หลังจากนางเดินไป ฉู่เชียนหลีรีบอ้าปากเรียก “หานเฟิง!”ทันทีที่พูดจบ หานเฟิงรีบเดินพุ่งตัวเข้ามา คิดว่ามีเรื่องสำคัญอะไร แต่กลับได้ยินพระชายาถาม“ตั้งแต่หลังจากที่ท่านอ๋องกลับมาจากเมืองตงหนิง ก็เอาแต่เพ่งเล็งรัชทายาทมาโดยตลอด เหตุใดเขาถึงได้รีบร้อนลงมือขนาดนั้น?”จุดนี้ นางไม่สามารถเข้าใจได้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่ารัชทายาทจะอวดดีอย่างไร เขาก็มักจะมีท่าทีโอบอ้อมอารี เห็นแก่ความสัมพันธ์ญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่งหานเฟิงกลับไม่รู้เรื่อง ‘ฆ่าลูกเหลือแม่ไว้’ เรื่องนี้มีเพียงหานอิ๋งกับเฟิงเย่เสวียนเท่านั้นที่รู้ เขาเกาหัว กล่าว“น่าจะเป็นเพราะรัชทายาททำเลยเถิดเกินไป”เขาพูดด้วยความโกรธ “พระชายา ตอนนั้นท่านป่วย อาจจะไม่ทราบ เรื่องโรคระบาดที่เมืองตงหนิง เป็นฝีมือของรัชทายาท!”กึก...ด้านนอกประตู ฝีเท้าของอวิ๋นอิงหยุดชะงักทันทีเป็นรัชทายาท...เรื่องโรคระบาด คาดไม่ถึงว่าจะเป็นฝีมือของรัชทายาท...เขาพลางแพร่โรคระบาด ทำร้ายบรรดาชาวบ้าน พลางแสร้งทำท่าทางเป็นคนดี มาช่วยเหลือชาวบ้าน มารดาของนางก็ตายด้วยเหตุนี้เช่นกัน...ที่แท้ก็เป็นเขา!ทันใดนั้นมือทั้งสองข้างที่กำลังยกถาดของสาวน้อยก็กำแน่น ดว
ถงเฟยสะอึกทีหนึ่งท่าทางดูมีเหตุผลมากเมื่อโดนปลอบโยนสำเร็จจึงนั่งลง เฟิงเจิ้งหลีลุกขึ้นยืน ซักถามอย่างเป็นห่วง “อาการของอ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง? ฟื้นแล้วหรือไม่? ข้าช่วยอะไรได้บ้างหรือไม่ ข้านำโสมคนสำหรับบำรุงเลือดมาด้วยหนึ่งต้น”เขาหยิบกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้ากล่องหนึ่งออกมาจากด้านในแขนเสื้อ“ถึงแม้ว่าจะมูลค่าไม่มากมายนัก แต่หวังว่าจะสามารถช่วยเจ้าได้”ฉู่เชียนหลีเห็นดังนั้น ก็ใจอ่อนทันทีตลอดหลายปีมานี้ เดิมทีเขาก็มีชีวิตอยู่อย่างลำบากยากแค้น เป็นองค์ชายที่ไม่ได้รับความโปรดปราน ยังได้รับการข่มเหงรังแกอีกด้วย และราคาของโสมคนค่อนข้างแพง เขากลับมอบสิ่งของแบบนี้ออกมาให้ ได้แสดงความจริงใจมากแล้ว“ขอบคุณมาก! ขอบคุณมาก!” นางสองมือรับมา กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจฉู่เจียวเจียวก็มาด้วยนางนั่งอยู่ข้างกายของเฟิงเจิ้งหลี เมื่อเห็นว่าอ๋องหลีให้ความสำคัญกับเรื่องของจวนอ๋องเฉินมากขนาดนี้ ทันทีที่จวนอ๋องเฉินมีความเคลื่อนไหวอะไร เขามักจะเป็นคนแรกที่มาที่นี่ก่อนเสมอ ยังมอบโสมคนของดีขนาดนี้ให้อีกด้วย ยากที่จะไม่ดีใจถ้าหากความของอ๋องหลีกับอ๋องเฉินดี ยังพอเข้าใจได้แต่ในมุมมองของนาง เหตุใดควา
