All Chapters of ย้อนรักทวงแค้น: Chapter 321 - Chapter 330
444 Chapters
บทที่ 321
คนเหล่านั้นเห็นบรรยากาศที่ใกล้จะปะทุระหว่างองค์หญิงทั้งสองก็อยากจะรีบหนีไปแต่ก่อนที่จะก้าวเท้า เย่หลิงจูก็พูดว่า “ทุกคนหยุด!”ทันทีที่นางเอ่ยปาก ทุกคนก็เหมือนจะตกอยู่ใต้มนต์สะกดนางสนมเหล่านั้นอดไม่ได้ที่จะหน้าซีดคนเหล่านี้ไม่ได้มีสถานะสูงส่ง แม้พวกนางจะออกมาไหว้พระสวดมนต์กับไทเฮาได้ แต่ก็ไม่มีใครมีสถานะสูงกว่าเย่หลิงจู ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งขององค์หญิงห้านางสนมทั้งหมดมองไปที่เย่หลิงจูและพูดด้วยน้ำเสียงประจบประแจง “ไม่ทราบว่าองค์หญิงห้าทรงมีรับสั่งอะไรเพิ่มเติมหรือเพคะ?”เย่หลิงจูยิ้ม พลางหันกลับมามองพวกนางแล้วพูดอย่างเย็นชา “ข้านำของขวัญมาเยี่ยมคนไข้เช่นนี้ แล้วพวกเจ้าจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร แสดงน้ำใจหน่อยสิ”เป็นคำพูดที่เข้าใจได้อย่างชัดแจ้งไม่มีใครสามารถจากไปโดยไม่ทิ้งของบางสิ่งไว้ได้ซูชิงอู่มองดูท่าทางของเหล่านางสนม จากนั้นก็มองไปที่องค์หญิงห้า และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกได้ถึงรอยยิ้มกว้างในดวงตาของนางในที่สุดชาตินี้นางก็ได้พบมิตรแท้บรรดานางสนมทำสีหน้าไม่สู้ดีพลางเข้าแถวต่อหน้าองค์หญิงห้าทีละคนบางคนก็ถอดกำไลที่มือ บางคนก็ถอดปิ่นปักผมบนศีรษะนางสนมเหล่
Read more
บทที่ 322
แต่เย่หลิงจูไม่ได้หวาดหวั่น นางยังคงกล่าวคำต่อว่าอย่างไม่เกรงกลัวตั้งแต่เล็กจนโต เย่หมิงเยว่ก็ถูกต่อว่าเช่นนี้เสมอมาเย่หลิงจูเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของนาง“ข้าไม่สามารถให้หยกพกชิ้นนี้แก่เจ้าได้ นี่เป็น…”ก่อนที่นางจะพูดจบ เย่หลิงจูก็ดึงข้อมือของนางออกแล้วดึงหยกพกออกมา“เอามาเถอะ!”บุคลิกของเย่หมิงเยว่เหมือนดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ ที่แสนบอบบาง นางไม่สามารถสู้กับเย่หลิงจูเพื่อปกป้องหยกพกได้เย่หลิงจู่ดึงหยกพกไป หลังจากพินิจดูอยู่ครู่หนึ่งนางก็โยนมันไปรวมกับกองเครื่องประดับ พลางเชิดคางขึ้นแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ท่านออกไปได้แล้ว”นางยังคงหยิ่งผยองและแสดงอำนาจที่เหนือกว่า อีกทั้งไม่รู้สึกผิดเลยที่ได้กลั่นแกล้งผู้อื่นใบหน้าของเย่หมิงเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ หน้าอกของนางสั่นอย่างรุนแรงดวงตาของนางฉายแววมืดดำ จากนั้นนางก็ออกจากกุฏิโดยไม่หันกลับมามองซูชิงอู่เฝ้ามองความน่าตื่นเต้นจากด้านข้าง และรู้สึกสะใจมากเมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารที่เหมือนถูกรังแกของเย่หมิงเยว่แน่นอนว่าคนชั่วย่อมต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปเย่หลิงจูรอให้คนกลุ่มนั้นกลับไป จากนั้นก็เดินมาหาซูชิงอู่นางว
