ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ สำหรับกู้หลานแล้ว ชีวิตเธอนับว่ากลับตาลปัตรดั่งหน้ามือเป็นหลังมือก็ว่าได้และตอนนี้เธอแค่อยากจะคิดทบทวนอย่างๆเงียบๆอยู่คนเดียว ว่านับจากนี้ไปเธอจะทำอย่างไรต่อไปกู้อิ๋นอยากจะพูดอะไรออกไป แต่พอเหลือบมองเห็นเงาแผ่นหลังที่อ้างว้างของกู้หลานเท่านั้นสุดท้ายเธอก็ได้แต่ก้มลงพยักหน้า “ถ้าพี่คิดหาหนทางได้แล้ว ก็โทรบอกฉันด้วยนะ ฉันจะช่วยพี่เอง”“อิ๋นอิ๋น!”ในขณะที่กู้อิ๋นลุกขึ้นยืนอยู่นั้น กู้หลานก็หันหน้ากลับมาในที่สุดกู้อิ๋นขมวดคิ้วถาม “มีอะไรหรือคะ?”กู้หลานพูด “พวกเราไม่คู่ควรแก่เธอที่ทำลายกฎเกณฑ์ครอบครัวแม่ จงใช้ชีวิตตัวเองอย่างสงบสุขเถอะ”คนอื่นๆเหล่านั้นสามารถช่วยเหลือครอบครัวของแม่ได้ เพราะว่าครอบครัวแม่มีกลุ่มคนที่มีคู่ควรคุ้มค่าอยู่เมื่อมองกลับกันกับครอบครัวของแม่พวกเธอ มันไม่คุ้มเลยจริงๆ! “ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่คู่ควร แต่พี่ต่างหากที่คู่ควร” กู้อิ๋นพูดและยังเป็นคนในครอบครัวของแม่ เพียงแค่คนเดียวที่สมควรจะได้รับ“ฉันไม่ต้องการ!” กู้หลานพูดเพียงแค่สี่พยางค์ กู้หลานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้น นี่เป็นครั้งแรกที่
ประกันตัวจ้าวเป่าอวิ๋นหรือ?ประกันออกมาทำไม?เพื่อให้เขามาหาเธอพูดถึงเรื่องเงินสินสอดต่อไป หรือกดดันบังคับกู้หลานอีก?เมื่อมาถึงฟาร์มม้าจู๋ลู่ ก็สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว!ขณะที่กู้อิ๋นลงจากรถมานั้น ก็มีบริกรหนุ่มผู้หนึ่งออกมาต้อนรับ “คุณคือคุณกู้ใช่ไหมครับ”“ค่ะ ฉันเองค่ะ”“คุณเผยรอคุณอยู่ทางนี้ครับ” บริกรหนุ่มโค้งคำนับพร้อมผายฝ่ามือเชิญหญิงสาวกู้อิ๋นผงกศีรษะตอบรับ “ขอบคุณมากๆค่ะ” ถึงแม้ว่ากู้อิ๋นจะเคยมาฟาร์มม้าจู๋ลู่แห่งนี้แล้ว แต่ไม่ก็ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไหร่บริกรหนุ่มพาเธอเดินลัดไปลัดมา ในที่สุดก็เข้ามาให้ห้องที่ตกแต่งด้วยกระจกสักที เมื่อเดินเข้ามาข้างใน เธอเห็นเต็มดวงตาว่าทั้งห้องจัดตกแต่งเต็มไปด้วยอาภรณ์เครื่องแต่งกายท้องถิ่น ซึ่งกู้อิ๋นเองก็ยังไม่เคยเข้ามาที่ที่ตรงนี้มาก่อนบริกรหนุ่มพากู้อิ๋นเดินมุ่งตรงไปที่หน้าประตูห้องโถง เพียงแค่ยังไม่ได้เปิดประตู ก็ได้ยินเสียง “ต๊อกแต๊กๆ”จากข้างใน คล้ายกับเสียงกำลังเล่นไพ่นกกระจอกอยู่?บริกรหนุ่มเคาะประตู!สักครู่ บานประตูก็เปิดออกจากข้างในกลิ่นอายบุหรี่ปะทะหน้าขึ้นมา กู้อิ๋นเพียงแค่แวบแรกก็ขมวดคิ้วทันใดที่แท้ก็กำลังเล่นไพ่นกกระจ
