เฮ่อเหยี่ยนสือกอดคนคนนั้นไว้ "ไม่นาน หิวไหม?"“ไม่หิว คุณล่ะ”“นิดหน่อย”ตอนอยู่ที่โรงแรมไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่“คุณอยากกินอะไรล่ะ?” อวิ๋นซูให้เขากอด และค่อยๆแอบเอาตัวเองไปแนบชิดกับร่างกายของอ้อมกอดของเขาอุ่มมาก“คุณล่ะ?”อวิ๋นซูพูดว่า “ฉันเพิ่งบอกแล้วว่าไม่หิว คุณก็ลืมแล้ว” “ไม่ว่าเมื่อไหร่ คุณต้องมาก่อนเสมอ"หยุนซูผงะ จากนั้นหัวเราะกับตัวเอง "ฉันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น คุณอยากกินอะไร?"เฮ่อเหยี่ยนสือจับไหล่ของอวิ๋นซูและมองเธออย่างละเอียดถี่ถ้วย“คุณสำคัญมาก! สำหรับฉัน มีคุณอยู่ถึงจะมีลมหายใจ หากไม่มีคุณก็ขอตายดีกว่า”อวิ๋นซูตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว และมองลึกเข้าไปในดวงตาของเฮ่อเหยี่ยนสือตาคู่นั้นล้ำลึกเหมือนมหาสมุทร แต่อวิ๋นซูไม่พบความซับซ้อน“ฉัน……สำคัญขนาดนั้นเลย?”เฮ่อเหยี่ยนสือกอดอวิ๋นชูไว้แน่น ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย และเสียงว่างเปล่าและเลือนลางภายในท้องฟ้ายามค่ำคืน: “อืม สำคัญมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าทิ้งฉันไปโอเคไหม?"ใบหน้าของอวิ๋นซูแนบไปที่หน้าอกของเฮ่อเหยี่ยนสือ และเธอสัมผัสได้ถึงผิวนุ่มๆ อยู่ใต้เสื้อผ้า เช่นเดียวกับรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงเธอยกม
อวิ๋นซูถึงกับจิบน้ำไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยดับแรงความปรารถนาที่เอ่อล้นอยู่ในลำคอของเธอให้เย็นลงได้เฮ่อเยียนสือลูบไล้คอของเธอแล้วถามอย่างจงใจว่า "เป็นอะไรเหรอ?"อวิ๋นซูกรอกตามองเขาด้วยความหงุดหงิด: “ฉันจะออกไปสูดอากาศ” หลังจากพูดจบ เธอก็รีบหนีจากเงื้อมมือของเฮ่อเยียนสือ และออกไปข้างนอก เพื่อโทรศัพท์คุยหลินเหมียวเหมียวว่าจะไปเก็บสตรอเบอร์รี่ที่สวนไหนแต่ทุกครั้งที่พูดถึงสตรอเบอร์รี่ อวิ๋นซูก็รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเฮ่อเยียนสือมองดูเธอด้านหลังด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ในแววตาทันใดนั้น ข้อความของหลี่ชวนก็แจ้งเตือนขึ้นมา【ท่านครับ ตระกูลเมิ่งกำลังสืบสวนคุณหนูไต้】ดวงตาของเฮ่อเยียนสือหรี่ลงเล็กน้อย ขณะที่แตะพิมพ์ข้อความลงไป【ปล่อยให้พวกเขาสืบสวนไป】ห้านาทีต่อมา หลี่ชวนก็ส่งข้อความอีกหนึ่งข้อความ【นายน้อยเหอเหมือนกำลังสืบสวนอยู่เหมือนกัน และทั้งสองฝ่ายกำลังสืบสวนอยู่ รวมตระกูลเมิ่งกำลังสืบสวนนายหญิงเข้าไปอีก ผมกังวลว่าพวกเราอาจมีกำลังคนไม่เพียงพอที่นี่】เฮ่อเยียนสือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง:【ไม่ต้องห่วง ตระกูลเมิ่งจะหยุดสร้างความรำคาญให้นายหญิงในอีกไม่ช้า】หลังจากส่งข้อความแล้ว เฮ่อเ
