อวิ๋นซูรับรู้สถานการณ์ทั้งหมดนี้เธอชำเลืองมองเฮ่อเยียนสือด้วยสายตาที่ซับซ้อน "เราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ"คำพูดนี้ได้พูดกับเฮ่อเยียนสือ และก็พูดกับเย่ชางเหยียนด้วยเช่นกัน"อืม" เฮ่อเยียนสือถือเครื่องคั้นน้ำผลไม้แล้วพูดว่า "ไปกันเถอะ"และหลินเหมียวเหมียวก็เดินนำหน้าไปก่อนเป็นคนแรกโดยมีอวิ๋นซูและเฮ่อเยียนสือเดินตามไปติดๆส่วนคนที่อยู่ด้านหลังสุดก็คือเย่ชางเหยียนนั่นเองเมื่อเข้าไปในลิฟต์ เขาก็ยังคงเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่เมื่อได้ยินเสียงติ๊กๆ ดังอยู่ข้างหูตลอดเวลา หลินเหมียวเหมียวก็พูดอย่างหงุดหงิดขึ้นมาว่า "เด็กผู้หญิงสมัยนี้ช่างกล้าจริงๆ"เมื่อเธอพูดจบ เธอก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่า คำพูดของเธอนั้นเต็มไปด้วยความหึงหวงเป็นอย่างยิ่งเธอรู้สึกเสียใจมากจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเลยทีเดียวอวิ๋นซูจับมือของเธอเบาๆ "จริงด้วย พวกเขาได้รับการศึกษาไม่เหมือนกับสมัยของเราหรอกนะ มันก็ต้องแตกต่างกันอยู่แล้ว"หลินเหมียวเหมียวชำเลืองมองอวิ๋นซูอย่างซาบซึ้งใจและไม่ได้พูดอะไรอีกเลยโชคดีที่ห้องพักของพวกเขาอยู่ชั้นสาม และทุกคนก็มาถึงได้อย่างรวดเร็วจากนั้นทั้งสี่คนก็แยกย้ายกันไปห้องใครห้อ
แม่หลินเป็นผู้หญิงที่หัวโบราณมาก ต่อให้จะเป็นแบบนี้ แต่เธอก็ยังไม่ยินยอมที่จะหย่าร้างกับพ่อหลินจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทั้งสองคนก็ยังดิ้นรนอยู่ท่ามกลางความนอกใจ ถูกจับได้ หยิบยกการหย่าร้าง และการถูกปฏิเสธและทุกครั้งที่หลินเหมียวเหมียวมีความรัก มันก็จะจบลงด้วยการเลิกรา และส่วนใหญ่คงได้รับอิทธิพลมาจากพ่อแม่อย่างแน่นอนหลินเหมียวเหมียวยิ้มอย่างขมขื่น "เธอก็พูดว่าอาจจะ ฉันไม่ได้โชคดีขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง ฉันก็ไม่ชอบการกักขัง ฉันชอบการตามจีบเสียมากกว่า"อวิ๋นซูมองไปยังหลินเหมียวเหมียว และไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีหลินเหมียวเหมียวพยายามพูดด้วยเสียงที่ร่าเริงอย่างเต็มที่ "อย่าพูดแค่เรื่องฉันสิ เธอกับเฮ่อเยียนสือล่ะ? ครั้งนี้พวกเธอคืนดีกันแล้วใช่ไหม?"อวิ๋นซูพึมพำออกมาว่า "ฉันยังอยากจะลองดู"หลินเหมียวเหมียวมองไปยังอวิ๋นซูด้วยความชื่นชม "เพื่อน เธอมีความกล้ามากกว่าฉันเสียอีก"อวิ๋นซูยิ้มเจื่อนๆ "ไม่ใช่เพราะฉันกล้าหรอก แต่เมื่อเทียบกับการถูกทำร้ายแล้ว ฉันกลัวจะเสียเขาไปมากกว่า"หลินเหมียวเหมียวตื่นตระหนก "เธอ... ตกหลุมรักเขาจริงๆเหรอ?"อวิ๋นซูมองออกไปนอกหน้าต่าง "ก่อนหน้านี้ฉันเคยรู้สึกว่า ค