กู้อิ๋นพอจะเข้าใจ ว่าใจอันเป็นปฏิปักษ์ของเธอมาจากไหนกัน!“นั่งก่อนสิ พวกเขาน่าจะเล่นอีกสองตา” เสี่ยวโจวนำชาร้อนเสิร์ฟให้กู้อิ๋นกู้อิ๋นยิ้มแล้วรับแก้ว “ขอบคุณค่ะ” เสี่ยวโจว “พี่สะใภ้กับพี่รองรู้จักกันมาได้อย่างไรคะ?”จบคำพูด!เวินเสวี่ยและเฉินซิงหลีหันมามองที่กู้อิ๋นคำถามนี้มันเกิดขึ้นเร็วมาก กู้อิ๋นก็คิดไม่ถึงว่าเผยเซียวไม่คิดจะปิดบังสถานะของเธอเมื่อครู่นี้ลู่ฝานเรียกพี่สะใภ้ นั้นก็แสดงว่าก่อนที่เธอจะมาถึงนั้น เผยเซียวคงบอกว่าเธอจะมาและน่าจะพูด หรือว่าบอกไปว่าเมียตัวเองจะมา?และถ้าบอกไปว่าเธอคือผู้ช่วยเผยเซียวล่ะ....แบบนี้จะได้ไหม?จะทำให้เขาเสียหน้าหรือเปล่า?เสี่ยวโจวมองดูกู้อิ๋นไม่พูดไม่จา จึงหัวเราะแก้เก้อเขินแล้วพูดไปว่า “ไม่สะดวกเล่าหรือคะ?ต้องขอโทษด้วยค่ะ!”เฉินซิงหลีเมื่อได้ฟังเสี่ยวโจวกล่าวไม่สะดวกคำนั้น กระตุกมุมปากเล็กน้อยทำท่าดูแคลน “หรือจะว่าไปพี่รองไม่รู้ว่าไปเก็บมาเลี้ยงจากที่ไหน!”“พูดอะไรของเธอ ซิงหลี” เสี่ยวโจวเอ่ยด้วยกดข่มน้ำเสียงเฉินซิงหลีแค่นเสียงเหอะแฝงเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลนเธอคือคุณหนูตระกูลเฉินในใจของเธอนั้นคิดว่าเผยเซียวกับหลีเวยเยว่ ลู
แรกเริ่มกู้อิ๋นเล่นไพ่ไม่เป็น แต่หลังจากนั้นเพราะเคยคอยช่วยเหลือเผยเซียวเล่นต่ออยู่บ่อยๆตั้งแต่ทำตามคำสั่งของลั่วเหยียนนั้น เธอจึงสามารถเล่นไพ่นกกระจอกได้!แต่ทว่าเมื่อก่อนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าทั้งนั้น โดยปกติแล้วการเล่นแต่ละหมากคือไม่สามารถเอาชนะลูกค้าได้นั่นก็หมายความว่าจนถึงตอนนี้กู้อิ๋นเรียนรู้การเล่นไพ่ ล้วนแต่เล่นแพ้มาโดยตลอด......“อืม เอาสิ!ชนะแล้วยกให้เป็นของเธอเลย” เผยเซียวตะลึงสักพักแล้วตอบกลับพยักหน้าทันใดลูบผมลูบศีรษะของเธอคล้ายดั่งเอ็นดูประหนึ่ง ทำให้ผู้คนในนั้นต่างได้เห็นภาพคู่รักจู๋จี๋จนอิจฉาตาร้อน กู้อิ๋นพยักหน้า “เย้!”เมื่อได้ยินว่าชนะแล้วเงินเป็นของตน ทันใดนั้นกู้อิ๋นก็นึกสนใจขึ้นมาแลมองดูเธอท่าทางหิวเงินอย่างนี้ เผยเซียวกระตุกรอยยิ้มที่มุมปาก แล้วหยิบมือถือหมุนตัวเดินออกไป กู้อิ๋นมองดูแล้วดูอีกไพ่ที่จับได้ของเขาลู่ฝานมองไปกู้อิ๋นถาม “พี่สะใภ้ครับ เมื่อก่อนคุณเล่นไพ่ไม่เคยชนะเลยหรือ?”เมื่อครู่ที่เธอถามกับคำถามอย่างนั้นไป ก็เพราะไม่เคยชนะเลยสักครั้งเลยกระมัง! เหมือนกับว่าถามคำถามนั้นออกไปแล้วก็สามารถเอาชนะได้เลยเสียอย่างนั้นนะ!กู้อิ๋นพยักหน