หลินเหมียวเหมียวคิดที่จะหนีไป แต่หากทำแบบนี้มันจะมีพิรุธมากเกินไป เธอจึงทำได้เพียงเดินตามอวิ๋นซูไปอย่างไม่เต็มใจได้แค่นั้นเธอลดเสียงและกระซิบข้างหูของอวิ๋นซูไปว่า "ทำไมเขาก็มาด้วย?"อวิ๋นซูเม้มริมฝีปาก พร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ ออกมา "เขาอยู่ที่นี่ไม่มีเพื่อนน่ะ น่าสงสารมากเลยนะ"พอพูดจบ เธอก็มองไปยังดวงตาของหลินเหมียวเหมียว แล้วถามว่า "เหมียวเหมียว เธอมีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?"หลินเหมียวเหมียวเบนสายตาไปทางอื่นอย่างประหม่าๆ "ไม่ ไม่มีอะไรนี่""จริงเหรอ แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเสมอว่า พวกเธอสองคนดูแปลกๆ นะ!""ไม่นะ!" หลินเหมียวเหมียวปฏิเสธตัวโก่ง เมื่อสายตาได้ชำเลืองไปเห็นเย่ชางเหยียนที่เดินเข้ามา เนื้อตัวของเธอก็แข็งทื่อไปหมดและเย่ชางเหยียนก็โน้มตัวเข้ามาคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือหลินเหมียวเหมียวในทันที "ให้ผมเถอะ""ไม่ต้อง..." หลินเหมียวเหมียวถอยหลังออกมาก้าวใหญ่ และเมื่อพบว่าตัวเองทำชัดเจนเกินไป จึงรีบพูดขึ้นมาว่า "ฉันทำเองได้ ... "อวิ๋นซูยิ้มๆ มองดูหลินเหมียวเหมี่ยวแล้วพูดว่า "เหมียวเหมียว เธอนั่งรถของชางเหยียนเถอะ ฉันจะขึ้นรถแล้วนะ"หลินเหมียวเหมียว "..."หลังจากที่อวิ๋นซูขึ้
อวิ๋นซูรับรู้สถานการณ์ทั้งหมดนี้เธอชำเลืองมองเฮ่อเยียนสือด้วยสายตาที่ซับซ้อน "เราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ"คำพูดนี้ได้พูดกับเฮ่อเยียนสือ และก็พูดกับเย่ชางเหยียนด้วยเช่นกัน"อืม" เฮ่อเยียนสือถือเครื่องคั้นน้ำผลไม้แล้วพูดว่า "ไปกันเถอะ"และหลินเหมียวเหมียวก็เดินนำหน้าไปก่อนเป็นคนแรกโดยมีอวิ๋นซูและเฮ่อเยียนสือเดินตามไปติดๆส่วนคนที่อยู่ด้านหลังสุดก็คือเย่ชางเหยียนนั่นเองเมื่อเข้าไปในลิฟต์ เขาก็ยังคงเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่เมื่อได้ยินเสียงติ๊กๆ ดังอยู่ข้างหูตลอดเวลา หลินเหมียวเหมียวก็พูดอย่างหงุดหงิดขึ้นมาว่า "เด็กผู้หญิงสมัยนี้ช่างกล้าจริงๆ"เมื่อเธอพูดจบ เธอก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่า คำพูดของเธอนั้นเต็มไปด้วยความหึงหวงเป็นอย่างยิ่งเธอรู้สึกเสียใจมากจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเลยทีเดียวอวิ๋นซูจับมือของเธอเบาๆ "จริงด้วย พวกเขาได้รับการศึกษาไม่เหมือนกับสมัยของเราหรอกนะ มันก็ต้องแตกต่างกันอยู่แล้ว"หลินเหมียวเหมียวชำเลืองมองอวิ๋นซูอย่างซาบซึ้งใจและไม่ได้พูดอะไรอีกเลยโชคดีที่ห้องพักของพวกเขาอยู่ชั้นสาม และทุกคนก็มาถึงได้อย่างรวดเร็วจากนั้นทั้งสี่คนก็แยกย้ายกันไปห้องใครห้อ
