จางหนิงเหอวิตกกังวล“ศิษย์พี่ เราสองคนสามารถเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นแล้วได้อย่างนั้นหรือ? เพื่อเห็นแก่อารามสวรรค์ ศิษย์พี่ ได้โปรดอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”จางหนิงผิงรีบคว้าศิษย์พี่ไว้อย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่านิสัยไม่คิดหน้าคิดหลังของศิษย์พี่ จะพาอารามสวรรค์ได้ตั๋วทัวร์ไปเที่ยวนรกด้วย“ฉู่เฉิน คุณห้ามเป็นอะไรนะ” หลินหยิงหยินก็แอบกระวนกระวายใจด้วยเช่นกัน ตอนที่คิดว่าปรมาจารย์ฉู่ในตำนานคือคนที่เพิ่งช่วยเหลือเธอ หลินหยิงหยินก็สะดุ้งและกลับมาสู่ความเป็นจริง เมื่อเห็นฉู่เฉินกระอักเลือดออกมา เธอก็เกลียดความอ่อนแอของตัวเอง ที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้บนยอดเขา มีนักสู้หลายคนก็กำลังมองภาพเบื้องหน้านั่นอยู่จากสักแห่งท่ามกล่างฝูงชน ใบหน้าที่หยาบกระด้างและดุร้ายเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งก็นั่นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจางเฉียง แม้ว่าจางเฉียงจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเห็นฉู่เฉินกระอักเลือด ก็ทำให้หัวใจรู้สึกกระชุ่มกระชวย“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกคือฉู่เฉิน แม้ว่าฉันจะเอาชนะแกไม่ได้ แต่ตอนนี้แกก็ถือตายไปแล้ว”จางเฉียงพึมพำกับตัวเองในใจตอนนั้นเองร่างสีขาวพุ่งขึ้นไปบนท้อง
“ถ้าผมบอกว่ามีก็มี!”จากความคิดนี้ ร่างของฉู่เฉินก็หายไปทันทีต่อหน้าต่อตาทุกคน“หืม? นี่มันวิชาบ้าอะไรกันแน่? ฉู่เฉินหายตัวไปแบบนี้จริงๆ เหรอ?”“อาจเป็นปรมาจารย์ลึกลับที่เข้ามาแทรกแซงและช่วยชีวิตฉู่เฉิน?”“นั่นเป็นเพียงคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ ใครจะคิดว่าฉู่เฉินมีปรมาจารย์ลึกลับคอยสนับสนุนเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้ายั่วยุวิหารวรยุทธ”เมื่อเห็นฉู่เฉินหายตัวไปต่อหน้า ไม่เพียงแต่เซี่ยจื่อเต้าจะปรากฏตัวออกมา แต่สั่งดาบเงาหลายเล่มพุ่งไปยังจุดที่ฉู่เฉินหายตัวไปอีกด้วยแม้แต่ผู้ชมบนยอดเขาหลงหู่ ก็ยังลุกยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ“นี่ไม่ใช่วิชาธรรมดาทั่วไป ฉู่เฉินได้หลุดออกจากช่วงเวลาปัจจุบันและเข้าสู่อีกมิติหนึ่ง วิชานี้เกินกว่าความสามารถระดับมหากาฬ แม้แต่ราชาวรยุทธก็อย่าหวังจะทำตามได้”ต้องให้ปรมาจารย์ลึกลับออกมาอธิบายเองทุกคนต่างสงสัยว่าฉู่เฉินหายไปอยู่ที่ไหนฉู่เฉินปรากฏตัวอีกครั้งในเมืองลับแลมังกรร่างนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นใต้เงามังกร และลงเพื่อขัดสมาธิขณะที่กำลังนั่งสมาธิ พลังจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา วรยุทธของเขาไม่เพียงแต่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่ยังค่อยๆ
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้? ฉู่เฉินได้ก้าวผ่านจิตไปถึงขั้นหกของระดับมหากาฬ และอยู่ในระดับเดียวกับผู้นำวิหารวรยุทธสาขา”มีผู้อาวุโสตะโกนออกมา เพื่อพยายามกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายในปรมาจารย์ระดับมหากาฬแต่การพูดคุยนี้ไม่ได้ส่งผ่านกระแสจิต แต่ถูกพูดออกมาอย่างตรงๆ ซึ่งทุกคนที่อยู่บนยอดเขาสามารถได้ยินชัด“อะไรนะ ฉู่เฉินก้าวผ่านจิตได้ระหว่างการต่อสู้ได้จริงหรือ?”“จริงเหรอ? ปรมาจารย์ระดับมหากาฬตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ ฉันไม่เชื่อ นี่คงเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ”“เขาต้องมียาแสงสวรรค์อะไรสักอย่างติดตัวแน่ ไม่เช่นนั้นจะก้าวผ่านจิตระหว่างการต่อสู้ได้อย่างไร”พวกอัจฉริยะจากนิกายซ่อนเร้นแทบไม่เชื่อความจริงข้อนี้เลยเดิมทีระดับวรยุทธฉู่เฉินก็ล้ำหน้าอัจฉริยะหลายคนที่อยู่ที่นี่แล้ว และยังไล่ล่าผู้อาวุโสของนิกายหลักอีก แถมตอนนี้เมื่อได้ยินว่าเขาก้าวผ่านจิตไปอีกขึ้นหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้สามารถหักหน้าเหล่าอัจฉริยะจากนิกายหลักๆ อย่างมาก“ท่านอาจารย์ ผมบอกท่านแล้วว่าเขาเป็นปรมาจารย์ด้านการเล่นแร่แปรธาตุ เขาคงกินยาแสงสวรรค์มาบ้าง หรือบางทีเขาอาจจะกลั่นยาเม็ดนี้ขึ้นมาเองก็ไ