เธอเองก็ไม่รู้เลยว่าทำไมเผยเซียวถึงต้องแนะนำให้เพื่อนๆเขารู้จัก แต่ที่แน่ๆคือเขาไม่มีทางที่จะยอมรับสถานะเธออย่างง่ายขนาดนั้นแน่นอนมื้อเที่ยงแน่นอนว่าต้องเป็นสเต็กเนื้อแกะกู้อิ๋นยังดีหน่อย ไม่มีความรู้สึกท่าทีรับประทานไม่ได้ในขณะที่รออยู่นั้น เผยเซียวก็ดูแลเธอมาโดยตลอด ลงมือหั่นเนื้อสเต็กเป็นอย่างดีขณะที่รับประทานได้ครึ่งเดียวอยู่นั้น ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามา!หลีเวยเยว่“พี่คะ”เฉินซิงหลีลุกขึ้นยืนเรียกทักหลีเวยเยว่นั่งด้วยกันหลีเวยเยว่แลมองเผยเซียว แล้วสุดท้ายสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นร่างของกู้อิ๋นกู้อิ๋นพอจะเข้าใจที่เฉินซิงหลีไม่พอใจตัวเธอเองนั้นคือเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า ที่แท้เธอกับหลีเวยเยว่นั้นรู้จักกันแต่ทว่าหลีเวยเยว่มาถึงปุ๊บ!ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ ต่างพากันหยุดชะงักเห็นได้ชัดว่าใครๆก็รู้ว่าเผยเซียวและหลีเวยเยว่เคยมีความสัมพันธ์ช่วงหนึ่งกันมาก่อน“เท่านี้พอหรือไม่ครับ?” สายตาของเผยเซียวมองร่างกู้อิ๋นตลอดเวลากู้อิ๋นพยักหน้าตอบรับ “ค่ะ พอแล้วค่ะ คุณเองก็รีบๆทานเถอะค่ะ!”สเต็กเนื้อแกะต้องทานตอนร้อนๆเท่านั้น จึงจะอร่อย ถ้าเย็นแล้ว รสชาติจะไม่ค่อยน่า
เผยเซียวพากู้อิ๋นกลับไปแล้วในตอนที่เหลือแค่หลีเวยเยว่ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความกระดากอายเฉินซิงหลีมองไปทางเธอด้วยความรู้สึกสงสาร “พี่ไม่ต้องไปสนใจหรอก ยายคนนั้นก็แค่ผู้หญิงบ้านนอก พี่เขยเขาก็แค่เล่นละครกับเขาก็เท่านั้น”เฉินซิงหลีเคยตรวจสอบกู้อิ๋นมาก่อน ยายนั่นก็แค่คนที่เรียนจบให้สูงๆเพื่อถีบตัวเองออกมาจากตรงนั้น ยังอยากจะหวังพึ่งหน้าตาของตัวเองเพื่อแต่งงานกับคนรวยอีกงั้นหรอ?ช่างเป็นคนโง่ที่ฝันสูงจริงๆ!หลีเวยเยว่ฝืนกลั้นน้ำตา!ในตอนที่เผยเซียวกลับไปอย่างกระทันหันนั้นก็ทำให้ฉินเยว่ ลู่ฝาน ถังอี้และคนอื่นๆรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อยลู่ฝานส่งสายตาไปให้โจวลี่ “ลี่ลี่เธอดูคุณหนูหลีหน่อยเร็ว”“ค่ะ”โจวลี่ดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เธอรีบหันไปช่วยหลีเวยเยว่หั่นเนื้อแกะแต่จริงๆแล้วในใจของเธอรู้สึกไม่พอใจกับนิสัยนี้ของหลีเวยเยว่อย่างมาก!ไม่สนว่าแต่ก่อนทั้งสองคนจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้พี่รองเขาก็แต่งงานกันไปแล้วแต่เห็นแก่หน้าเบบี๋ของเธอ เธอจะอดทนก็แล้วกัน!“เวยเยว่ ทานเถอะ!” โจวลี่ส่งเอาเนื้อแกะที่หั่นแล้วใส่ลงในจานให้กับเธอแต่หลีเวยเยว่ก็ไม่ได้แตะ!เธอเงยหน้าขึ้นก่อนจะกวาดสา