แม่หลินเป็นผู้หญิงที่หัวโบราณมาก ต่อให้จะเป็นแบบนี้ แต่เธอก็ยังไม่ยินยอมที่จะหย่าร้างกับพ่อหลินจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทั้งสองคนก็ยังดิ้นรนอยู่ท่ามกลางความนอกใจ ถูกจับได้ หยิบยกการหย่าร้าง และการถูกปฏิเสธและทุกครั้งที่หลินเหมียวเหมียวมีความรัก มันก็จะจบลงด้วยการเลิกรา และส่วนใหญ่คงได้รับอิทธิพลมาจากพ่อแม่อย่างแน่นอนหลินเหมียวเหมียวยิ้มอย่างขมขื่น "เธอก็พูดว่าอาจจะ ฉันไม่ได้โชคดีขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง ฉันก็ไม่ชอบการกักขัง ฉันชอบการตามจีบเสียมากกว่า"อวิ๋นซูมองไปยังหลินเหมียวเหมียว และไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีหลินเหมียวเหมียวพยายามพูดด้วยเสียงที่ร่าเริงอย่างเต็มที่ "อย่าพูดแค่เรื่องฉันสิ เธอกับเฮ่อเยียนสือล่ะ? ครั้งนี้พวกเธอคืนดีกันแล้วใช่ไหม?"อวิ๋นซูพึมพำออกมาว่า "ฉันยังอยากจะลองดู"หลินเหมียวเหมียวมองไปยังอวิ๋นซูด้วยความชื่นชม "เพื่อน เธอมีความกล้ามากกว่าฉันเสียอีก"อวิ๋นซูยิ้มเจื่อนๆ "ไม่ใช่เพราะฉันกล้าหรอก แต่เมื่อเทียบกับการถูกทำร้ายแล้ว ฉันกลัวจะเสียเขาไปมากกว่า"หลินเหมียวเหมียวตื่นตระหนก "เธอ... ตกหลุมรักเขาจริงๆเหรอ?"อวิ๋นซูมองออกไปนอกหน้าต่าง "ก่อนหน้านี้ฉันเคยรู้สึกว่า ค
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเฮ่อเยียนสือมืดสนิทราวกับหมิ่นหม้อ เย่ชางเหยียนจึงตระหนักได้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว จึงรีบอธิบายทันทีว่า "อย่างไรก็ตาม น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน ไม่แน่ว่าสักวัน นายก็อาจจะทำให้อวิ๋นซูหวั่นไหว และยอมรับการที่นายก็เป็นคนของตระกูลเฮ่อก็เป็นไปได้นะ"แต่มันกลับไม่ได้ทำให้สีหน้าของเฮ่อเยียนสือดีขึ้นเลยแม้แต่น้อยเย่ชางเหยียนไม่อยากจะถูกกระทืบ จึงพูดว่า "งั้นฉันขอตัวก่อนนะ"พอพูดจบ เขาก็รีบวิ่งออกไปทันทีอวิ๋นซูบังเอิญได้เดินออกมาจากห้องข้างๆ พอดี เมื่อเห็นหลังของเย่ชางเหยียนอยู่ไวๆ เธอก็ถามเฮ่อเยียนสือว่า "เมื่อกี้ชางเหยียนมาที่นี่หรือเปล่า?"เฮ่อเยียนสือจ้องไปที่น้ำสตรอว์เบอร์รี และไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่ออวิ๋นซูเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอจึงได้พบว่าออร่าของเขาช่างเยือกเย็นจนน่าสะพรึงกลัวเธอถามอย่างระมัดระวังว่า "เป็นอะไรไป?"เฮ่อเยียนสือเงยหน้าขึ้นมามองอวิ๋นซู สายตาที่ขุ่นเคืองราวกับหมอกที่จางหายไป "น้ำสตรอว์เบอร์รีพร้อมแล้วนะ"อวิ๋นซูมองดูเขาอย่างละเอียด "คุณโอเคไหม?"เฮ่อเยียนสือเทน้ำสตรอว์เบอร์รีลงในแก้ว แล้วพูดว่า "ไม่มีอะไรหรอก"ในที่สุดอวิ๋นซูก็หมดกังวล
