Share

บทที่ 9

สีหน้าของหลินหยางไม่เปลี่ยนแปลง เฝิงอวี้เจียวกับพนักงานคนอื่นในร้านกลับปากอ้าตาค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ความงามและบุคลิกรัศมีของมู่หรงยิ่น เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงพวกนี้เห็นแล้วเกิดความอิจฉาน่ะ

ผู้หญิงที่งามล่มเมืองแบบนี้ ทำไมถึงไปชอบผีพนันคนหนึ่งได้ นี่มิใช่ดอกไม้งามดอกหนึ่งถูกหมูกินหรอกหรือ?

“ต่อให้เขาเป็นแฟนของคุณแล้วอย่างไร? ร้านของพวกเราไม่ต้อนรับคนติดยาและผีพนัน”

เฝิงอวี้เจียวแค่นอย่างเสียงไม่พอใจ

“ฉันก็ว่าผีพนันแบบเขาทำไมถึงได้กล้ามาซื้อเสื้อผ้าในร้านของพวกเรา ที่แท้เป็นเพราะไปเกาะเศรษฐินีได้ กลายเป็นพวกหนุ่มหน้าขาวที่ถูกคนเลี้ยงดู”

เฝิงอวี้เจียวพูดอย่าประชดประชันด้วยจิตใจคับแคบ

“คุณคนสวย ฉันขอเตือนคุณด้วยความหวังดีสักหน่อย เช็ดตาให้สะอาดดูให้ดีๆ ต่อให้จะเลี้ยงดูหนุ่มหน้าขาวก็อย่าดูแต่หน้า ระวังถูกหลอกเอานะคะ”

“ช่างพูดมาน่ารำคาญเหลือเกิน ร้านกุชชี่มีพนักงานแบบเธอได้ยังไง ยังเป็นถึงผู้จัดการร้านอีก”

มู่หรงยิ่นขมวดคิ้ว

“เฮ้อ เจอสุนัขที่ไม่รู้จักความหวังดีของคนแว้งกัด ฉันเป็นผู้จัดการร้านแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณทำอะไรได้หรือ? ฉันก็จงใจไม่ขายให้พวกคุณ คุณจะทำอะไรฉันได้? หากมีความสามารถก็ร้องเรียนฉันสิ!”

เฝิงอวี้เจียวถือดีว่าแผนของตนเป็นผู้จัดการ ก็ไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย กระทั่งมู่หรงยิ่นก็ด่ารวมเข้าไปด้วยแล้ว

บนใบน้ำของมู่หรงยิ่นปรากฏความเย็นยะเยียบขึ้นมา

“ฉันทำอะไรได้น่ะหรือ? ฉันทำลายอาชีพของเธอได้ยังไงล่ะ” มู่หรงยิ่นกล่าวอย่างทรงพลัง

“ขู่ใครกัน! ถ้ามีความสามารถคุณก็ทำลายดูสิ ฉันจะลองดู ว่าคุณจะเอาอะไรมาทำลายอาชีพของฉัน!”

เฝิงอวี้เจียวกล่าวอย่างดูแคลน

มู่หรวยิ่นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แต่ยังคงถามความเห็นของหลินหยางก่อน

“จะสั่งสอนเธอไหมคะ?”

“ตามใจคุณเถอะ” หลินหยางกล่าวอย่างเรียบเฉย

มู่หรงยิ่นโทรหาเลขาของตนโดยตรง กล่าวว่า “ฉันอยู่ศูนย์การค้าจิ๋วติ่ง ให้เจ้าของร้านกุชชี่ที่จิ๋วติ่งมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย”

“เสแสร้งแกล้งทำ คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน? แค่โทรศัพท์ส่งๆ ครั้งเดียวก็จะสามารถเรียกเถ้าแก่ของพวกเรามาได้?”

สีหน้าของเฝิงอวี้เจียวยังคงเต็มไปด้วยความดูหมิ่น เธอรู้จักเจ้าของร้านกุชชี่แห่งนี้

เถ้าแก่โหวกุ้ยเหวินเป็นเป็นสมาชิกของสมาคมการค้าวั่นเหา เกือบจะได้สิทธิ์ผูกขาดในการขายสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือยเกือบทุกแบรนด์ในเมืองลั่ว มีความสามารถและคอนเนคชั่นมากมาย เป็นบุคคลสำคัญผู้หนึ่ง

แม้มู่หรงยิ่นดูไปแล้วจะไม่เหมือนคนธรรมดา แต่แค่โทรศัพท์เพียงครั้งเดียวก็ไม่มีทางเรียกบุคคลสำคัญระดับโหวกุ้ยเหวินมาได้แน่

ตอนนี้ พนักงานในร้านคนอื่นต่างก็ไม่กล้าส่งเสียงแล้ว พวกเธอไม่มีความมั่นใจแบบเฝิงอวี้เจียวหรอกนะ

เมื่อมู่หรงยิ่นโทรศัพท์เสร็จ ก็คร้านที่จะถกเถียงกับเฝิงอวี้เจียว

วันนี้หากไม่ใช่เพราะเกี่ยวข้องกับหลินหยาง ด้วยตำแหน่งสถานะของมู่หรงยิ่น ไม่มีทางจัดการเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ด้วยตนเองเป็นอันขาด

เวลานี้ก็มีลูกค้าเดินเข้ามาอีก จึงมีพนักงานเข้าไปต้อนรับทันที

“หลินหยาง?”

บังเอิญอย่างมาก มีคนรู้จักมาเพิ่มอีกคนแล้ว

อดีตคู่หมั้นของหลินหยาง หลิ่วฟู่อวี่

หลินหยางมองหลิ่วฟู่อวี่ครั้งหนึ่ง ไม่ได้พูดสิ่งใด

หลิ่วฟู่อวี่กับพูดอย่างเยาะหยันว่า “ฉันได้ยินว่านายติดยาติดพนัน ยังคิดว่านายตายไปแล้วซะอีก คิดไม่ถึงว่านายยังมีชีวิตอยู่ พวกกากเดนช่างดวงแข็งจริง!”

“คุณหนูหลิ่ว คุณก็รู้จักเขาเช่นกันหรือคะ?” เฝิงอวี้เจียวถาม

หลิ่วฟู่อวี่เป็นลูกค้าวีไอพี เฝิงอวี้เจียวมีฐานะเป็นหัวหน้าร้าน จึงคุ้นเคยกับเธออย่างมาก

“ถึงเขาจะกลายเป็นผงฉันก็ยังจำได้” หลิ่วฟู่อวี่พูดเสียงเยาะเย้ย

“โอ้? เธอรักฉันอย่างลึกซึ้งเหลือเกินหรือนี่? สลายเป็นขี้เถ้าแล้วเธอก็ยังจำฉันได้” หลินหยางถือโอกาสเหน็บแนมกลับ

“เข้าข้างตัวเองเกินไปแล้ว ฉันหวังให้นายตายไปเร็ว! ตัวไร้ประโยชน์อย่างนาย มีชีวิตอยู่ไปจะมีความหมายอะไร? เปลืองอากาศอย่างสิ้นเชิง หากฉันเป็นนายล่ะก็ คงแขวนคอตายไปนานแล้ว”

หลิ่วฟู่อวี่พูดเย้ยหยัน

“คุณหนูหลิ่วพูดได้ถูกมากค่ะ” เฝิงอวี้เจียวราวกับได้พบเพื่อนรู้ใจ

“โชคเรื่องผู้หญิงของคุณแย่ขนาดนี้เชียวหรือคะ?”

มู่หรงยิ่นปิดปากหัวเราะพลางกล่าวเบาๆ

“เฮ้อ…วันนี้ตอนออกจากบ้านไม่ได้เปิดปฏิทินดูดวง เลยพบพานศัตรูในทางคับแคบน่ะ” หลินหยางพูดพลางถอนใจ

“เธอเป็นใครกันคะ? เป็นเพื่อนสมัยเรียนของคุณเหมือนกันหรือ?” มู่หรงยิ่นถาม

“เธอเป็นคู่หมั้นของผม คุณหนูใหญ่สกุลหลิ่ว หลิ่วฟู่อวี่” หลินหยางกล่าวอธิบาย

“คนแซ่หลิน พูดให้มันดีๆ หน่อย ใครเป็นคู่หมั้นของนายกัน?”

หลิ่วฟู่อวี่รีบกล่าวปฏิเสธในทันที “ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนายตั้งนานแล้ว นายเข้าข้างตัวเองให้น้อยลงหน่อย! ก็ไม่รู้จักดูว่าตอนนี้ตัวเองมีสภาพแบบไหน นายยังคู่ควรกับฉันอีกหรือ? การหมั้นหมายระหว่างนายกับฉันในอดีต เป็นความอัปยศที่สุดของฉัน”

เมื่อได้ยินคำโต้ตอบไปมาเช่นนี้ มู่หรงยิ่นกับเฝิงอวี้เจียวก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองอย่างสมบูรณ์แล้ว

“ฉันกับรู้สึกว่าเป็นคุณที่ไม่คู่ควรกับเขา คุณหนูใหญ่สกุลหลิ่ว มีอะไรยอดเยี่ยมกัน มีอะไรให้ภาคภูมิใจหรือ?”

