ขณะนี้ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยกำลังรีบไปที่ห้องตำราของไป๋เจิ้นถัง“น้องสาว เจ้าคิดว่า...แผนการของหวังหยวนจะสำเร็จหรือไม่?”ไป๋ชิงชางยังคงมีความกังวลฉายแววในดวงตา“ข้าไม่คิดว่าพี่หวังจะโกหกเรา หลังจากที่ติดต่อกันมานานแล้วยังไม่แน่ใจอีกหรือ? หากเขาไม่ยินยอม ก็เกรงว่าเราจะไม่สามารถพิชิตดินแดนสามแคว้นได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้หรอกเจ้าค่ะ”ไป๋เฟยเฟยเข้าใจสิ่งที่พี่ชายของตนกำลังคิดจึงตอบด้วยรอยยิ้มไป๋ชิงชางได้ฟังเช่นนั้นก็มีรอยยิ้มเช่นกัน“พูดมีเหตุผล...”ทั้งสองมาถึงห้องตำราหลวงแล้วเข้าไปพบไป๋เจิ้นถัง เพื่อบอกแผนการของหวังหยวนให้ไป๋เจิ้นถังฟังแต่หลังจากได้ฟังแล้ว สีหน้าของไป๋เจิ้นถังกลับค่อนข้างเปลี่ยนไป“ตระกูลเซิ่งจะรวมตัวกับเมืองหวงเพื่อจัดการกับเรา…”นั่นเป็นประเด็นที่ยุ่งยากสำหรับเรื่องนี้!แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา แต่ไป๋เจิ้นถังยังคงมั่นใจ!ถ้าจะยึดดินแดนสามแคว้นไว้ก็ยังทำได้!เพราะพวกเขามีป้อมปราการเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่คอยปกป้องจากข้าศึก!ยิ่งไปกว่านั้นคือตระกูลไป๋ยังมีทหารมากถึงหนึ่งแสนสองหมื่นนาย หากข้าศึกพยายามจะบุกยึดก็ยังสามารถสู้ได้!“ท่านพ่อ ถ้าเราทำต
แต่รอยยิ้มของไป๋เจิ้นถังกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง“ลูกเอ๋ย ความคิดของเจ้ายังเรียบง่ายเกินไป!”“เรียบง่ายยิ่งนัก... เจ้าคิดถึงเพียงแค่ปัจจุบันเท่านั้น!”ไป๋ชิงชางสับสน ไม่ค่อยเข้าใจว่าพ่อของเขาจะสื่ออะไรกันแน่ไป๋เจิ้นถังมองลูกชายแล้วก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่เห็นคุณค่าของมิตรภาพ แน่นอนว่าเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในฐานะเพื่อน!แต่หากเขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้!ก็ยังคงขาดประสบการณ์อยู่!ดังนั้น...วันนี้เขาจึงต้องการอธิบายเรื่องนี้ให้ลูกชายฟัง!“ลูกเอ๋ย สิ่งที่พ่อจะพูดต่อไปนี้ เจ้าต้องจดจำมันไปชั่วชีวิต!”ไป๋เจิ้นถังจ้องมองลูกชายของตน หลังจากไป๋ชิงชางได้ฟังแล้วก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพยักหน้า“ท่านพ่อโปรดชี้แนะด้วยขอรับ”ไป๋เจิ้นถังกล่าวว่า “สิ่งแรกที่พ่อต้องการพูดถึงคือตัวเจ้าเอง เจ้าเป็นไท่จื่อที่มีจริยธรรมทางการปกครองที่ดี หลายคนชื่นชมเจ้าว่าเจ้าเป็นคนชอบธรรม นี่คือข้อดีของเจ้า”“แต่ว่า... เจ้าขาดความโหดเหี้ยมแบบฮ่องเต้!”“ฮ่องเต้ต้องมีความโหดเหี้ยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ไร้เหตุผลเลย นี่คือเรื่องแรกที่พ่อต้องการจะพูด!”“แม้ว่าความภักดีจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ตอนนี้เจ้