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเฮ่อเยียนสือมืดสนิทราวกับหมิ่นหม้อ เย่ชางเหยียนจึงตระหนักได้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว จึงรีบอธิบายทันทีว่า "อย่างไรก็ตาม น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน ไม่แน่ว่าสักวัน นายก็อาจจะทำให้อวิ๋นซูหวั่นไหว และยอมรับการที่นายก็เป็นคนของตระกูลเฮ่อก็เป็นไปได้นะ"แต่มันกลับไม่ได้ทำให้สีหน้าของเฮ่อเยียนสือดีขึ้นเลยแม้แต่น้อยเย่ชางเหยียนไม่อยากจะถูกกระทืบ จึงพูดว่า "งั้นฉันขอตัวก่อนนะ"พอพูดจบ เขาก็รีบวิ่งออกไปทันทีอวิ๋นซูบังเอิญได้เดินออกมาจากห้องข้างๆ พอดี เมื่อเห็นหลังของเย่ชางเหยียนอยู่ไวๆ เธอก็ถามเฮ่อเยียนสือว่า "เมื่อกี้ชางเหยียนมาที่นี่หรือเปล่า?"เฮ่อเยียนสือจ้องไปที่น้ำสตรอว์เบอร์รี และไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่ออวิ๋นซูเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอจึงได้พบว่าออร่าของเขาช่างเยือกเย็นจนน่าสะพรึงกลัวเธอถามอย่างระมัดระวังว่า "เป็นอะไรไป?"เฮ่อเยียนสือเงยหน้าขึ้นมามองอวิ๋นซู สายตาที่ขุ่นเคืองราวกับหมอกที่จางหายไป "น้ำสตรอว์เบอร์รีพร้อมแล้วนะ"อวิ๋นซูมองดูเขาอย่างละเอียด "คุณโอเคไหม?"เฮ่อเยียนสือเทน้ำสตรอว์เบอร์รีลงในแก้ว แล้วพูดว่า "ไม่มีอะไรหรอก"ในที่สุดอวิ๋นซูก็หมดกังวล
อวิ๋นซูแต่งงานแล้วเจ้าบ่าวไม่ใช่เฮ่อหย่วนเจ๋อว่าที่คู่หมั้นที่คบกันมาแปดปีแต่เป็นชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงห้านาที รู้ข้อมูลพื้นฐานแค่เพียงเล็กน้อยคนหนึ่ง“เสียใจตอนนี้ยังทันนะ”ในห้องรับรองของว่าที่การอำเภอ ชายหนุ่มชำเลืองมองอวิ๋นชูด้วยสายตาดูถูกแวบหนึ่งเป็นการเตือนอวิ๋นชูขยำชายเสื้อที่ใกล้จะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่ ขณะเดียวกันใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเฮ่อหย่วนเจ๋อก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองเมื่อสามวันก่อน เฮ่อหย่วนเจ๋อที่คอยแต่หลบเลี่ยงเธอราวกับเห็นงูมาตลอดก็เป็นฝ่ายชวนเธอไปกินมื้อค่ำ วินาทีที่รับสาย เธอคิดอย่างไร้เดียงสาว่าการลงทุนลงแรงมานานแปดปีมันเกิดผลลัพธ์แล้วเธอแต่งตัวสำหรับออกเดต สิ่งที่เธอรอคอยไม่เพียงแต่เฮ่อหย่วนเจ๋อเท่านั้น เธอยังรอภาพสวีทที่เขาจับมือของเธอนั่งส่งยิ้มหวานให้กันอยู่บนเก้าอี้อีกด้วย——ลูกพี่ลูกน้องของเธอ!เธอยังไม่ทันตกผนึกความสัมพันธ์ของทั้งสองคน เฮ่อหย่วนเจ๋อก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่“บริจาคไตให้ซือฉิงซะ แล้วผมจะแต่งงานกับคุณ”อวิ๋นชูเหมือนโดนฟ้าผ่าเปรี้ยง มองเฮ่อหย่วนเจ๋อด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ สายตาของชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามกลับเย็นเยียบละคนเกลียดชัง เหมือนกับว่าผู้หญิง