คำว่าเย็นชาสามารถเอามาใช้อธิบายท่าทางของเขาที่มีต่อหลีเวยเยว่ได้อย่างชัดเจนกู้อิ๋นมุมปากกระตุก “เธอร้องไห้หนักเลยนี่คะ”ตอนที่พูดประโยคนี้ออกมากู้อิ๋นก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะพูดถึงหลีเวยเยว่ยังไงดีการที่เธอตามมาในงานร่วมเพื่อนแบบนี้ก็แล้วกันไป แต่ยังจะมาร้องไห้กลางงานแบบนี้อีก นี่มัน......เผยเซียวมองไปทางเธอหนึ่งที “อยากให้ฉันไปปลอบหรือไง?”ตอนที่พูดประโยนี้ น้ำเสียงของเผยเซียวเย็นชามากๆ แถมให้ความรู้สึกเหมือนจะถูกไอเย็นๆจากตัวของเขาทิ่มแทงด้วยกู้อิ๋นเบะหน้า “ไม่ใช่สักหน่อย แต่แบบนี้ก็แปลว่าคุณกับเธอยังตัดกันไม่ขาดน่ะสิ!”“ก่อนหน้านี้คุณอยากจะแต่งงานขนาดนั้น ทำไมไม่เลือกเธอล่ะคะ?”ท่าทางของหลีเวยเยว่ก็ดูไม่อยากจะแยกกับเขาสักเท่าไหร่นี่นาตอนนี้ดูทำเข้าสิ……!“เธอเงียบไปเลยนะ!” เผยเซียวพูดน้ำเสียงของเขาเย็นชามากขึ้นไปอีกกู้อิ๋นถูกตะคอกใส่ก็ช็อคไป!เธอก็แค่พูดความจริงก็เท่านั้นเอง ไม่ร็ว่าทำไมเผยเซียวถึงได้โมโหอีกแล้วพอคิดถึงบ้านที่เธอซื้อไว้ก็ไม่กล้าไปยั่วโทสะเขาอีก จึงได้แค่หยุดหัวข้อสนทนาที่ทำให้เขาไม่สบายใจนี้ลงเธอรีบเข้าไปปลอบ “ก็ได้ค่ะ ฉันไม่พูดแล้ว คุณไม่โกรธแล้วได้
เรื่องนี้เกิดขึ้นกระทันหันเกินไปตอนแรกเธอคิดว่าถ้าจบเรื่องคุณป๋อไปเรื่องนี้จะไม่มีการถูกพูดถึงอีก ใครจะไปคิดล่ะว่าเขาจะสั่งให้ไล่หมอคนที่ออกใบรับรองแพทย์คนนั้นออกยิ่งคิดได้ว่าลั่วเหยียนกำลังจะไปคุยกับเหยียนฉู่ เธอก็อยากจะส่งข้อความให้เหยียนฉู่เดี๋ยวนี้แต่จากท่าทางน่ากลัวของเผยเซียวในตอนนี้ก็ทำให้เธอกลัวจนเหมือนกับลูกนก กลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเห็นกู้อิ๋นยังไม่ยอมพูดอะไร น้ำเสียงของเผยเซียวก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นไปอีก “พูดออกมา!”“ฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ!” กู้อิ๋นรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาตอนนี้เธอพูดอะไรได้บ้าง? พูดไปก็ผิดทั้งหมดอยู่ดี!ตอนนี้ทางเดียวที่เธอนึกออกก็คือ...หนี!แต่เห็นได้ชัดเลยว่าเผยเซียวไม่ให้โอกาสเธอแล้วในครั้งนี้‘แกร็ก~!’ เสียงของไฟแช็คดังขึ้นเหมือนจะได้ยินว่าความเร็วมันดูจะเร็วขึ้นกว่าปกติเห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้เผยเซียวกำลังอดกลั้นความโมโหอยู่!กู้อิ๋นอยากจะโดดลงจากรถเพื่อหนีในตอนนี้“เธอไม่รู้งั้นหรอ?” เผยเซียวความอันตรายของหาคำนี้มันเหมือนกับซาตานที่โผล่ออกมาจากนรก กู้อิ๋นได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้าแต่ในสถานการณ์แบบนี้เธอไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาแ