Share

บทที่ 7

มู่หรงจางมีลูกชายหนึ่ง ลูกสาวสอง มู่หรงเจ๋อผู้เป็นลูกชายไม่ชอบด้านธุรกิจแต่เลือกไปรับราชการ หนทางราบรื่นตลอดเส้นทาง ยามนี้ได้ย้ายไปรับตำแหน่งที่มณฑลหนานตูแล้ว

ลูกสาวคนที่สองมู่หรงยิ่น เป็นราชินีแห่งวงการธุรกิจ ควบคุมดูแลกลุ่มกิจการติ่งเซิ่งที่มู่หรงจางเป็นผู้ก่อตั้ง ในเวลาไม่กี่ปี ก็ทำให้ธุรกิจในเครือของติ่งเซิ่งกรุ๊ปขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว กลายเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจของเมืองลั่ว

ดังนั้นมู่หรงจางจึงได้เกษียณก่อนกำหนด มอบติ่งเซิ่งกรุ๊ปทั้งหมดให้มู่หรงยิ่นเป็นผู้ดูแล

ลูกสาวคนที่สามมู่หรงหว่านเอ๋อร์อายุน้อยที่สุด นิสัยโลดโผนมีชีวิตชีวา ชอบการต่อสู้ กราบเจียงไห่เซิง หนึ่งในสี่ปรมาจารย์ของเมืองลั่วเป็นอาจารย์

นั่งอยู่ในรถของมู่หรงยิ่น กลิ่นหอมเย้ายวนใจคน

หัวใจของหลินหยางเต้นแรงอยู่บ้าง เพราะไม่ว่าอย่างไร ในยามนี้ผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายเขาคือมู่หรงยิ่นที่สูงส่งจนไม่อาจเอื้อมนี่นา!

“หมอเทวดาหลิน ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณอย่างมาก คุณอายุยังน้อยถึงเพียงนี้ ก็มีทักษะการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์และฝีมือที่สูงล้ำเหนือผู้คนเช่นนี้ ความสำเร็จในอนาคตย่อมไม่อาจคาดเดาอย่างแน่นอน

มู่หรงยิ่นเป็นฝ่ายเริ่มสนทนากับหลินหยางก่อน

“คุณหนูมู่หรงชมเกินไปแล้ว”

หลินหยางก็เป็นคนที่เห็นอะไรมากเช่นกัน จึงตอบไปกลับอย่างสงบมั่นคง

“น้อยนักที่ฉันจะชมคนอื่นอย่างจริงใจ แต่คำพูดเมื่อครู่ มาจากใจจริง”

มู่หรงยิ่นทัดผมปอยหนึ่งไปที่หลังหู ทุกอิริยาบถล้วนเต็มไปด้วยความสง่างาม

“เช่นนั้น ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติมากครับ”

หลินหยางเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ทั้งการขึ้นสู่จุดสูงและตกต่ำมาก่อน จิตใจมั่นคงเป็นผู้ใหญ่ มิได้รู้สึกลำพองเพราะคำชมของมู่หรงยิ่น ยังคงรักษาท่าทีถ่อมตนและสงบเรียบเฉยไว้เช่นเดิม

“สามารถผูกสัมพันธ์กับหมอเทวดาหลินได้ถือเป็นเกียรติของพวกเรา” มู่หรงยิ่นเยินยอ

ไม่นานนัก รถก็มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลมู่หรง ซึ่งตั้งอยู่ข้างแม่น้ำลั่ว

ทั่วทั้งคฤหาสน์กินพื้นที่หลายเอเคอร์ สิ่งก่อสร้างภายในมีกลิ่นอายโบราณ หอเก๋ง ศาลา สะพานยาวคลุมหลังคากลางน้ำ ทุกย่างก้าวทุกทิวทัศน์ล้วนแสดงถึงความมั่งคั่งของตระกูลใหญ่

หลังจากมาถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่หรง มู่หรงยิ่นก็มอบบัตรธนาคารใบหนึ่งกับแอปเปิลวอชรุ่นใหม่ล่าสุดให้หลินหยางโดยตรง

“หมอเทวดาหลิน ในบัตรนี้มีเงินสามร้อยล้าน เป็นค่ารักษาของคุณ ช่วยรับไว้ด้วยนะคะ”

หลินหยางก็ไม่เกรงใจ รับไว้ทั้งหมดที่มอบให้

ตอนนี้เขาต้องการเงินอย่างยิ่ง

นับแต่โบราณ การร่ำเรียนเป็นเรื่องของคนยากจน ส่วนการศึกษาศิลปะการต่อสู้นั้นเป็นเรื่องของคนมีเงิน สำหรับคนธรรมดาแล้ว การศึกษาเล่าเรียนเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ส่วนการฝึกฝนวรยุทธ์นั้น ต้องการยาสมุนไพรจำนวนมากมาคอยสนับสนุน มิเช่นนั้นหากสารอาหารบำรุงไม่เพียงพอ ต่อให้มุมานะฝึกซ้อมแค่ไหนก็เสียเปล่า กระทั่งยังจะฝึกซ้อมจนร่างกายเสียหายด้วย

“พวกคุณเรียกชื่อผมก็พอ เรียกหมอเทวดาหลิน รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง” หลินหยางกล่าว

“ท่านเป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่งต่อตระกูลมู่หรงเรา จะเรียกชื่อเฉยๆ ได้อย่างไร ในเมื่อท่านไม่ชอบวิธีเรียกนี้ อย่างนั้นก็เรียกท่านว่าคุณหลินแล้วกัน”

มู่หรงจางรับคำ พลางถือโอกาสส่งสายตาให้มู่หรงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง

“หลิน…คุณหลิน ขอโทษด้วยค่ะ ขอให้คุณอภัยให้กับความไม่รู้และการล่วงเกินของฉันด้วย!”

