จี้ฉวนจงกำลังรอให้หงเลียนนำตัวเจียงจิ่นหนิงส่งกลับมาที่จิงจ้าวอิ่นจนกระทั่งได้เห็นว่าเจียงจิ่นหนิงกลับถึงจิงจ้าวอิ่นแล้ว จี้ฉวนจงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเจียงจิ่นหนิงถูกหงเหลียนโยนเข้าคุก จากนั้นก็คลายสะกดจุดเขาเวลานั้นเอง เจียงจิ่นหนิงคำรามออกมาราวกับสัตว์เดรัจฉานมารดาที่เขากตัญญูมาตลอดสิบกว่าปี นึกไม่ถึงว่าจะมีเจตนาชั่วร้ายกับเขามาตั้งแต่ต้นน้องสาวที่เขารักเอ็นดูมาสิบกว่าปี กลับใช้ประโยชน์จากเขาทุกทาง ทำร้ายเขา เพียงเพื่ออยากทำให้มารดาผู้ให้กำเนิดเขาเสียใจโลกภายในใจเขาพังทลายลง สิบกว่าปีมานี้เขาใช้ชีวิตเพื่อคนที่วางแผนร้ายกับเขา ใช้ชีวิตอย่างประมาท ช่างน่าขำนัก น่าสมเพชที่สุด!“ปังๆๆ”เขาใช้ศรีษะของตัวเองโขกกับกำแพง อยากแน่ใจว่าเขาอยู่ในโลกความจริงหรือกำลังหลับฝันอยู่น้องสาวที่เขารักที่สุดวางแผนใส่เขาได้เช่นไร เขาไม่อยากเชื่อความเจ็บปวดตรงศีรษะทำให้เขารู้ตัวว่าไม่ใช่ความฝัน“เฮ้ เจียงจิ่นหนิง ต่อให้เจ้าตายไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีใครสนใจว่าเจ้าจะเป็นจะตาย”หงเหลียนไม่ได้จากไป คุณหนูสั่งให้นางเฝ้าเจียงจิ่นหนิงไว้ กลัวว่าเจียงจิ่นหนิงจะทำเรื่องโง่เขลาสุดท้าย คุณหน
ผู้คุมได้ฟังว่าจะได้รับเงินอีก เขารู้สึกดีใจ“แม่นางวางใจ ข้าจะดูแลคุณชายเจียงเป็นอย่างดี”เจียงจิ่นหนิงมีผู้คุมดูแลแล้ว คิดว่าคงไม่มีปัญหาแล้วฟ้าใกล้สว่างแล้ว นางกำลังจะไป หากมีคนเห็นเข้าคงไม่ดีหงเหลียนยิ้ม “ผู้คุม ข้าเฝ้าอยู่ตรงข้ามจิงจ้าวอิ่น หากคุณชายไข้ลดลงแล้ว แจ้งกับข้าหน่อย ข้าถึงจะกลับไปรายงานกับคุณหนูได้”ผู้คุมตกปากรับคำ ทำให้หงเหลียนวางใจหงเหลียนออกจากจิงจ้าวอิ่น จากนั้นก็หาที่นั่งตรงข้ามจิงจ้าวอิ่นเจียงจิ่นหนิงเจ้าคนสมควรตาย ทำให้นางต้องยุ่งอยู่ทั้งคืนเหตุใดคุณหนูถึงได้มีพี่ชายไร้ประโยชน์เช่นนี้ มีแต่สร้างความเดือดร้อนหงเหลียนอดทนนั่งเฝ้า นางต้องทำงานนี้ให้ดีเจียงหวานหว่านไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นกัน ไม่รู้ทางเจียงจิ่นหนิงเป็นเช่นไรบ้าง หงเหลียนก็ยังไม่กลับมาซิ่วกู่ยกน้ำแกงโสมมาวางตรงหน้าเจียงหวานหว่าน “คุณหนู ท่านนอนพักหน่อยเถิด หงเหลียนกลับมา ข้าจะบอกท่านเอง”เจียงหวานหว่านส่ายหน้า นางนอนไม่หลับ เจียงจิ่นหนิงถูกสกุลเฉาเลี้ยงจนเสียคนแล้วอย่าเห็นว่ายามปกติเขานิสัยอันธพาล ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ความจริงแล้วเขาใจฝ่อมากได้รับการกระทบเทือนเช่นนี้ ไม่รู้ว่าภายในใจ