Read more
บทที่ 323
ซูชิงอู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ความอยากรู้อยากเห็นฉายแววในดวงตาของพวกนางพร้อมกันไม่นานหลังจากที่นางสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกไป นางก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น ทุกคนล้วนมีสภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำตอนนี้เป็นฤดูหนาวช่วงหลังปีใหม่พอดีและอากาศก็หนาวเย็นอย่างมากแม้จะออกไปข้างนอกในวันธรรมดาทั่วไปก็ต้องใส่เสื้อด้านในและนอกอย่างละสามชั้นแต่คนเหล่านี้เปียกโชกไปทั้งตัว พวกนางทั้งหมดตัวสั่นและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดังนั้นจึงมีคนนำเสื้อผ้ามาคลุมให้พวกนางแม้แต่องค์หญิงสี่ก็ไม่รอดซูชิงอู่ที่เห็นเหตุการณ์ก็ประหลาดใจและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพวกนาง?”องค์หญิงห้าอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยรอยยิ้ม “บางทีข้าคงทำให้พระพุทธองค์ขุ่นเคือง สวรรค์จึงได้ลงโทษข้า!”เมื่อองค์หญิงสี่และคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงดังกล่าว พวกนางก็เลื่อนสายตามามอง ดวงตาของเย่หมิงเยว่แดงก่ำ ร่างกายของนางสั่นเทา และฟันของนางก็กระทบกันจนส่งเสียงดังกึก ๆนางกำลังจะกลับไปพร้อมกับคนกลุ่มนี้ แต่ไม่นานหลังจากที่นางก้าวออกไป ก็มีคนสาดสิ่งปฏิกูลใส่ไปทั่วร่างมันเป็นน้ำที่มีกลิ่นเหม็น“เป็นพวกเจ้า...ใช่หรือไม่ ต้องเป็น...ฝีมือพวกเจ้าแน่ ๆ !”
Read more
บทที่ 324
นางพูดอย่างเอาแต่ใจ “ไทเฮาเพคะ หลิงจูเห็นเหตุการณ์ พระชายาแค่ลงโทษคนรับใช้เท่านั้นเอง จะทรงคิดมากไปทำไมเล่าเพคะ? พี่สี่นี่ก็นะ ช่างไม่รู้ความต่างของชนชั้นเอาเสียเลย จะคลายความข้องใจให้บ่าวโดยการโจมตีเจ้านายด้วยกันเองหรือ?”แม้สิ่งที่เย่หลิงจูพูดจะค่อนข้างไม่สมเหตุสมผลเหมือนจะกลั่นแกล้งกัน แต่ก็ดูมีเหตุผลอยู่มากเพราะถึงอย่างไรอำนาจของฮ่องเต้ก็เป็นที่ตั้งสูงสุด ไทเฮาและคนอื่น ๆ เองก็ได้รับผลประโยชน์จากความต่างของชนชั้นด้วยเช่นกัน แล้วพระนางจะมาเสียเวลามาไกล่เกลี่ยแทนบ่าวทำไมแม้ซูชิงอู่จะทำผิดจริง แต่นางก็ลงมือกับคนเป็นบ่าว ก็เหมือนกับตระกูลขุนนางที่แม้จะฆ่าบ่าวไปสักคนสองคนก็ไม่ต้องถูกลงโทษแต่อย่างใด นี่เป็นกฎที่พื้นฐานที่สุดของการเอาชีวิตรอดในโลกใบนี้ดังนั้นสีพระพักตร์ของไทเฮาจึงดีขึ้นทันทีพระนางทอดพระเนตรมองเย่หลิงจู พลางลูบหัวนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู“สิ่งที่หลิงจูพูดนั้นก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล หมิงเยว่ เจ้าเป็นองค์หญิง อย่าทำตัวใกล้ชิดกับบ่าวพวกนี้มากเกินไป”เมื่อฟ้องร้องไม่สำเร็จก็ต้องเป็นฝ่ายถูกตำหนิแทนเย่หมิงเยว่รู้สึกเกลียดชังแทบตาย แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้
