กรมพระราชวังนครบาลส่งมา 4 คนเพื่อรับจ้วงชิงเหมย พอรวมกับคนองครักษ์ของจวนอัครมหาเสนาบดีอีก 4 คนก็มีทั้งหมด 8 คนคอยคุ้มกันรถม้าแต่ก่อนจะออกไป มู่จิ่วซีก็ยัดก้อนผ้าเข้าไปในปากของจ้วงชิงเหมย จากนั้นก็ลากนางเข้ามาในรถม้าเล็กๆ ของตนเองในความมืด มู่จิ่วซีได้สั่งให้จี๋เฟิงพากลุ่มของทหารมังกรดำคอยดักเส้นตามเส้นทางสำคัญที่ผ่านไปตลอดทางส่วนนางเอง จ้วงชิงเหมยและเย่ฮานทั้งสามคนก็นั่งอยู่ในรถม้าธรรมดา และให้คนขับรถม้าธรรมดาขับออกไป พร้อมกับให้ขับตามหลังรถม้าซึ่งไม่ได้มีจ้วงชิงเหมยอยู่ด้านใน แต่กลับเป็นทหารมังกรดำคนหนึ่งแทนเพราะกรมพระราชวังนครบาลออกจากจวนอัครมหาเสนาบดีมาได้สักระยะ จะต้องผ่านเส้นทางขนาดใหญ่ไม่น้อย อีกทั้งยังต้องผ่านศูนย์กลางการค้า ผู้คนก็มีจำนวนไม่น้อย ดังนั้นความเร็วการเคลื่อนที่จึงค่อยๆ ช้าลงมู่จิ่วซีหลับตาพักสมองมาตลอดทาง ส่วนเย่ฮานกลับกังวลอย่างมาก จ้วงชิงเหมยก็ถูกมัดไพล่หลังรั้งคอพร้อมกับอุดปากเอาไว้ นางถลึงตามองมู่จิ่วซีอย่างโกรธแค้นหากสายตานั้นฆ่าคนได้ มู่จิ่วซีคงถูกฆ่านับครั้งไม่ถ้วนไปแล้ว"คุณหนูใหญ่ จะมีคนมาช่วยจ้วงชิงเหมยจริงๆ งั้นเหรอขอรับ?" เย่ฮานรู้สึกว่ามัน
หวางชิวได้ตัดแส้ของนางจนขาด แต่เนื่องจากระยะที่ใกล้กันเกินไป เขาเลยถูกกรีดที่ไหล่ เขาตีลังกาหลบกลับหลังไปแล้ว แต่กริชชิงหลงช่างคมเกินไป ดังนั้นเลยทำให้เขาบาดเจ็บนั่นเลยทำให้เขาหวาดกลัวในใจ แต่มู่จิ่วซีก็ไม่ได้ให้เวลาเขาได้คิด นางได้กระโจนเข้ามาหาอีกครั้งแล้วกริชและดาบสั้นก็ปะทะเข้าด้วยกัน จากนั้นหวางชิวก็ต้องคร่ำครวญอีกครั้ง เพราะดาบสั้นของเขาถูกกริชชิงหลงฟันจนแตกหวางชิวก็เอาดาบสั้นอีกครึ่งหนึ่งแมงไปที่มู่จิ่วซีมู่จิ่วซีไม่ได้ถอยกลับ นางเพียงแค่เอี้ยวหัวหลบ ส่วนหวางชิวก็คิดจะอาศัยจังหวะนี้หลบหนี แต่ไม่คาดคิดว่าความเร็วของมู่จิ่วซีจะยังเร็วกว่าเขาความรู้สึกอันตรายเบื้องหลังทำให้หวางชิวแทบจะต้องเรียกสติกลับมา เขาใช้กำลังภายในทั้งหมดชกเข้าหามู่จิ่วซีมู่จิ่วซีได้โยกย้ายกำลังภายในของเฟิงเหยียนหยูเฟยมาทั้งหมด แต่นางก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันของหมัดที่พุ่งเข้ามา ทำให้นางยากที่รุกคืบหน้า กริชชิงหลงเลยถูกยกขึ้นเพื่อพยายามจะกรีดแทงหมัดนั้นที่กำลังพุ่งเข้ามาแต่หวางชิวก็ได้รู้ถึงความคมของกริชชิงหลงนั้นแล้ว เขาจะกล้าไปแตะต้องซะที่ไหน เขากลับหดหมัดนั้นกลับไป ขาของเขาก็ลอยเตะเข้ามาแทนไปยังต
"คุณหนูใหญ่" จี๋เฟิงเสียขวัญจนรีบตะโกนเรียกเสียงดัง ทั้งตัวของเขารีบพุ่งกระโจนเข้าไปหาแต่ทว่าตอนนี้หวางชิวแทบไม่ได้สนใจจี๋เฟิง เขารู้ว่าตัวเองหนีไม่รอด งั้นก่อนจะตายก็จะต้องลากศัตรูคนสำคัญขององค์กรอย่างมู่จิ่วซีตายตามไปด้วยมู่จิ่วซีหัวเราะเยาะเย้ยและมองหวางชิวที่กระโจนเข้ามาหา นางถอยออกไปทันที จากนั้นก็ดีดเข็มเข็มเล่มหนึ่งไปยังตรงเข่าของเขาอย่างไร้ซุ่มเสียงหวางชิวยังไม่ทันจะกระโจนเข้าหามู่จิ่วซี เขาก็กลับล้มเองเสียก่อน พอเข่าซ้ายคงเขาแตะพื้น ความเจ็บปวดตรงเข่าก็ปวดร้าวขึ้นกระทันหัน จากนั้นทั้งตัวของเขาก็เหมือนม้าที่ขาหักไปข้างและล้มกระแทกกับพื้นจนไถลไปกับพื้นข้างหน้าอีกหลายเมตรส่วนจี๋เฟิงทางด้านหลังก็ได้กระโจนเข้ามา หมัดกำปั้นก็ได้กระแทกไปที่หัวของหวางชิวหวางชิวก็คิดว่าควรจะกัดพิษปลิดชีพตัวเองดีไหม แต่จู่ๆ ก็รู้สึกปวดและมึนที่หัว เขาก็ได้สลบไปในทันทีมู่จิ่วซีรีบตามเข้ามาและจับง้างปากเขาออกเพื่อควักถอนเอาพิษตรงฟันออกมานางหันไปรอบๆ อีกครั้งล้วนเต็มไปด้วยเลือดที่นองพื้น และยังมีพวกชุดดำกำลังสู้รบอยู่ พอพวกเขาเห็นพี่ใหญ่หมดสติตายไปแล้ว พวกเขาก็ตื่นตระหนก บนร่างกายพวกเขาก็มี
ทันใดนั้นทหารมังกรดำกล้วนดีใจตะโกนกล่าวออกมา: "ขอบคุณคุณหนูใหญ่" จากนั้นก็ตามจี๋เฟิงกลับไป พวกเขาออกมาปฏิบัติภารกิจครั้งแรกก็ยังมีรางวัลอื่นให้อีก ล้วนดีใจกันมาก การบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ถือว่าคุ้มค่า"พี่ใหญ่จี๋เฟิง หลังจากนี้ขอติดตามคุณหนูใหญ่มู่ได้ไหม" มีคนถามขึ้นมาจี๋เฟิงก็กล่าวอย่างอารมณ์เสีย : "เจ้าฝันหวานเกินไป ขนาดข้ายังอยากติดตามคุณหนูใหญ่มู่เลย แต่ท่านอ๋องบอกไว้ให้ร่ำเรียนสิ่งที่คุณหนูใหญ่มู่สอน เมื่อถึงระดับระดับมาตรฐานที่นางต้องการคัดเลือกแล้ว คุณหนูใหญ่มู่ก็ถึงจะคัดเลือกเข้ามา""หา แบบนี้หลิวฮั่วกับเหอเฟิงสองคนนั้นก็เอาเปรียบน่ะสิ" มีคนกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ"รอพวกเขากลับมาจากภารกิจนี้แล้วก็ต้องเพิ่มการฝึกฝน พวกเจ้าก็ขยันหน่อยเถอะ อย่าให้คุณหนูใหญ่มู่ในตอนท้ายต้องเลือกกลุ่มอื่นล่ะ แบบนั้นจะขายหน้ามาก" จี๋เฟิงก็รีบพูดขึ้นมา"ครับ! พวกเราจะตั้งใจพยายามแน่นอน" ทหารมังกรดำต่างล้วนหึกเหิม พวกเขาตอนนี้ล้วนเห้นมู่จิ่วซีเหมือนกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนแล้ว ถึงขนาดนั้นชื่นชอบคุณหนูใหญ่มู่มากกว่าถึงอย่างไรท่านผู้สำเร็จราชการแทนก็ชอบทำหน้าเย็นชาเหมือนโลงผุ เคร่งขรึมยิ่งกว่าอะไร พ