”มีปัญหาอะไรเหรอ?” เฮ่อเหยียนสือปรายตามองเธออวิ๋นซูอ้าปากสีแดงค้าง เพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร กังวลว่าเฮ่อเหยียนสือจะคิดมาก ทำได้แค่พูดว่า “ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”ถึงอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากันไม่ช้าก็เร็วอยู่ดีระหว่างทาง อวิ๋นซูได้รับสายจากเฮ่อหย่วนเจ๋อ เมื่อเห็นแสงไฟที่กะพริบไม่หยุดบนหน้าจอ อวิ๋นซูก็ตัวแข็งทื่อ ราวกับเห็นตัวเองเมื่อแปดปีก่อนก่อนหน้านั้นเธอเป็นฝ่ายโทรหาเฮ่อหย่วนเจ๋อมาตลอด เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบแต่เฮ่อหย่วนเจ๋อไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาเธอก่อนสักครั้งต่อให้เธอต้องทำการผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ไม่เคยได้รับข้อความเป็นห่วงเป็นใยจากเขาเลยสักครั้งแต่ตอนนี้เพื่ออวิ๋นซือฉิง เขากลับเป็นฝ่ายโทรหาเธอก่อนหลายครั้งคนเรามันเทียบกันไม่ได้“ไม่รับเหรอ?” เฮ่อเหยียนสือที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับกำลังนั่งหลับตาพักผ่อนได้หันไปมองนอกหน้าต่างอวิ๋นซูมองใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาไร้ที่ติของชายหนุ่ม แม้ว่าจะไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่ก็พอสัมผัสได้ว่าเขาทนไม่ได้หลังจากลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กดรับสายแต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธของเฮ่อหย่วนเจ๋อก็ดังขึ้น“อวิ๋นซู! คุณโผล่หน้ามาหาผมท
หัวใจของอวิ๋นซูเต้นระทึกราวกับจะระเบิดออกมาคล้ายกับคว้าท่อนซุงได้หลังจากที่ลอยคว้างอยู่ในมหาสมุทรเธอเงยหน้าขึ้น กระทั่งสบสายตาของเฮ่อเหยียนสือพอดีนัยน์ตาของเขาไม่มีความขี้เล่นดูเลื่อนลอยอีกแล้ว แต่เต็มไปด้วยความลึกซึ้ง วินาทีนั้นแม้แต่อวิ๋นซูก็แทบจะถูกล่อลวงให้หลงใหล เธอรีบหันไปมองอวิ๋นไจ่เหอและเซิ่งหย่าจวี๋ทั้งสองคนล้มตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความตกใจผ่านไปครู่ใหญ่ อวิ๋นไจ่เหอเป็นฝ่ายได้สติกลับมาก่อน จากนั้นก็เงยหน้าถามอวิ๋นซู “เสี่ยวซู เกิดอะไรขึ้น?”อวิ๋นซูกำลังจะอ้าปากอธิบาย ก็ถูกเฮ่อเหยียนสือคว้าตัวไปด้านหลังเสียก่อนความรู้สึกของการถูกปกป้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนี้ทำให้สมองของเธอว่างเปล่า จากนั้นเสียงทุ้มต่ำที่คล้ายกับแม่เหล็กก็ดังขึ้นในหูของเธอ“เราเพิ่งจดทะเบียนกันวันนี้ เรารีบเกินไปหน่อย เลยไม่ทันได้บอกกล่าวพ่อกับแม่”อวิ๋นไจ่เหอพยายามอดกลั้นความโกรธเคืองรักษาท่าทีก่อนพูดว่า “เสี่ยวซู!”อวิ๋นซูได้แต่กัดฟันพูด “พ่อคะแม่คะ เรื่องที่เขาพูดเป็นความจริง หนูแต่งงานแล้ว เพราะหนูไม่อยากแต่งงานกับ....”ยังไม่ทันสิ้นสุดเสียง เซิ่งหย่าจวี๋ก็พุ่งเข้ามาบีบไหล่ของอวิ๋นซู “เสี่ยวซู ลูกเป