Read more
บทที่ 325
อวิ๋นจื่อและอวิ๋นชิงหน้าแดงทันทีเมื่อได้ยินดังนั้นร่องรอยทั้งหลายตามเรือนร่างของพระชายา ไม่ต้องมองก็บอกได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นแต่พวกนางทั้งสองไม่ได้คิดเป็นอื่น เพราะด้วยความสามารถของพระชายา หากนางไม่ยินยอมถึงจะใช้เป็นร้อยเป็นพันวิธีก็ไม่สามารถจัดการนางได้“เมื่อคืนนี้พระชายาออกไปกับท่านอ๋อง”อวิ๋นจื่อพูดประโยคบอกเล่าซูชิงอู่ที่นั่งอยู่บนเตียงพยุงตัวเองขึ้น พลางเลิกคิ้วเล็กน้อย “อวิ๋นจื่อฉลาดมาก เจ้ารู้ได้อย่างไร?”อวิ๋นจื่อปิดปากยิ้ม “ก็เพราะว่าท่านอ๋องชอบทิ้งรอยไว้ที่หลังหูของพระชายาเพคะ มะ... แม้แต่หม่อมฉันเองก็คุ้นเคยกับรอยตรงตำแหน่งนั้นแล้วเพคะ”ซูชิงอู่แตะคอตัวเองแล้วพูดว่า “จริงหรือ ข้าไม่รู้มาก่อนเลย”เรียกได้ว่าเป็นรอยจูบที่ดูหวงแหนอย่างยิ่ง และทุกครั้งที่อวิ๋นจื่อเห็นมันนางก็รู้สึกประหลาดใจเพราะดูจากภายนอกแล้วท่านอ๋องดูไม่เหมือนคนที่มีนิสัยเช่นนั้นแต่ใครจะรู้เล่า?คนในจวนรู้อยู่แก่ใจว่าท่านอ๋องมีจุดอ่อนและจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือพระชายาประมาณหนึ่งชั่วยามต่อมา ทุกคนก็ลงจากเขาและขึ้นรถม้ากลับวังแม้ราชครูจะหายตัวไป แต่ไทเฮาก็ยังกลัวพระสนมซูเฟยมากจึงสั่
Read more
บทที่ 326
แต่เขากลัวว่าซูชิงอู่จะผลักเขาออกไป ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าขยับรถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้า และทันใดนั้นซูชิงอู่ก็ลืมตาขึ้นมา “ท่านบุกเข้ามาเช่นนี้ มีใครเห็นท่านหรือไม่?”เย่เสวียนถิงตอบ “ไม่ มีคนช่วยปกปิดร่องรอยให้ ข้าจะออกไปตอนที่เราใกล้ถึงเมืองหลวง”ซูชิงอู่เลียริมฝีปากของตัวเอง สายตาเจ้าเล่ห์ปรากฏบนดวงหน้าจะให้นางไม่สบายอยู่คนเดียวได้อย่างไร?“ท่านอ๋องเขยิบมาหน่อยสิ”“หืม?”ซูชิงอู่เชิดคางแล้วพูดข้างหูอีกฝ่าย “ตรงนี้ไม่มีใครเห็นหรอก ให้ข้าจูบท่านเถิด”เย่เสวียนถิงตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าการถูกเผาไหม้ด้วยความปรารถนานั้นเป็นอย่างไร……เหล่าองครักษ์ส่งไทเฮาและคนอื่น ๆ กลับถึงวังแล้ว อีกทั้งฮ่องเต้เฒ่าก็ทรงทราบแล้วว่าเมื่อคืนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นนางสนมกลุ่มหนึ่งพากันประคองไปที่ท้องพระโรงและต่างรอการซักถามไม่ขาดไปแม้แต่คนเดียวพระสนมซูเฟยถูกผลักไปด้านหน้า นางมองกลับไปทางซูชิงอู่ด้วยความกังวลนางถูกคุมตัวเพียงคืนเดียว และแม้นางจะตัวคนเดียว แต่กลับไม่ได้ถูกเอารัดเอาเปรียบแต่อย่างใดตอนนี้เจียวกุ้ยเฟยนับนางเป็นคนของตัวเอง ดังนั้นนางจึงสั่งให้คนส่งเครื่องนอน