นี่มัน?!คว่ำลงไปเลย?ให้ความกล้าหาญกับนาง นางก็ไม่กล้าทำแบบนี้หรอกให้ตายเถอะ!อวิ๋นอิงรู้สึกว่าพระชายาโยนปัญหายากให้นาง ทั้งยังน่าปวดเศียรเวียนเกล้าอีกด้วยด้านข้าง เยว่เอ๋อร์ให้เห็นสีหน้า ‘ไม่กลัวตาย’ อีกทั้งยังถกแขนเสื้อเรียบร้อยแล้วด้วย“เหมือนว่าท่านอ๋องจะต่อต้านการกินยา ทุกครั้งพระชายาก็ป้อนแบบนี้”“อวิ๋นอิง ลงมือเถอะ!”เตรียมตัวรับความตายให้ดีเถอะ!อวิ๋นอิงร้องไห้ “ท่านอ๋องกับพระชายาต่างฝ่ายต่างทำร้ายกันจริงงั้นหรือ?”“หรือคิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวงกันล่ะ?” ใบหน้าของเยว่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความช่ำชอง “เจ้ามาช้า เจ้าไม่รู้ ตอนที่พระชายาเพิ่งแต่งเข้าจวนอ๋อง นั่นถึงเรียกว่าทำร้ายซึ่งกันและกัน...ไม่ต้องพูดแล้ว รีบป้อนยาให้ท่านอ๋อง”อวิ๋นอิงยกถ้วยยา หันหน้าไปมองชายหนุ่มที่หมดสติอยู่บนเตียงถึงแม้จะหมดสติไม่ฟื้น แต่หน้าตานั่น เค้าโครงนั่น ความสูงส่งที่แผ่ซ่านออกมาทั่วทั้งร่างกาย ทำให้คนมองดูเพียงไกล ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้อวิ๋นอิงยังคงไม่กล้าเช่นเดิม “พี่เยว่เอ๋อร์ ไม่อย่างนั้นพี่จัดการ?”เยว่เอ๋อร์ “ข้ากลัวตาย”“แต่ข้าก็กลัวตายเช่นกันนะ...”“...”ตกอยู่ในความเงียบงันชั่วขณะทั้ง
ฝีเท้าของฉู่เชียนหลีหยุดชะงักเล็กน้อย ตอนที่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินน้ำเสียงที่ทั้งอ่อนแอ และเบาของเขา กำลังจะสาวเท้าเดินออกไปต่อนั้น น้ำเสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ข้า...มีเรื่องจะอยากจะบอกเจ้า...สำคัญมาก...แค่ก...”บนเตียง ชายหนุ่มยกร่างกายท่อนบนขึ้นอย่างยากลำบาก จ้องมองภาพด้านหลังของนางด้วยดวงตาที่ซีดขาว แขนที่ค้ำยันเตียงนอนกำลังสั่นเทาเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป เขาอ่อนแอมากในภายภาคหน้าฉู่เชียนหลีจะเป็นมารดา เรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูก นางมีสิทธิ์ที่จะรับรู้เขาไม่อยากปิดบังนางอีกต่อไปด้านข้าง เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำว่า ‘เรื่องสำคัญมาก’ ประโยคนี้ ดวงตาก็วูบไหวเล็กน้อย ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าเป็นเรื่องอะไรนางเผยอปากเล็กน้อย ไม่รอให้ฉู่เชียนหลีตอบกลับ ก็เอ่ยปากกล่าวก่อน“นายท่านฟื้นขึ้นมาแล้ว ไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว ประจวบเหมาะกับที่ข้าน้อยสืบเรื่องที่เกี่ยวกับฆาตกรเจอแล้วพอดี นายท่านจะจัดการตอนนี้เลยหรือไม่?”ทันทีที่ถงเฟยได้ยินคำว่า ‘ฆาตกร’ เส้นประสาทเส้นหนึ่งในหัวสมองก็ตึงเครียดขึ้นทันทีฆาตกร!แท้ที่จริงแล้วผู้ใดเป็นคนทำร้ายลูกให้เป็นแบบนี้กันแน่!เกือบอันตรายถึงชีวิ