นอกเขตชายแดนระหว่างแคว้นตงหลิงและแคว้นซีหลิง หรงซีลอบพาคนเข้าไปในค่ายทหารแคว้นซีหลิงหรงซีพับจดหมายของเทียนซู ในจดหมายเขียนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจียงหวานหว่านในช่วงหลายวันนี้เขาใช้ช่องทางลับ เพียงเพื่อได้รับข่าวของเจียงหวานหว่านเป็นอันดับแรก“ท่านอ๋อง พวกเราควรลงมือตอนนี้หรือไม่?”ไคหยางองครักษ์เงากล่าวหรงซีคิดอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็สวมหน้ากาก มองค่ายแคว้นซีหลิงอย่างหวาดระแวง“ลงมือ”ไคหยางหยิบระเบิดควันที่เตรียมไว้ออกมา จากนั้นก็โยนเข้าไปในค่ายแคว้นซีหลิงเพียงไม่นาน ทั้งค่ายแคว้นซีหลิงปกคลุมไปด้วยหมอกควัน“แย่แล้ว ศัตรูลอบโจมตี”ทหารของแคว้นซีหลิงแตกตื่นอลม่าน“ท่านอ๋อง พิษของซิ่วกู่ไม่เลวเลย ดูคนเหล่านี้แขนขาไร้เรี่ยวแรงแล้ว พวกเราควรฉวยโอกาสทำลายพวกเขาดีหรือไม่”ไคหยางหัวเราะนัยน์ตาหรงซีสีเข้มขึ้น กล้ามาหาเรื่องเขา เช่นนั้นก็ทำให้พวกเขาก็ควรได้รับกรรมตามสนองตนเอง“ไป”เสียงร้องคร่ำครวญของทหารแคว้นซีหลิง ไม่ส่งผลกระทบใดต่อซีหรงแม้แต่น้อย“ท่านอ๋อง กลับเมืองหลวงแล้ว ข้าอยากไปดูคุณหนูหกจวนสกุลเจียง ได้ยินว่าคุณหนูหกหน้าตางดงามดุจดอกไม้ เป็นสาวงามล่มเมือง!”ไคหย
เจียงหวานหว่านหันไปมองตามเสียง ไป๋หยู่ยังคงเป็นคนงดงามที่ใครเห็นก็หวั่นไหวเหมือนดั่งชาติก่อน“เถ้าแก่ไป๋ ความจริงแล้วข้ามาหาคุณชายเซียวหวายของพวกเจ้า”เจียงหวานหว่านยิ้มอธิบายไป๋หยู่มองเจียงหวานหว่านแล้วรู้สึกแปลกใจครั้งนี้คุณชายสายตาดีมาก นึกไม่ถึงว่าจะดึงดูดแม่นางที่หน้าตางดงามเช่นนี้มาได้แม่นางตรงหน้ามาถึงที่นี่ได้ แปลว่ามีความสัมพันธ์ของนางกับนายท่านคงไม่ธรรมดา“แม่นาง คุณชายไม่อยู่ หากไม่รังเกียจ ข้าจะบอกคุณชายว่าแม่นางมาหา”ไป๋หยู่ยิ้มแย้ม“ได้ยินมาว่าตัวไหมที่สกุลเซียวจัดหามาเกิดปัญหา ข้ามีวิธีแก้ไข”รอยยิ้มบนใบหน้าไป๋หยู่ค่อยๆ หายไปเรื่องนี้มีเพียงคนภายในครอบครัวสกุลเซียวเท่านั้นที่รับรู้ นึกไม่ถึงว่าคุณชายจะบอกคนอื่นด้วย“แม่นาง โปรดตามขอมารอข้างในเถอะ”ไป๋หยู่ไม่อยากให้คนนอกรับรู้เรื่องนี้เจียงหวานหว่านพยักหน้าเดินตามไป๋หยู่เข้าไปข้างในไป๋หยู่เดินนำอยู่ข้างหน้า ปรายตามองหงเหลียนที่ยืนอยู่ด้านข้างนางดูออกว่าหงเหลียนมีวรยุทธไป๋หยู่เดินนำด้วยท่าทางองอาจไปข้างหลังเรือน และตรงขึ้นชั้นสองเมื่อเดินถึงหน้าห้องโถง นางสูดหายใจลึก พยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติ“คุ
คำพูดของเซียวหวายทำให้เจียงหวานหว่านรับรู้ถึงความไม่พอใจของเขาแค่นางเดินออกนองประตู เซียวหวายคงงต้องสืบค้นประวัติบรรพบุรุษแปดชั่วคนของนางจนชัดเจน“คุณชายเซียว ข้าไม่มีเจตนาสอดรู้สอดเห็นเรื่องภายในสกุลเซียว แต่ข้ามีผงยาชนิดหนึ่ง สามารถปรับปรุงและบำรุงคุณภาพของรังไหม ลดปริมาณการตายของตัวหนอนอไหม และยังสามารถเปลี่ยนสีเส้นไหมให้มีสีสันได้ด้วย”เซียวหวายไม่เอ่ยสิ่งใด เขาเดินมาและนั่งประจันหน้ากับเจียงหวานหว่านจากนั้นก็รินน้ำชาให้ตัวเองและเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านยิ้ม เซียวหวายอยากเจรจาด้วย ทว่าเขาไม่กล้าประมาทนาง“แม่นางเจียง บอกเงื่อนไขเจ้ามา”เจียงหวานหว่านไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางบอกอย่างตรงไปตรงมา “พี่ชายข้าล่วงเกิดกุ้ยเฟย ตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ที่จิงจ้าวอิ่น อยากขอร้องให้คุณชายช่วยเหลือ ช่วยพี่ชายข้าออกมาด้วยเถิด”“พี่ชายเจ้าล่วงเกินพี่สาวข้าด้วยเรื่องใด?”เซียวหวายไม่รู้เรื่องนี้ เขาอยากถามให้ชัดเจน ค่อยตัดสินใจว่าจะช่วยหรือไม่เจยงหวานหว่านเล่าเรื่องที่เจียงจิ่นหนิงทำที่โรงหมอเสวียนให้เขาฟังเซียวหวายคิดคำนวนในใจ “หากเป็นเช่นที่แม่นางเล่า เรื่องพี่ชายเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
นำสิ่งนี้ส่งให้คุณชายโจว ดูว่าจะลดปริมาณการตายของหนอนไหมได้หรือไม่”ไป๋หยู่เก็บเทียบยา เมื่อเห็นกระดาษที่วางไว้อยู่บนโต๊ะ นางยิ้ม“คุณชาย แม่นางยังเขียนจดหมายรักส่งให้เจ้าด้วย?”เซียวหวายมองตามสายตาของไป๋หยู่ จากนั้นเขาก็กางแผ่นกระดาษออก“ว้า สวยมาก!”สิ้นสุดเสียงอุทานของไป๋หยู่ กระดาษในมือเซียวหวายถูกไป๋หยู่แย่งไปแล้วสิ่งที่เจียงหวานหว่านมอบให้เซียวหวายคือรูปเสื้อผ้าที่นางออกแบบสำหรับเจียงหวานหว่านแล้ว มันก็เป็นแค่ของติดไม้ติดมือมาเท่านั้น ทว่ามันอยู่ในมือไป๋หยู นี่คือผลงานของปรมาจารย์เซียวหวายยื่นมือไปทางไป๋หยู่ ไป๋หยู่ยื่นภาพคืนให้เขาด้วยความไม่เต็มใจ“คุณชาย ระวังหน่อย อย่าทำพัง”เซียวหวายมองภาพที่เจียงหวานหว่านทิ้งไว้ให้อย่างละเอียด “ให้คนทำตัวอย่างออกมา ดูว่าผลงานเป็นเช่นไร”ไป๋หยู่ดีใจมาก นางไม่สนใจจะสนทนากับเซียวหวายต่อแล้ว และกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ข้าจะทำตัวอย่างด้วยตัวเอง”นางไม่ได้เห็นเสื้อผ้าสวยงามเช่นนี้มานานแล้วส่วนเซียวหวายเริ่มสนใจเจียงหวานหว่านขึ้นมาแล้วเคยได้ยินว่าผลงานการวาดของคุณหนูหกจวนสกุลเจียง เทียบชั้นกับอาจารย์โอวหยางได้ไปคิดแล้วแบบเสื้อผ้
ตอนที่เจียงป๋อเหนียนกำลังอาละวาดอยู่ที่เรือน ฮูหยินใหญ่เจียงไม่นานก็รู้แล้วนางเรียกเจียงป๋อเหนียนมาหา สองแม่ลูกสนทนากันอยู่นานตอนเจียงป๋อเหนียนออกมจากเรือนฮูหยินใหญ่เจียง สีหน้าเขาดีขึ้นมากเขาตัดสินใจเชื่อฟังฮูหยินใหญ่เจียง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสกุลหลิ่วเจียงป๋อเหนียนเดินไปยังเรือนเหมยเพื่อหาสกุลหลิ่วประตูเรือนเหมยเปิดอยู่ เจียงป๋อเหนียนจึงเดินเข้าไปสือหลิ่วเห็นเจียงป๋อเหนียนเดินเข้ามา นางไม่ได้ขัดขวาง จากนั้นไปหาเจียงหวานหว่านเงียบๆซิ่วกู่บอกกับสือหลิ่วว่าคุณหนูหลับไปแล้วทั้งสองปรึกษากัน นายท่านมาถึงที่นี่ คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีต้องแจ้งให้คุณหนูทราบซิ่วกู่เคาะประตูห้องเจียงหวานหว่านเจียงป๋อเหนียนมาที่ห้องหลิ่วซู่เมื่อเห็นสกุลหลิ่ว ในใจเขาไม่รู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อยสำหรับเขาแล้วสตรีที่ให้กำเนินบุตรชายบุตรสาวที่อยู่ตรงหน้านั้น เขารู้สึกแปลกหน้ามาก ไม่ยอมเข้าใกล้นาง กระทั่งรังเกลียดนางด้วยซ้ำ“คารวะนายท่าน”สกุลหลิ่วนอนอยู่บนเตียงและกล่าวทักทายเจียงป๋อเหนียนเจียงป๋อเหนียนขานรับลวกๆ “เรื่องหนิงเกอเออร์ เจ้าต้องดูแลให้มากหน่อย เช่นไรเสียเจ้าก็เป็นแม่แท้ๆ ข
ถึงเช่นไรเขาก็เป็นผู้ทิ้งพวกนางแม่ลูกเอาไว้ที่บ้านเก่าโดยไม่สนใจใยดี“อืม พยามยามให้ดี พวกเจ้าพักผ่อนเถอะ ข้ากลับก่อนแล้ว”เจียงป๋อเหนียนไม่บึ้งตึงเหมือนในยามปกติเขามองเจียงหวานหว่าน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าลูกสาวคนนี้ช่างรู้ความเหมือนกัน“หว่านเจี่ยเออร์ เป็นพ่อที่หลายปีมานี้ทำหน้าที่ไม่ดีพอ!”น้ำเสียงใจดีของเจียงป๋อเหนียนมาอย่างกะทันหัน ทำให้หลิ่วซื่อรู้สึกผิดปกติเจียงหวานหวานสีหน้าไร้ความรู้สึก “ท่านพ่อ กล่าวเกินไปแล้ว”เจียงป๋อเหนียนสำหรับนางแล้วมีแต่ความเย้ยหยัน ความละอายของเจียงป๋อเหนียนไร้ค่ายิ่งกว่าต้นหญ้าหลังเจียงป๋อเหนียนไปแล้ว เจียงหวานหว่านเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจียงจิ่นหนิงให้หลิ่วซู่ฟังท่านแม่ได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆ แล้ว เพื่อไม่ให้ท่านแม่ต้องคิดมาก นางจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจนวันหน้าท่านแม่จะได้ไม่เอาแต่โทษตัวเอง“หว่านเจี่ยเออร์ หลังจากนี้ไป เจ้าต้องคอยดูแลหนิงเกอเออร์มากหน่อย”หลิ่วซื่อกล่าวด้วยสีหน้าสงบเจียงหวานหว่านมองหลิ่วซื่อด้วยสีหน้าประหลาดใจหลิ่วซื่อลูบศีรษะเจียงหวานหว่าน “แม้เจ้าจะติดต่อพบปะกับผู้คนบ้างแล้ว ทว่าชีวิตของเจ้าลำบากกว่าหนิงเกอ