อวิ๋นซูแต่งงานแล้วเจ้าบ่าวไม่ใช่เฮ่อหย่วนเจ๋อว่าที่คู่หมั้นที่คบกันมาแปดปีแต่เป็นชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงห้านาที รู้ข้อมูลพื้นฐานแค่เพียงเล็กน้อยคนหนึ่ง“เสียใจตอนนี้ยังทันนะ”ในห้องรับรองของว่าที่การอำเภอ ชายหนุ่มชำเลืองมองอวิ๋นชูด้วยสายตาดูถูกแวบหนึ่งเป็นการเตือนอวิ๋นชูขยำชายเสื้อที่ใกล้จะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่ ขณะเดียวกันใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเฮ่อหย่วนเจ๋อก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองเมื่อสามวันก่อน เฮ่อหย่วนเจ๋อที่คอยแต่หลบเลี่ยงเธอราวกับเห็นงูมาตลอดก็เป็นฝ่ายชวนเธอไปกินมื้อค่ำ วินาทีที่รับสาย เธอคิดอย่างไร้เดียงสาว่าการลงทุนลงแรงมานานแปดปีมันเกิดผลลัพธ์แล้วเธอแต่งตัวสำหรับออกเดต สิ่งที่เธอรอคอยไม่เพียงแต่เฮ่อหย่วนเจ๋อเท่านั้น เธอยังรอภาพสวีทที่เขาจับมือของเธอนั่งส่งยิ้มหวานให้กันอยู่บนเก้าอี้อีกด้วย——ลูกพี่ลูกน้องของเธอ!เธอยังไม่ทันตกผนึกความสัมพันธ์ของทั้งสองคน เฮ่อหย่วนเจ๋อก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่“บริจาคไตให้ซือฉิงซะ แล้วผมจะแต่งงานกับคุณ”อวิ๋นชูเหมือนโดนฟ้าผ่าเปรี้ยง มองเฮ่อหย่วนเจ๋อด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ สายตาของชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามกลับเย็นเยียบละคนเกลียดชัง เหมือนกับว่าผู้หญิง
”มีปัญหาอะไรเหรอ?” เฮ่อเหยียนสือปรายตามองเธออวิ๋นซูอ้าปากสีแดงค้าง เพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร กังวลว่าเฮ่อเหยียนสือจะคิดมาก ทำได้แค่พูดว่า “ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”ถึงอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากันไม่ช้าก็เร็วอยู่ดีระหว่างทาง อวิ๋นซูได้รับสายจากเฮ่อหย่วนเจ๋อ เมื่อเห็นแสงไฟที่กะพริบไม่หยุดบนหน้าจอ อวิ๋นซูก็ตัวแข็งทื่อ ราวกับเห็นตัวเองเมื่อแปดปีก่อนก่อนหน้านั้นเธอเป็นฝ่ายโทรหาเฮ่อหย่วนเจ๋อมาตลอด เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบแต่เฮ่อหย่วนเจ๋อไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาเธอก่อนสักครั้งต่อให้เธอต้องทำการผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ไม่เคยได้รับข้อความเป็นห่วงเป็นใยจากเขาเลยสักครั้งแต่ตอนนี้เพื่ออวิ๋นซือฉิง เขากลับเป็นฝ่ายโทรหาเธอก่อนหลายครั้งคนเรามันเทียบกันไม่ได้“ไม่รับเหรอ?” เฮ่อเหยียนสือที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับกำลังนั่งหลับตาพักผ่อนได้หันไปมองนอกหน้าต่างอวิ๋นซูมองใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาไร้ที่ติของชายหนุ่ม แม้ว่าจะไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่ก็พอสัมผัสได้ว่าเขาทนไม่ได้หลังจากลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กดรับสายแต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของเฮ่อหย่วนเจ๋อก็ดังขึ้น“อวิ๋นซู! คุณโผล่หน้ามาหาผมท