สีหน้าของหานอิ๋งจริงจังเป็นอย่างยิ่ง น้ำเสียงจริงใจเป็นอย่างมาก แฝงไปด้วยการโน้มน้าวอย่างแข็งขัน“นายท่าน ได้โปรดเชื่อข้าน้อย ข้าน้อยก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน เข้าใจหัวอกของผู้หญิงดี จะบอกพระชายาไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”นางเน้นย้ำคำว่า ‘อย่างเด็ดขาด’ ยิ่งเป็นการเตือนให้ชายหนุ่มตระหนักถึงความรุนแรงของผลที่ตาม“ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”ทันทีที่พูดออกไป ก็จะเป็นเรื่องใหญ่มีเพียงวิธีนี้ถึงจะสามารถช่วยชีวิตพระชายาได้!เฟิงเย่เสวียนอยากจะบอกฉู่เชียนหลี แต่ก็กลัวถึงผลที่ตามมา อยากพูด ก็กลัวนางจะไม่ให้ความร่วมมือ หากไม่พูด ในใจของเขาจะต้องทรมานเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากได้ยินคำพูดของหานอิ๋ง...เขารู้ว่าความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่แต่ไม่มีลูกคนนี้ ก็ยังจะมีลูกได้อีกหลาย ๆ คนนี่นา!เขาตกอยู่ใน สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขากดหว่างคิ้วที่แสนเจ็บปวด ออกแรงนวด“ข้าเคยสัญญากับนางว่าจะปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ ไม่หลอกลวงซึ่งกันและกัน...”“นี่คือการโกหกด้วยเจตนาดี! นายท่าน ท่านช่วยชีวิตพระชายา พระชายาควรจะต้องขอบคุณท่าน จะตำหนิท่านได้อย่างไร? การโกหกด้วยเจตนาดีไม่นับว่าเป็นการโกหก!”หานอิ๋งเหลือบตาข
สำนักหมอหลวงที่ไร้น้ำยาพวกนั้น วิชาการแพทย์ไม่เก่งกาจเท่าฉู่เชียนหลี ยิ่งไม่ต้องคาดหวังให้พวกเขาไปสืบยี่สิบกว่าปีมานี้ เป็นครั้งแรกที่สะดุดเข้ากับ ‘ฝีมือการรักษาดีเกินไป’ หินก้อนนี้ สิ่งที่เขาบูชามาโดยตลอดก็คือเงินทองกับอำนาจ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฝีมือการแพทย์ดี ก็จะเป็นความยุ่งยากเฟิงเจิ้งอวี้กะพริบตาเล็กน้อย ทันใดนั้น ก็เอ่ยปากโจมตีทันที“เสด็จพ่อ บรรดาขุนนางใหญ่ในราชสำนักระยะนี้ถูกไล่ลาทีละคน หรือฉ้อโกง หรือรับสินบน หรือกระทำผิด อีกทั้งมาจากฝีมือของอ๋องเฉิน การตายของเจ้ากรมคลังนั่น จะเป็นฝีมือของ...”ประโยคหลัง ยังไม่ได้พูดจบ แต่ความหมายที่แฝงในนั้นได้บอกชัดเจนมากแล้วฮ่องเต้สายตาอึมครึมเล็กน้อย เปล่งประกายอะไรบางอย่าง“ขุนนางที่อ๋องเฉินบีบออกมา ล้วนเป็นคนที่ทำความผิด หลักฐานแน่ชัด เขาไม่ได้ทำผิดอะไร รัชทายาท เจ้าจะตั้งความผิดให้เขาเพราะเหตุผลนี้?”เขาหันมองเฟิงเจิ้งอวี้ด้วยสายตาล้ำลึก ทำให้เฟิงเจิ้งอวี้ตกใจระหว่างพี่น้อง กลัวการต่อสู้กันเองที่สุด!เขาก้มหน้าลงทันที “เสด็จพ่อ หม่อมฉันคิดมากไปเอง! หม่อมฉันรู้ผิดแล้ว หม่อมฉันจะติดตามผู้ตรวจการศาลาว่าการซุ่นเทียนไปสืบเรื่องนี
“เสวียนเอ๋อร์ อยู่ดีๆ เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม?” ถงเฟยถามอย่างห่วงใย “รัชทายาทเขา…”“เสด็จแม่ อย่าคิดมาก”เฟิงเย่เสวียนขัดคำพูดและปลอบใจนาง เวลาเดียวกันก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนานี้แต่ถงเฟยจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?การแย่งชิงผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ราชวงศ์น้ำลึกไม่เห็นก้นบึ้ง ทุกคนล้วนเหยียบศพปีนขึ้นที่สูง มนุษย์มีเพียงชีวิตเดียว เมื่อไรที่ผิดพลาด ก็จะตายตลอดกาล นางจะวางใจได้อย่างไร?ยิ่งกว่านั้น คนที่สู้กับรัชทายาท… ถงเฟยนั่งอยู่ตรงนั้น สองมือที่กำแน่นวางอยู่บนหัวเข่า มองดูใบหน้าที่สงบเหมือนในอดีตของเฟิงเย่เสวียน รู้สึกร้อนใจมากนางรู้ดี เด็กคนนี้มีความเป็นผู้ใหญ่ รู้ความ ตั้งแต่เล็กจนโต เขายอมให้ตนเองบาดเจ็บ ก็ไม่ยอมให้นางเป็นห่วงแม้แต่น้อยก็เพราะมีความอดทนและรู้ความสูงเกินไป จึงทำให้ผู้คนปวดใจ“ยาเสร็จแล้ว”นอกประตู ฉู่เชียนหลีถือถาดเดินเข้ามา กวาดมองคนบนเตียงแวบหนึ่ง หลังจากก้มเอววางลง ก็จะออกไปทันที“ใช่แล้ว!” ถงเฟยตบหน้าผากตนเองกะทันหัน “ข้าต้มน้ำไว้ในครัว ตอนนี้น่าจะเดือดแล้ว ข้าไปดูก่อน!”พูดจบก็เดินหายลับตาไปอย่างรวดเร็วฉู่เชียนหลี “?”ต้มน้ำ?ฮืม?มองดูถงเฟยวิ่งออกไปและ
“เชียนหลี…”“ปู่เจ้าอยู่นี่ หลานรักหุบปาก!”“แค่กๆ!”เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยินคำนี้สำลักฉับพลัน ไม่เพียงบาดแผลฉีกเท่านั้น ยังมีเลือดกระอักออกจากปาก หน้าอกกระพือขึ้นอย่างแรง เกือบหมดสติฉู่เชียนหลีพลิกข้อมือ นำยาฉุกเฉินออกจากกำไลเฉียนคุน อันดับแรกฉีดยากระตุ้นหัวใจป้องกันหัวใจวายก่อน จากนั้นฉีดยาห้ามเลือด จึงจะเปิดผ้าพันแผลเพื่อทำแผลทำเอาสองมือเปื้อนเลือด ปากก็ด่าทอไม่หยุด“บอกให้เจ้าเลิกพูดได้แล้ว เลิกพูดได้แล้ว เจ้าอยากตายหรือ! เจ้าไม่เพียงเรื่องมาก ยังพูดมากอีกด้วย!”“หากไม่ใช่เพราะแม่ศึกษาทักษะการแพทย์มาหลายสิบปี ก็คงช่วยเจ้าไม่ได้จริงๆ แต่งกับข้า เป็นบุญวาสนาที่เจ้าสั่งสมไว้เมื่อชาติที่แล้ว พบเจอเจ้า เป็นข้าที่ขาดศีลธรรมเมื่อชาติที่แล้ว”เฟิงเย่เสวียนได้ยินคำนี้ โมโหจนตาขาวปลิ้นขึ้นบน “แค่ก! แค่กๆ!”“เลิกพูดได้แล้ว!”โมโหจนหายใจไม่ทัน “แค่กๆๆ!”“หุบปาก! เลือดห้ามไม่อยู่แล้ว!”“แค่ก! แค่กๆๆ…”เพียะ!ทันใดนั้น ฝ่ามือที่เสียงดังชัดเจนเหวี่ยงใส่หน้าหล่อของเฟิงเย่เสวียน รอยฝ่ามือปรากฏขึ้นทันที ใบหน้าครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีแดงโดยตรงแต่ว่าได้ผลมาก เขาหยุดไอแล้วเฟิงเย่เสวียนท