พูดตามความจริงคือเป็นเรื่องยากที่จะหาจุดบกพร่องของเขา!หากเขากลายมาเป็นคู่ต่อสู้...ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!“ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อ... แต่ว่า... เรากำลังร่วมมือกับเขาในตอนนี้... มันจะไม่ยุติธรรมเกินไปหรือเปล่าขอรับ...”ไป๋ชิงชางรีบพูดอย่างรวดเร็ว เขาก็กลัวหวังหยวนเช่นกัน แต่เขาวางแผนร่วมกับหวังหยวนมานานแล้ว และจู่ ๆ ก็จะหักหลัง เขาคงไม่กล้าสู้หน้าหวังหยวนจริง ๆ!ไป๋เจิ้นถังถอนหายใจแล้วพูดว่า “พ่อบอกเจ้าไว้เลยว่าความซื่อสัตย์สำหรับฮ่องเต้นั้นอันตรายเพียงใด”“ลูกเอ๋ย พ่อจะบอกเจ้าว่าพ่อระแวงหวังหยวนมาโดยตลอด พ่อยังอยากให้น้องสาวของเจ้าแต่งงานกับเขาเพื่อที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา แต่เจ้าก็เห็นว่าหลังจากเวลาผ่านไปนาน เขาก็ยังไม่มีความคิดเช่นนั้น”“แม้ว่าน้องสาวของเจ้าจะแต่งงานกับเขา แต่เจ้าแน่ใจได้หรือไม่ว่าอำนาจของตระกูลไป๋ของเราจะคงอยู่ไปหลายชั่วอายุคน?”“ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นคนไกลหรอก เจ้าเองก็เห็นอาของเจ้าแล้ว นางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาต้าเย่ที่เหมือนเรือที่มีใบเรือหักเอาไว้!”“หากอาของเจ้าไม่เข้ามาแทรกแซง เราอาจจะยึดครองแผ่นดินได้ไปตั้งนานแล้ว!”“เจ้าเองก็รู
หลังจากที่ไป๋เจิ้นถังพูดจบ ไป๋ชิงชางก็ส่ายหน้าเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร!พูดตามตรงคือเขาไม่อยากขัดแย้งกับหวังหยวนเลย!แม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อกับหวังหยวนมากนัก แต่เขาก็ชื่นชมหวังหยวนมากที่สุด!ไป๋ชิงชางชื่นชมทั้งบุคลิก ความกล้าหาญ ความรู้แม้กระทั่งความฉลาดปราดเปรื่อง และด้านอื่น ๆ ของหวังหยวน!ในสายตาของเขา หวังหยวนคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เป็นเพื่อนสนิทที่สามารถพูดคุยอะไรกันก็ได้!“ท่านพ่อ ข้า... ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำอย่างไรขอรับ”“อีกทั้ง... ตอนนี้เมืองหวงและตระกูลเซิ่งได้รุกคืบเข้ามาแล้ว เราควร... ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อนหรือไม่ขอรับ?”ไป๋ชิงชางรีบพูด แต่ในใจเขา เขายังคงไม่ต้องการจัดการกับหวังหยวนเมื่อไป๋เจิ้นถังได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจ เขารู้ว่าลูกชายของเขาเป็นคนจิตใจอ่อนโยน จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย“พ่อเข้าใจว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ในกรณีนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ พ่อจะจัดการอย่างเต็มที่เอง”ไป๋เจิ้นถังพูดตามตรง ไป๋ชิงชางฟังแล้วจึงถอนหายใจก่อนพูดว่า “ท่านพ่อ ไม่ว่าเราจะวางแผนอะไรอยู่ตอนนี้ แต่เราก็ควรปล่อยหวังหยวนไปใช่หรือไม่ขอรับ?”“เพราะตราบใดที่มีเขาอย
“ท่านพี่ ท่านพ่อคุยอะไรกับท่านบ้างเจ้าค่ะ?”ไป๋เฟยเฟยรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางจึงแอบหลบมาที่นี่ เพราะอย่างไรเสีย สถานะและความสามารถของนางก็ไม่ได้ด้อยเลย!ถ้าอยากจะออกจากตำหนักของตัวเองแล้วมายังตำหนักของพี่ชายก็ย่อมทำได้!“เฮ้อ...”ไป๋ชิงชางถอนหายใจ ไม่รู้จะเอ่ยคำใดเลยจริง ๆ!หากเขาบอกความจริงกับน้องสาวไป นางคงจะกังวลอย่างแน่นอน และอาจถึงกับบอกหวังหยวนด้วย ซึ่งถ้าพ่อรู้เข้า นางอาจจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง!แม้กระทั่ง...บางทีอาจทำให้เขาและหวังหยวนต้องทะเลาะกันก็ได้!เพราะเขายังไม่ได้คุยกับหวังหยวนเลย!หากการเจรจาเป็นไปด้วยดีในวันพรุ่งนี้ บางทีหวังหยวนอาจจะยอมตกลงที่จะเป็นมหาองครักษ์แห่งอาณาจักรต้าเป่ย!ดังนั้นหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋ชิงชางจึงกล่าวว่า “ท่านพ่อต้องการเกลี้ยกล่อมหวังหยวนให้เป็นมหาองครักษ์ของอาณาจักรต้าเป่ยของเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามขุนนางชั้นสูงสุด!”ทันทีที่ไป๋เฟยเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจนางเข้าใจถึงเจตนาดีในเรื่องนี้ แต่ก็เข้าใจถึงอันตรายที่แฝงอยู่ด้วย!ท่านพ่อเลือกเกลี้ยกล่อมหวังหยวนในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการปล่อยเขาไป!และจะไม่ปล่อยเขาไปง่
ไป๋เฟยเฟยรู้ตัวว่าตนหลงรักหวังหยวน!เมื่อนางรู้เรื่องดังกล่าว นอกเหนือจากการเป็นห่วงความปลอดภัยของหวังหยวนแล้ว นางยังกังวลมากด้วยว่าหวังหยวนจะหันมาต่อต้านตระกูลไป๋ด้วยเหตุนี้หรือไม่!หากเป็นเช่นนั้นหัวใจของนางคงถึงคราวแตกสลายแล้วจริง ๆ!นางจึงจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น!เมื่อกลับมาถึงห้องของตนเอง ไป๋เฟยเฟยก็รีบหยิบพู่กันและกระดาษออกมาตอนนี้นางไม่อาจไปเจอหวังหยวนได้ แม้ว่าจะต้องการก็ตาม จึงทำได้เพียงเขียนจดหมายถึงหวังหยวนเพื่อบอกข่าวแก่เขา!นางใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการเขียนให้เสร็จ จากนั้นนางก็มอบจดหมายให้คนสนิทของนางแอบนำไปส่งให้หวังหยวน!หวังหยวนกำลังเตรียมตัวเข้านอนอยู่ในห้อง เมื่อเขาได้ยินเสียงบางอย่างพุ่งแหวกอากาศเข้ามา จึงหันไปมองแล้วเห็นลูกธนูยิงเข้ามาพร้อมกับมีจดหมายผูกอยู่หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้มฝืดเฝื่อนดูนี่สิ...เกรงว่าสถานการณ์คงจะไม่ค่อยดีนัก!เขาถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปแล้วเปิดจดหมายออกอ่าน เพื่อยืนยันการคาดเดาของตน'หวังหยวน หากท่านได้อ่านจดหมายฉบับนี้ก็โปรดอย่าตำหนิข้าเลย อันที่จริงแล้วข้าไม่อยากบอกท่านเรื่องนี้ คือว่า... เราเป็นเพื่อนกัน แต่สำหรับข้านั้นไม่ได้ม
ไป๋ชิงชางไม่ได้พูดเพื่อประจบประแจง!พูดตามตรงคือห้องเครื่องของที่นี่ไม่สามารถทำอาหารที่มีรสชาติเช่นนั้นได้!หวังหยวนยิ้มโดยไม่เอ่ยคำใดอีก เขารู้ว่าที่ไป๋ชิงชางมหาเขาในวันนี้เพราะมีเรื่องจะพูดกับเขาแน่นอน จึงรออยู่ที่นี่ทั้งสองพูดคุยกันขณะรับประทานอาหาร พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย แต่ก็เป็นการพูดอ้อมค้อมและเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างที่อยากจะพูดจริง ๆ แต่ก็ยังไม่พูดออกมาเมื่อหวังหยวนเห็นเขาทำเช่นนี้ก็ทำอะไรไม่ค่อยถูก แต่เขาเห็นได้ว่าไป๋ชิงชางไม่รู้ว่าจะพูดกับตนอย่างไรจริง ๆ!แต่ไป๋ชิงชางไม่อาจทนอ้อมค้อมได้อีกต่อไป เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนมองหน้าหวังหยวนแล้วพูดว่า “หวังหยวน วันนี้ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกท่าน”เมื่อหวังหยวนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า“ท่านพูดมาได้เลย ข้าจะฟัง”หวังหยวนวางชามและตะเกียบลงแล้วมองไป๋ชิงชางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าไป๋ชิงชางคิดอยู่นาน และในที่สุดก็รวบรวมความกล้าพูดออกมาว่า “หวังหยวน ท่านเคยคิดอยากรับใช้อาณาจักรต้าเป่ยบ้างหรือไม่?”หวังหยวนส่ายหน้าทันทีโดยไม่ลังเล“ข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย”ไป๋ชิงชางฟังแล้วก็ไม่แปลกใจเลย เขารู้ว่าหวังหยวนจะต้องตอบเช่นน
ไป๋ชิงชางสูดหายใจเข้าลึก ความสงสัยฉายแววในดวงตาของเขา เพราะเขาไม่รู้ว่าจะนิยามความสุขตามมุมมองของเขาอย่างไรดี!หากเขาอยู่ในตำแหน่งสูงก็ควรจะมีความสุขมาก แต่ไป๋ชิงชางกลับไม่ค่อยรู้สึกเช่นนั้นเลยไม่ใช่ว่าไม่พอใจ แต่แค่รู้สึกเหนื่อยเกินไปแม้ว่าหลังจากทำสิ่งต่าง ๆ ได้ประสบความสำเร็จจะทำให้เขามีความสุขมากก็ตามแต่เขายังคงไม่สามารถตอบคำถามของหวังหยวนได้ และเขายังเข้าใจสิ่งที่หวังหยวนต้องการสื่อได้อีกด้วย!“ท่านตอบไม่ได้หรือ? ความสุขนั้นยากที่จะนิยามจริง ๆ อย่างน้อยสำหรับข้า ข้าคิดว่าความสุขควรจะเป็นความรู้สึกสุขใจอย่างแท้จริง”“ความสุขคืออะไร? มีอาหารให้กินเพียงพอ มีเสื้อผ้าเพียงพอ ไม่ถูกคุกคาม ไม่ถูกคนอื่นข่มขู่ มีเวลาทำสิ่งที่อยากทำ มีเพื่อนสนิทมิตรสหายมากมาย สิ่งเหล่านี้แหละ... ที่ข้าคิดว่ามันคือความสุข”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋ชิงชางก็ถอนหายใจความสุขเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้!โลกที่หวังหยวนพูดถึงนั้นเปรียบเสมือนสวรรค์!พูดตามตรงคือแม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าพูดเลยว่าเขาสามารถทำให้แผ่นดินเป็นเช่นนั้นได้!“พี่หวัง เรื่องนี้มันยากเกินไปจริง ๆ…”ไป๋ชิงชางยิ้มฝืดเ