Read more
บทที่ 327
ซูชิงอู่พิจารณารูปลักษณ์พี่ชายของซูเฟย ราชครูหลินซึ่งเป็นขุนนางผู้มีอำนาจแม้เขาจะอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว แต่ราชครูหลินก็ยังดูอ่อนวัยมาก ผมสีดำของเขาไม่มีสีขาวแซมเลย ต่างกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่พระเกศาตรงขมับส่วนใหญ่เป็นสีขาวเขาแต่งกายด้วยเครื่องแบบขุนนาง รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าของเขาค่อนข้างคล้ายคลึงกับซูเฟย บุคลิกแลดูเป็นคนสุภาพอ่อนโยนฮ่องเต้เฒ่าทอดพระเนตรมองไปที่ราชครูหลินแล้วตรัสว่า “เจ้าอยากจะสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องในวังหลังของข้ารึ?”ราชครูหลินรีบโค้งตัวไปพูดตอบ “กระหม่อมมิกล้า!”“ในเมื่อไม่กล้าแล้วยังมาทำอะไรที่นี่?”ราชครูหลินต่อต้านแรงกดดันอันแรงกล้าที่เล็ดลอดออกมาจากฮ่องเต้ เขาเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “กระหม่อมเป็นผู้เลี้ยงดูซูเฟยจนเติบโตขึ้นมา กระหม่อมกับพระสนมต้องพึ่งพาอาศัยกันมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงรู้นิสัยของนางเป็นอย่างดี นางไม่มีทางฝึกฝนมนตราชั่วร้ายอย่างแน่นอน ขอฝ่าบาทโปรดทรงตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้เฒ่าทรงพระสรวลเบา ๆ “แค่คำพูดจากลมปากของเจ้าก็สามารถลบล้างความผิดได้เลยเช่นนั้นรึ?”ราชครูหลินรีบตอบ “กระหม่อมขอรับประกันด้วยชีวิต ขอโปรดทรงให้เวลาก
Read more
บทที่ 328
เทคนิคคาถาอาคมทั้งหมดเป็นเพียงกลอุบายที่ใช้หลอกลวงผู้อื่นพระสนมซูเฟยที่เดินมาถึงประตูแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้กับเหตุการณ์นี้ เสียงหัวเราะของนางดึงดูดผู้คนมากมายให้มองมาที่นางซูเฟยได้เปลี่ยนท่าทางที่ดูอ่อนแอก่อนหน้านี้ของนางไปเป็นท่าทีเด็ดขาดนางพูดว่า “ก่อนหน้านั้นข้าก็เป็นเช่นนี้ ไทเฮามีรับสั่งให้คนจับข้าและกล่าวหาอย่างผิด ๆ ว่าข้าใช้คาถาอาคม ตอนนี้ทุกคนก็เป็นเหมือนกันแล้ว พวกท่านจะพูดอย่างไรดีล่ะ?”แต่ทันทีที่นางพูดจบ บรรดานางสนมที่อยู่รอบ ๆ ก็รีบวิ่งเข้ามาคว้าชายกระโปรงของนาง “ท่านเป็นคนทำใช่หรือไม่? พวกเราค้นพบความลับของท่าน ท่านเลยจะแก้แค้นทุกคน!”“นั่นสิ ต้องใช่แน่ ๆ ในเมื่อท่านสามารถทำให้รอยชั่วร้ายบนร่างกายของท่านหายไปได้ ท่านก็ต้องช่วยพวกเราได้เช่นกัน มอบยาแก้พิษมาเลย!”เมื่อต้องเผชิญกับภัยอันตรายที่คุกคามถึงชีวิต นางสนมเหล่านี้ก็ไม่สนใจสิ่งใด พวกนางต้องการโยนความผิดให้ซูเฟยซูเฟยหัวเราะด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวในวังหลังแห่งนี้ จิตใจของผู้คนช่างเลวร้ายเหลือจะทน พวกนางมองว่านางเป็นเชือกฟางช่วยชีวิตและพากันมารุมจับนางไว้แน่น ทว่าพวกนางกลับไม่รู้เลยว่าในตอนนั้น