เฮ่อเหยียนสือผลักคนเข้าไปนั่งบนตำแหน่งข้างคนขับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะหันกลับไปนั่งบนเบาะคนขับ ปิดประตูดัง ‘ปัง’ อวิ๋นซูนั่งหดตัวด้วยความตกใจ เธอลอบมองสีหน้าที่ดูแย่ลงของเฮ่อเหยียนสืออย่างไม่เข้าใจคนที่สมควรต้องโกรธควรเป็นเธอ ทำไมเฮ่อเหยียนสือเหมือนจะโกรธมากกว่าเธออีกล่ะ?วินาทีต่อมา เฮ่อเหยียนสือรีบสตาร์ทรถทันที จากนั้นรถก็พุ่งทะยานราวกับลูกธนูที่พุ่งตัวออกไปอวิ๋นซูก็แทบจะลอยออกไป เธอจับที่ยึดไว้มั่น แม้แต่โทนเสียงก็ยังเพี้ยนไปตามแรงลม “คุณจะทำอะไรกันแน่?”เฮ่อเหยียนสือเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ เหยียบคันเร่งมิดเท้า นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาดุดันราวกับสัตว์ป่าในเวลากลางคืนพริบตาเดียว A6 รถออดี้รุ่นธรรมดาก็วิ่งอย่างไม่เกรงกลัวไปตามถนนที่เงียบสงัด ราวกับน้ำหลากที่ทะลุเขื่อนกั้นน้ำอย่างไรอย่างนั้นสีหน้าของอวิ๋นซูซีดเผือด จากนั้นก็จับที่ยึดด้วยแรงทั้งหมดที่มี ก่อนจะตะโกนเสียงดัง ทว่ากลับไม่เป็นผล เสียงลมกรรโชกก็ยังพัดผ่านจนกลบเสียงเธอจนมิดไม่นานอวิ๋นซูก็ค่อย ๆ หยุดดิ้น และปล่อยให้เส้นผมพัดสยายไปตามแรงลม ปล่อยให้เฮ่อเหยียนสือที่เหมือนกับคนบ้าพาเธอไปในที่ที่เธอก็ไม่
อวิ๋นซูตลกขบขันกับความคิดแหวกแนวของหลินเหมียวเหมียว “เธอเนี่ยนะ อ่านนิยายมากเกินไปใช่ไหม ฉันก็แค่หาคนไปเรื่อย เขาไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฮ่อ เรื่องเดียวที่เกี่ยวกับเขาคือเขาทำงานให้กับตระกูลเฮ่อ”“อ่า” หลินเหมียวหมียวรู้สึกผิดหวัง “เธอกำลังจะบอกว่าเขาเป็นลูกน้องของเฮ่อหย่วนเจ๋อ ต่อไปถ้าเฮ่อหย่วนเจ๋ออยากจะรังแกเธอ เขาก็ทำได้ตามใจชอบเลยนะสิ?”นัยน์ตาของอวิ๋นซูหมองลง “น่าจะ...ไม่หรอกมั้ง เห็นแก่ปู่เฮ่อ แล้วฉันเองก็แต่งงานแล้ว เฮ่อหย่วนเจ๋อคงไม่มาหาเรื่องฉันหรอก”หลินเหมียวเหมียวโล่งใจเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงความชั่วของเฮ่อหย่วนเจ๋อแล้ว เธอก็อดปกป้องเพื่อนสนิทไม่ได้ “ถ้าจะให้ฉันพูด ตอนนั้นฉันน่าจะตบเขาสักฉาด เขาไม่รู้รึไงว่าเธออยากแต่งงานกับเขาแค่ไหน...”อวิ๋นซูตัดบท “มันผ่านไปแล้ว เหมียวเหมียว ต่อไปฉันกับเฮ่อหย่วนเจ๋อเราต่างคนต่างเดิน ไม่เกี่ยวข้องกันอีก”“แล้วการหมั้นหมายของพวกเธอ...” หลินเหมียวเหมียวพูด “คุณท่านไม่รู้ใช่ไหม? ถ้าคุณปู่เฮ่อเขาจะต้องเสียใจมากแน่นอน”ความมืดครึ้มที่เพิ่งสงบลงของอวิ๋นซูได้กลับมาอีกครั้งพอเอ่ยถึงคุณท่านเฮ่อ ปู่ของเฮ่อหย่วนเจ๋อ ในใจของอวิ๋นซูก็เหลือเพียงแค่ความ