มู่หรงหว่านเอ๋อร์ที่ละความเขินอายพูดคำขอโทษออกมาไม่ได้เสียที ในตอนนี้ก็ได้ละความทระนงตัวลงแล้ว โค้งขอขมาต่อหลินหยางด้วยท่าทางจริงใจ

มู่หรงหว่านเอ๋อร์เป็นคนฝึกวรยุทธ์ มีจิตยึดติดกับความแข็งแกร่งอย่างรุนแรง

กับคนที่อ่อนแอกว่าเธอ เธอรู้สึกดูถูก แต่สำหรับคนที่แข็งแกร่งกว่าเธอ เก่งกาจกว่าเธอ เธอก็จะให้การยอมรับนับถือเต็มที่

สิ่งที่หลินหยางแสดงออกมาในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาแพทย์ที่สามารถชุบชีวิตคนได้หรือความแข็งแกร่งที่สามารถเอาชนะยอดฝีมือขั้นเจ็ดได้ในเสี้ยววินาที ล้วนทำให้มู่หรงหว่านเอ๋อร์ยอมรับและเกิดความนับถืออย่างจริงใจ

หลินหยางมิได้ให้ความสนใจต่อมู่หรงหว่านเอ๋อร์ บนตัวของเธอ หลินหยางมองเห็นเงาบางส่วนของฉินเยียนหราน คนทั้งสองมีส่วนที่เหมือนกันหลายจุด เป็นเหตุให้รู้สึกห่างเหินกับเธอตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้

หลินหยางยกมือขึ้นเบาๆ ไม่ได้แสดงออกอะไร

มู่หรงยิ่นที่อยู่ด้านข้างรีบพูดแก้ไขสถานการณ์ ช่วยลดความตึงเครียดของบรรยากาศว่า “คุณหลิน ฉันได้ยินว่าตอนนี้คุณยังไม่มีที่อยู่เป็นหลัก ฉันมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้านตี้เหา หากคุณไม่รังเกียจก็ขอมอบให้คุณแล้วกัน ถือเสียว่าฉันขอโทษคุณแทนหว่านเอ๋อร์ด้วย”

เดินหลินหยางไม่อยากรับผลประโยชน์จากตระกูลมู่หรงโดยไม่มีเหตุผล หลายสิ่งบนโลกนี้ดูเหมือนจะฟรี ทว่าแท้ที่จริงได้ถูกกำหนดราคาไว้แต่แรกนานแล้ว การโลภกับความได้เปรียบชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้ายจะต้องจ่ายผลตอบแทนที่แพงกว่าออกไป

แต่เมื่อได้ยินชื่อหมู่บ้านตี้เหา เขากลับหวั่นไหวแล้ว

เพราะบ้านของเขา เดิมก็อยู่ในหมู่บ้านตี้เหา

“ที่ว่าจะให้ฟรีคงไม่ต้องหรอก แต่สามารถไปดูก่อนได้ หากเป็นที่พอใจแล้วล่ะก็ ผมจะขอซื้อในราคาตลาดแล้วกัน”

ตอนนี้เขาต้องการที่พักอาศัยสักแห่งจริงๆ

“ได้ อย่างนั้นฉันจะพาคุณไปดูบ้านตอนนี้เลย”

มู่หรงยิ่นทำหน้าที่เป็นคนขับรถด้วยตัวเอง พาหลินหยางไปที่หมู่บ้านตี้เหา

นี่เป็นหนึ่งในหมู่บ้านระดับไฮเอนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองลั่ว คนที่พักอาศัยอยู่ด้านในต่างก็มีความมั่งคั่งและสถานะที่ไม่ธรรมดา

หมู่บ้านตี้เหาห่างจากคฤหาสน์ตระกูลมู่หรงไม่มาก หากขับรถเพียงสิบนาทีกว่าก็ถึงแล้ว

เมื่อเห็นมู่หรงยิ่นขับรถมาที่บ้านหมายเลขที่สิบแปด แล้วประตูใหญ่หน้าสวนดอกไม้ค่อยๆ เปิดออกโดยอัตโนมัติ หัวใจหลินหยางก็สั่นสะท้านในทันที

“เป็นที่นี่หรือ?”