Read more
บทที่ 329
คำพูดนั้นพุ่งเป้ามาที่ซูชิงอู่ ทำให้ทุกคนเริ่มหันมาสนใจซูชิงอู่ยิ้มและพูดอย่างไม่รีบร้อน “หม่อมฉันรู้เพียงนิดเดียวเท่านั้นเพคะ”องค์หญิงสี่ปิดปากด้วยสีหน้าตกตะลึง “บางทีรอยชั่วร้ายนี่อาจจะเป็น…”นางพูดเพียงครึ่งหนึ่งของประโยค แต่นั่นก็ทำให้ผู้คนคิดตามบางคนที่มีสีหน้าหวาดกลัวและโกรธอยู่แล้ว เมื่อมองซูชิงอู่ก็ทำสีหน้าราวกับกำลังเจอกับโรคระบาดซูเฟยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล ทันใดนั้นนางก็ก้าวไปหาซูชิงอู่พร้อมดึงเสื้อของนางอย่างระมัดระวังและส่ายหัวให้นางเล็กน้อยไทเฮาและฮ่องเต้ทรงเกลียดคาถาอาคมประเภทนี้มากที่สุด หากซูชิงอู่แปดเปื้อนด้วยเรื่องนี้ มันจะต้องทิ้งภาพลักษณ์ที่ไม่ดีไว้อย่างแน่นอนซูชิงอู่แสดงสีหน้ามั่นใจกับซูเฟย หันไปเผชิญหน้ากับสายตาของทุกคนแล้วพูดว่า “หมหลวงซุน ดูทีสิว่านี่คืออะไร?”หมอหลวงซุนเดินเข้ามาหยิบยาเม็ดสีดำจากมือของซูชิงอู่อย่างระมัดระวังจากนั้นก็บดและดมกลิ่นมันคิ้วของเขายิ่งขมวดแน่นขึ้น และหลังจากคิดอยู่นาน เขาก็แสดงสีหน้าเข้าใจในทันที“มีน้ำสกัดจากหญ้าก้านดำอยู่ในนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”ซูชิงอู่พยักหน้า นางเงยหน้าเชิดคางมองไปที่ฮ่องเต้“ในบันทึกยาของตระกูลฟา
Read more
บทที่ 330
“กราบทูลไทเฮา เมื่อครู่หมอหลวงซุนก็ได้ทูลไปแล้วไม่ใช่หรือเพคะว่ารอยดำบนร่างกายของพระองค์และสนมคนอื่น ๆ จะหายไปในเช้าวันพรุ่งนี้”ไทเฮาทรงเลิกคิ้ว “ของชั่วร้ายเหล่านั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของข้าก็ได้ใครจะรู้”เมื่อเห็นว่าไทเฮาทรงตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำเช่นนั้น ซูชิงอู่ก็พุ่งเป้าไปที่องค์หญิงสี่ทันที“ได้เพคะ ให้คนมาลองการรักษาของหม่อมฉันดีไหมเพคะ?”นางยิ้มมุมปากแล้วพูดทันที “องค์หญิงสี่ รบกวนมาทางนี้หน่อยเพคะ”นางตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งนางอ้าปากค้าง สีหน้าของนางดูไม่ค่อยสู้ดี ทันใดนั้นนางก็ปิดปากและไออย่างรุนแรง“ขะ...ข้าไม่สบายนิดหน่อย ไม่นานมานี้เป็นหวัดโดยไม่ทันได้ระวังตัว เกรงว่าจะร่วมการทดลองไม่ได้...”ซูชิงอู่ยิ้มและพูดว่า “พอดีเลยเพคะ วิธีรักษาของหม่อมฉันไม่เพียงแต่สามารถกำจัดรอยดำเหล่านั้นได้ แต่ยังรักษาโรคของท่านได้ด้วย”เย่หมิงเยว่กัดฟัน ปากและฟันของนางสั่นเล็กน้อยขณะที่นางมองหน้าของซูชิงอู่ ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่ซูชิงอู่พูดในโบสถ์...ตัดมือให้เจ้าสัตว์กิน ตัดแขนขาออก แล้วทำให้กลายเป็นหมู...ทันใดนั้นนางก็ค้นพบว่าบุตรีคนเล็กของตระกูลซูไม่ใช่ดอกไม้สีขาวท
Read more
PREV
1
...
3132333435
...
45
DMCA.com Protection Status