มู่หรงยิ่นรู้ว่า ผู้ชายให้ความสำคัญกับหน้าตาและเกียรติยศเป็นที่สุด

โดยเฉพาะสถานการณ์แบบในวันนี้ คนหนึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่เคยชอบหลินหยาง อีกคนเป็นอดีตคู่หมั้นที่เคบหมั้นหมายกัน

ในเวลานี้ เธอจะต้องช่วยรักษาหน้าให้หลินหยางอย่างเต็มที่

ก่อนหน้านี้หลิ่วฟู่อวี่ก็สังเกตเห็นมู่หรงยิ่นแล้ว รูปลักษณ์และราศีบนร่างของผู้หญิงคนนี้ ทำให้แม้แต่เธอก็เกิดความริษยา

เธอคิดว่ามู่หรงยิ่นเป็นเพียงลูกค้าที่ไม่มีความเกี่ยวข้องเท่านั้น

“แล้วเธอเป็นใครกัน? ที่นี่มีที่ให้เธอพูดด้วยหรือ? หุบปากของเธอให้ฉันซะ”

เดิมหลิ่วฟู่อวี่ก็อิจฉามู่หรงยิ่นเล็กน้อยอยู่แล้ว เวลานี้มู่หรงยิ่นกลับช่วยพูดแทนหลินหยาง เธอจึงถือโอกาสระบายความริษยาและไม่สบอารมณ์ที่อยู่ในใจ บีบบังคับกดดันผู้คน แสดงพลังของคุณหนูใหญ่สกุลหลิ่วออกมา

เฝิงอวี้เจียวรีบกล่าวว่า “ดูเหมือนจะเป็นเศรษฐินีที่พอมีตังค์คนหนึ่ง เลี้ยงดูหลินหยางไว้เป็นหนุ่มบำเรอหน้าขาวค่ะ”

“อุ๊บ…”

หลิ่วฟู่อวี่หลุดหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ “เลี้ยงดูตัวไร้ประโยชน์แซ่หลิน? ฉันไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง?”

“คุณหนูหลิว คุณไม่ได้ฟังผิด เป็นเรื่องจริงค่ะ! เป็นเธอที่พาหลินหยางมาซื้อเสื้อผ้า”

“ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดีว่าอย่างได้ถูกหลอก แต่คนบางตนไม่เพียงไม่รับน้ำใจยังแว้งกัด ไม่รู้ความปรารถนาดีของคน ยังอวดอ้างว่าจะทุบหม้อข้าวทำลายอาชีพของฉัน บอกว่าโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวก็สามารถเรียกเถ้าแก่ของฉันมาได้ค่ะ”

เฝิงอวี้เจียวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้หลิ่วฟู่อวี่ฟังอย่างออกรส

เมื่อหลิ่วฟู่อวี่ได้ฟัง ก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะกุมท้องหัวเราะเสียงดังออกมา

“สมองของเธอมีปัญหากระมัง? ช่างน่าเสียดายใบหน้านี้ของเธอ ถึงกับเลี้ยงดูเจ้าตัวไร้ประโยชน์นี่!”

“อีกอย่าง เธอรู้หรือเปล่าว่าเจ้าของร้านแห่งนี้เป็นใคร? ในเมืองลั่วก็ยังนับว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตา ต่อให้ฉันโทรศัพท์ไปหาด้วยตัวเอง เถ้าแก่โหวก็ยังไม่แน่ว่าจะมา เธอนับเป็นตัวอะไรกัน?”

“เธออยากหนุนหลังให้เจ้าน่าขาวที่ไร้ประโยชน์ตัวนี้ใช่ไหม? เธอยังมีน้ำหนักไม่พอหลอกนะ”

หลิ่วฟู่อวี่กับเฝิงอวี้เจียว คนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ราวกับการร้องรับคู่แบบพื้นบ้าน เยาะเย้ยดูแคลนจนมู่หรงยิ่นกับหลินหยางไม่เหลือค่าแม้แต่แดงเดียว ผยองอย่างมาก

มู่หรงยิ่นกลับไม่ได้โกรธ ยิ้มถามหลินหยางว่า “คุณดูพวกเธอสองคน เหมือนตัวตลกสองตัวไหมคะ?”

หลินหยางส่ายหัวว่า “ไม่เหมือน”

“หือ?” มู่หรงยิ่นอึ้งไป

“ไม่ใช่เหมือน แต่ใช่เลยน่ะ”

คำพูดที่จริงจังนี้ของหลินหยาง ทำให้มู่หรงชิงใช้มือปิดปากหัวเราะเสียงเบาออกมา

เมื่ออยู่ต่อหน้ามู่หรงยิ่งกับหลินหยางสองคน หลิ่วฟู่อวี่กับเฝิงอวี้เจียวก็นับว่าเป็นตัวตลกสองตัวจริงๆ

“นายถึงกับกล้าด่าฉัน?”

หลิ่วฟู่อวี่ก็เป็นคุณหนูใหญ่ที่มีนิสัยรุนแรงเอาแต่ใจเช่นเดียวกัน จะทนให้คนอื่นมาว่าตนเองเป็นตัวตลกต่อหน้าได้อย่างไร

“ฉันกำลังยกยอเธอนะ! ที่จริงแล้ว ต่อหน้าฉัน แม้แต่ตัวตลกเธอก็ยังไม่มีคุณสมบัติจะเป็นด้วยซ้ำ”

มู่หรงยิ่งมิใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน แต่ละคำพูดเป็นดั่งคมมีด บาดหลิ่วฟู่อวี่จนกระโดดโลดเต้นด้วยความโมโห

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status