“ใช่แล้ว บ้านหมายเลขที่สิบแปด หมู่บ้านตี้เหา มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?” มู่หว่านหรงถาม

หลินหยางสูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า “ที่นี่ เมื่อก่อนเป็นบ้านของผม”

“หา? บังเอิญถึงขนาดนี้เลยหรือ? ดูท่านี่ก็คือวาสนานะคะ! ตอนนี้ของก็ได้กลับคืนสู่เจ้าของเดิมแล้ว”

ในใจของมู่หรงยิ่นรู้สึกโชคดีอย่างมาก นี่ช่างเป็นผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดจริงๆ!

ไม่รอให้มู่หรงยิ่นจอดรถจนสนิท หลินหยางก็รีบเปิดประตูรถออกแล้วกระโดดลงไป

สองปีแล้ว เป็นเวลาสองปีแล้วที่เขาไม่ได้กลับมา

ทั่วทั้งสวนดอกไม้คล้ายจะเหมือนเมื่อสองปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน หลินหยางพลันรู้สึกคัดจมูกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา

สองปีมานี้ เขามีชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าหมูหมาในบ้านสกุลฉิน ได้รับความทุกข์ทรมานและถูกเหยียดหยามนานัปการ ตอนนี้กลับมาถึงบ้านในอดีต จะไม่รู้สึกสะเทือนใจได้อย่างไร

มู่หรงยิ่นเปิดประตูออก หลินหยางเดินเข้าไป เวลานี้ด้านในเปลี่ยนไปหมดแล้ว การตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ล้วนเปลี่ยนเป็นของใหม่ทั้งหมด

“คุณหลิน คุณลองดู การตกแต่งและของประดับที่อยู่ภายในนี้มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? บ้านหลังนี้หลังจากที่ฉันได้มาก็ไม่เคยอยู่มาก่อน ของข้างในฉันก็ไม่เคยแตะต้องเช่นกัน”

มู่หรงยิ่นพูดอยู่ด้านข้าง

“ถูกตกแต่งใหม่ไปหมดแล้ว ไม่มีร่องรอยในอดีตเหลืออยู่แม้แต่น้อย เดิมคิดจะหาของที่เป็นของพ่อแม่ผมสักหน่อย คิดว่าน่าจะถูกโยนทิ้งไปหมดแล้ว”

ในใจของหลินหยางรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง

“บ้านหลังนี้เป็นคุณซื้อไว้หรือ?”

“ไม่ใช่ค่ะ ฉินโม่หนงอยากจะร่วมมือทำธุรกิจกับตระกูลมู่หรงมาโดยตลอด เมื่อหนึ่งปีก่อน เธอมอบบ้านหลังนี้ให้คุณพ่อของฉันเป็นของขวัญวันเกิด ฉันถึงได้รับปากร่วมมือกับซิงเย่ากรุ๊ป”

หลินหยางหัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง ฉินโม่หนงช่างรู้จักดีดลูกคิดจริงๆ เอาบ้านของครอบครัวเขาไปตกแต่งใหม่เพื่อมอบให้ตระกูลมู่หรงเป็นของขวัญ

“ฉินโม่หนง”

เมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนี้ หลินหยางก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้

ที่จัดการไปรอบหนึ่งเมื่อตอนกลางวัน ยังไม่พอที่จะทำให้หายแค้น ดูท่ายังต้องจัดการนางดีๆ อีกสักรอบ ไม่อย่างนั้นยากที่จะดับเพลิงโทสะนี้ไปได้!

มู่หรงยิ่นเหลือบมองครั้งหนึ่ง เห็นสีหน้าของหลินหยางเผยความเยียบเย็นออกมา จึงถามอย่างลองเชิงว่า “ฉันได้ยินมาว่า ฉินโม่หนงเป็นแม่บุญธรรมของคุณ?”

“ไม่ผิด เป็นแม่บุญธรรมจริงๆ”

หลินหยางหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง

“ผมชื่นชมหล่อนมาก! ตอนนั้นหล่อนหนีภัยมาถึงเมืองลั่ว มีชีวิตที่อยากลำบาก แม่ของผมรับตัวหล่อนไว้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการเลี้ยงดูหมาป่าอกตัญญู”

“ตอนนี้หล่อนได้ทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์ ทั้งฝีมือและความคิดนี้ ทำให้คนไม่อาจไม่นับถือจริงๆ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในใจของหลินหยางก็เคียดแค้นจนยากจะสงบได้

มู่หรงยิ่นพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันเคยติดต่อกับเธอมาก่อน สามารถรับรู้ได้ว่า เธอเป็นคนที่มีแผนการอย่างมาก และก็เป็นคนที่มีความกล้ามากเช่นกัน”

“แต่ว่าตอนนี้ดูไปแล้ว แม้ฉินโม่หนงจะมีฝีไม้ลายมือและความกล้าหาญ แต่สายตากลับแย่อย่างมาก ถึงกับไม่รู้ว่าคุณมีความสามารถเช่นนี้ ช่างมีตาไร้แววจริงๆ”

มู่หรงยิ่นได้ตัดสินใจแล้ว หลังจากกลับไปก็จะตัดขาดความร่วมมือทั้งหมดกับซิงเย่ากรุ๊ปทันที ทำการขีดเส้นแบ่งอย่างชัดเจน!

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status