หลังจากก้าวออกมาจากมิติแล้ว สายฟ้าหลายลูกฉู่เฉินก็ทำหน้าที่ทักทาย นิ้วชี้ไปในอากาศว่างเปล่า ฟ้าร้องที่รุนแรง ก็ได้กลืนร่างของเซี่ยจื่อเต้าไป“นี่คือ... วิชาห้าอสนีบาต!”“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวิชาสายฟ้าของอารามสวรรค์จะร้ายกาจเช่นนี้ แม้กระทั่งทำให้ปรมาจารย์ระดับมหากาฬได้รับบาดเจ็บ”“แม้แต่วิชาของปรมาจารย์สวรรค์ในปัจจุบัน ก็ไม่สามารถเอาเปรียบเทียบกับวิชาของฉู่เฉินได้”บนยอดเขาหลงหู่ หลายคนจากนิกายซ่อนเร้นมองไปที่จางหนิงเหอคนที่สนิทกับอารามสวรรค์เริ่มสอบถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฉู่เฉินกับอารามสวรรค์จางหนิงเหอมีสีหน้าแปลกๆ และไม่ได้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉู่เฉิน แค่รู้สึกเพียงรู้สึกพึงพอใจอยู่ในใจ ด้วยสายฟ้าฟาดของฉู่เฉิน เพราะตอนนี้ไม่มีใครกล้าดูถูกอารามสวรรค์ได้!ในขณะที่กำลังพึงพอใจ ดาบที่เอวของเขา ดาบสังหารปีศาจหยินหยางก็กลายเป็นลำแสงและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นได้ชัดว่าการใช้วิชาวิชาห้าอสนีบาตของฉู่เฉิน ได้ปลุกดาบเก่าแก่ของอารามสวรรค์อีกครั้งสิ่งนี้ดึงดูดความสนใจจากฝูงชนมากยิ่งขึ้น“ดาบสังหารปีศาจหยินหยางถูกดึงดูดออกมาโดยรัศมีของฉู่เฉิน ว่ากันว่านั่นเป็นดาบของป
ทั้งร่างหดลงเหมือนกับเต่าที่หดหัวมุดกระดอง และสามารถหลีกเลี่ยงปลายดาบสังหารปีศาจได้อย่างหวุดหวิดเกือบไปแล้วฉวยโอกาสนี้เซี่ยจื่อเต้าถอยกลับไปหลายสิบเมตรทันที และกดจุดบนแขนที่ขาดของเขาอย่างรวดเร็ว เพื่อห้ามเลือด“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าวิหารวรยุทธสาขาจะถูกฟันแขนขาดได้ยังไง? ปรมาจารย์ฉู่ใช้วิชาแบบไหนกัน!”“ใช่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”“ดูเหมือนว่าพลังของฉู่เฉิน จะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่งหลังจากได้รับดาบสังหารปีศาจหยินหยาง”การต่อสู้บนท้องฟ้าเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ถึงผลแพ้ชนะ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็มีฝีมือทัดเทียมกัน แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เซี่ยจื่อเต้าถูกฟันแขนขาดไปแล้ว จึงทำให้เกิดวิพากษ์วิจารณ์อย่างบ้าคลั่งในคนดู แม้แต่ผู้อาวุโสนิกายบางคนก็ร่วมวงสนทนาและเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เสื้อผ้าของเซี่ยจื่อเต้าหายไป และแม้แต่เส้นผมบนร่างกายก็กลายเป็นขี้เถ้า เนื่องจากสายฟ้าเซี่ยจื่อเต้าซึ่งมีแขนเพียงข้างเดียวและหัวล้านก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้ามาก เขาจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชา เพื่อขู่ไม่ให้ฉู่เฉินไล่ตามเขาอีก และก็พูดด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง: “ฉู่เฉิน แกกล้าดียังไงมาตัดแขนฉั
หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือเย่ชิงชานก่อนหน้านี้ จากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของเสี่ยวซือโถว เธอจึงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่ได้คิด ตั้งใจที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับเสี่ยวซือโถว แต่เธอกลับถูกดาบเงาฟาดลงมาเกือบจะในทันทีหลังจากบินขึ้นไป และตกลงไปสู่แม่น้ำเบื้องล่างดาบเงาทะลุร่างกาย ทำให้เย่ชิงชานหมดสติไปในทันที และเธอได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากแม่น้ำที่เย็นยะเยือกเมื่อตื่นขึ้นมา เธอพบว่าตัวเองกำลังต่อสู้กับพลังดาบที่อาละวาดในร่าง ซึ่งเธอนั้นร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล และจากความมุ่งมั่น ที่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความตาย เย่ชิงชานจึงเริ่มดูดซับพลังงานดาบเข้าสู่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ร่างกายของเธอไม่เพียงดูดซับพลังงานดาบเท่านั้น แต่ระดับวรยุทธก็เพิ่มสูงขึ้นจากขั้นแรกของปรมาจารย์สู่ขั้นสามทันที ยังพบว่าสัมผัสได้ว่ายังมีความสามารถในการควบคุมทุกสิ่งภายในรัศมีสิบเมตรเย่ชิงชานทดสอบพลังที่เพิ่งค้นพบ และทบทวนถึงขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงระดับวรยุทธแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความมุ่งมั่นของเย่ชิงชานที่จะช่วยฉู
“อะไรนะ? เธอมีอาจารย์อยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ? บอกฉันเร็วๆ เข้าว่าใครเป็นอาจารย์ของเธอ? ฉันจะไปหาเขาและขอให้เขาบอกให้เธอมาเข้าร่วมกับนิกายของฉัน” เจี้ยนหวู่เฉินกังวล และแรงกดดันที่แผ่มาจากเขาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น เขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ตอนนี้เหมือนโลกเงียบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตและท้องฟ้าทั้งหมดก็มืดมน และเจี้ยนหวู่เฉินกำลังครอบงำจิตใจของเย่ชิงชานแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ตรงหน้านั้น เย่ชิงชานแม้จะไม่มีแม้แต่แรงต่อต้าน แต่ก็ยังกัดฟันและพูด: "ผู้อาวุโส หากคุณต้องการตามหาอาจารย์ของฉัน ฉันเกรงว่ามันจะยากหน่อย อาจารย์ได้จากโลกนี้ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน"“ถ้าเป็นเช่นนั้น เธอก็เข้าร่วมนิกายของฉันได้เลย ฉัน เจี้ยนหวู่เฉินเป็นผู้นำของสำนักกระบี่และในชีวิตฉันมีลูกศิษย์เพียงสองคนเท่านั้น ซึ่งพวกเขาทั้งคู่กำลังฝึกฝนอยู่ในนิกายตอนนี้ หากเธอตอบตกลง เธอจะเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของฉัน เธอคิดว่ายังไง?” ท่าทีเจี้ยนหวู่เฉินอ่อนลงเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ก็ยังคงแผ่รัศมีกดดันออกมา ดูเหมือนจะตั้งใจที่จะข่มขู่เย่ชิงชานขณะที่เย่ชิงชานทนไม่ไหว เธอก็เห็นว่าเหยาปิงชู่โบกมืออย่างส่งๆ และรัศมีของเจี้ยนหวู่เฉินก็หาย
ฉู่เฉินไล่ตามเซี่ยจื่อเต้าไปอย่างไม่ลดละ ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงชายแดนของเจียงโจว และอีกหน่อยก็จะพาพวกเขาออกจากดินแดนเจียงโจวทั้งสองจึงวิ่งหนีและไล่ตามกัน ในขณะนี้เซี่ยจื่อเต้าพลังใกล้เหือดแห้งแล้ว ใบหน้าของเขาซีดเซียว ซึ่งได้สูญเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก ทำให้วรยุทธก็ลดลงเหลือเพียงเล็กน้อยในทางกลับกัน ฉู่เฉินยังคงแข็งแรงและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังด้วยการสะบัดข้อมือสบายๆ ฉู่เฉินส่งปราณดาบหลายอันพุ่งไปที่ด้านหลังของเซี่ยจื่อเต้าเซี่ยจื่อเต้าคนก่อนหน้านี้ไม่มีอีกแล้ว ดังนั้นจึงต้องหยุดและเผชิญหน้ากับมัน หลังจากการเคลื่อนไหวที่หลบอย่างสุดกำลัง ในที่สุดก็สามารถหลบเลี่ยงมันได้พร้อมจ้องฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ“ฉู่เฉิน ฉันเป็นเจ้าวิหารของวิหารวรยุทธสาขา แกอยากจะต่อสู้กับฉันจนตายกันไปข้างจริงๆ เหรอ?”เมื่อเห็นเซี่ยจื่อเต้าอยู่ในสภาพดูไม่ได้ตรงหน้า ฉู่เฉินมั่นใจว่าสามารถฆ่าคนตรงหน้าได้ด้วยกระบวนท่าเดียว จากนั้นจึงพูดขึ้น“เมื่อตอนที่แกท้าทายฉัน แกก็ควรเตรียมใจไว้สำหรับเรื่องนี้นะ ฉันจะให้โอกาสแกสักครั้ง บอกความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น แล้วฉันจะให้แกตายอย่างไม่ทรมาน”เมื