ายหัว แล้วพูดขึ้นต่อว่า “คุณลุงของฉันบอกกับฉันว่า ก็คือเมื่อวาน บริษัทได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นขึ้น ผู้อำนวยการหยางคนเดิมได้ลาออกแล้ว และมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่แซ่ฉู่เข้ามาเป็นผู้อำนวยการแทน”

“เพราะข่าวนี้ยังไม่ได้เปิดเผยออกไปนอกบริษัท บวกกับเป็นเรื่องด่วน ดังนั้นผมจึงไม่มีเวลามาบอกพวกคุณได้ทัน”

เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่ แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว เร็ว รีบกลับห้องทำงานแล้วไปตั้งใจทำงานกัน อย่าให้ผู้อำนวยการฉู่ท่านนี้จับผิดพวกเราเอาได้”

หลายคนต่างตกใจ และรีบกลับไปในห้องทำงานอย่างเชื่อฟัง

ในขณะนี้ฉู่เฉินได้เข้าไปในห้องสัมภาษณ์แล้ว ซึ่งมีชายหัวล้านที่สวมสูทผูกเนกไทนั่งอยู่ตรงหน้าเขาหนึ่งคน

เจิ้งหงที่มีฐานะเป็นผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ได้ใช้คอมพิวเตอร์ในห้องทำงานเก็งหุ้นอยู่ พอเห็นว่ามีคนเข้ามา เขาก็คลิกเมาส์ แล้วรีบเปลี่ยนหน้าจอทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉิน

ดวงตาของเขาฉายแววความสนุกสนานออกมา “คุณก็คือฉู่เฉินใช่มั้ย?”

“ถูกแล้วครับ” ฉู่เฉินนั่งลง แล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็น

เจิ้งหงขมวดคิ้วขึ้นทันใด

โดยปกติแล้วผู้ถูกสัมภาษณ์เวลาเห็นเขา มีใครไม่ยอม ไม่พยักหน้าและโค้งคำนับให้กับเขาบ้าง?

ไอ้หนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้อาจหาญดี ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเขาก็นั่งลงไปแล้ว ทั้งยังมีท่าทีสงบอีกด้วย

จู่ ๆ เขาก็ยิ้มเยาะแล้วพูดขึ้นว่า “ให้ผมแนะนำตัวเองหน่อยนะ ผมเป็นผู้สัมภาษณ์คุณในวันนี้ ผมชื่อว่าเจิ้งหง”

“สัมภาษณ์เริ่มแล้ว ผมถามคุณหน่อย คุณเกิดราศีอะไร?”

“ราศีมังกรครับ” ฉู่เฉินพูดขึ้น

เจิ้งหงกล่าวอย่างไร้อารมณ์ขึ้นว่า “ขอโทษด้วย ฉันราศีสิงห์ พวกเราไม่เหมาะกัน ดังนั้นผ่านเกณฑ์ของการว่าจ้างงานของเรา คุณถูกคัดออกแล้วครับ”

พูดแบบนี้จบ เขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ และนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย

ไอ้หนู ฉันมีเหตุผลนับหมื่นที่ทำแบบนี้กับนาย ใครใช้ให้นายทำให้หลานชายหวังชวี่ขุ่นเคืองกันล่ะ

ใครจะรู้ว่าฉู่เฉินกลับมองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจแล้วพูดขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าคุณจะมีงานอดิเรกแบบนี้”

“งานอดิเรกอะไร?” เจิ้งหงผงะไปชั่วครู่

“ผมเข้าใจคุณนะ” ฉู่เฉินพูดด้วยใบหน้าที่เห็นอกเห็นใจ “แม้ว่ารักร่วมเพศจะไม่ผิดกฎหมาย แต่คุณเจอคนผิดแล้วล่ะ เพราะว่าผมเป็นผู้ชายตรง ๆ ที่ไม่ค่อยเข้าใจมุขสักเท่าไหร่”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status