เย่อู่เหิงพอเห็นมู่จิ่วซีก็ตาลุกวาวเหมือนพระจันทร์เต็มดวง แต่ทว่าทันใดนั้นก็ปรากฎความเขินอายออกมา พอนึกถึงเรื่องในคืนนั้นตอนที่ตัวเองพูดต่อหน้าทุกคนว่าชอบมู่จิ่วซี ก็ไม่รู้ว่านางได้รู้แล้วหรือยัง?"ซีเอ๋อร์ เจ้ามาได้พอดีเลย พวกเจ้าคุยกันไปก่อน พ่อจะไปกรมกลาโหมสักหน่อย" มู่เทียนซิงพอเห้นมู่จิ่วซีกลับมาก็รีบหันกลับวิ่งไปทันทีมุมปากของมู่จิ่วซีก็ยิ้มกระตุกขึ้นมา : "อู่เหิง พวกเราทานไปคุยไปดีกว่าไหม?"เย่อู๋เหิงก็ตอบกลับอย่างเขินอาย : "คือ คงจะไม่ดีหรอกกระมัง?""มีอะไรตรงไหนไม่ดี ไปกันเถอะ" มู่จิ่วซีก้พาเย่อู่เหิงไปยังห้องอาหารของจวนแม่ทัพทั้งสองคนนั่งหันหน้าชนกัน เหล่าคนรับก็ทยอยเอาอาหารมาเสิร์ฟให้"จิ่วซี ได้ยินมาว่าเจ้าจับหวางชิวได้งั้นเหรอ?" เย่อู๋เหิงได้ยินมาเมื่อตอนบ่าย"ใช่ ร่วมมือกับทหารมังกรดำจับมาได้ ยังดีที่เขาไม่ตาย" มู่จิ่วซียังคงดีใจอยู่เลย"เจ้าเก่งกาจจริงๆ ขนาดนี้เจ้ายังคาดเดาได้ แล้วยังจับเป็นเขาได้อีก เกรงว่าต่อให่หวางชิวกัดยาพิษ เจ้าเองก็คงคาดการณ์ไว้แล้ว" เย่อู่เหิงหัวเราะยิ้มแย้มขึ้นมา"แน่นอนอยู่แล้ว หวางชิวคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา จากปากคำของจ้วงชิงเหมย รู้สึกว
ถึงอย่างไรก็ทำให้เฟิ่งหล่าวคนหกคุ้มคลั่งได้ และก็สามารถให้จักรพรรดิมีข้ออ้างในการคุกคามชายแดนของแคว้นเกาอวิ๋นมู่จิ่วซีรู้สึกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน ดูเหมือนเซียวหลิงเย่ว์จะไม่ได้พูดความจริง"อู่เหิง เรื่องนี้เจ้าห้ามคุยกับใครทั้งนั้น ที่แท้เซียวหลิงเย่ว์ก็ไม่ใช่คนซื่อสัตย์" มู่จิ่วซีต้องการจะฉีกโฉมหน้าแท้จริงของนางออกมาไม่งั้นโม่จุนคงจะคิดว่านางเองอคติกับเซียวหลิงเย่ว์ เอาแต่ทำรายชื่อเสียงของเซียวหลิงเย่ว์เย่อู่เหิงพยักหน้า จากนั้นก็กล่าว : "แคว้นเป่ยจิ้นต้องการทำสงครามงั้นรึ? ข้าเห็นว่าท่านพ่อเจ้าวิตกกังวลมาก""ไม่มีทาง แคว้นเป่ยจิ้นก็แค่วางมาดใหญ่โตตบตาคนอื่นก็เท่านั้น" มู่จิ่วซียิ้วกล่าว "เจ้าวางใจเถอะ อ้อ ใช่แล้ว ทางด้านเจ้ามีอะไรน่าสงสัยไหม"เย่อู่เหิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและถามขึ้นมา : "ไม่ได้มีเรื่องอะไรพิเศษ จับกุมไส้ศึกไม่จำเป็นต้องถึงศาลต้าหลี่ พวกเราก็แค่ช่วยได้ก็ช่วยเท่านั้น ที่เจ้าบอกให้ข้าหาคนระดับสูง โดยพื้นฐานก็อยู่ภายในค่ายทหาร ที่เหลือก็คือท่านผู้สำเร็จราชการแทนและใต้เท้าโจวเหยาพวกนี้ พวกคนหนุ่มมีอายุน้อย แต่ว่าข้ากำลังไล่ตรวจสอบ"มู่จิ่วซีพยักหน้าอย่างครุ่นคิดแล
แน่นอนมู่จิ่วซีจะไม่ยอมเปิดเผยว่าของน่าสนุกๆ คืออะไร เย่อู่เหิงก็กลับพร้อมกับหัวใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ พร้อมกับเฝ้ารอมื้ออาหารกลางวันในวันพรุ่งนี้พอนึกถึงโม่จุนและฮั้วอวิ๋นเทียน เขาก็รู้สึกกลุ้มใจขึ้นมา สองคนนั้นต่างหากที่เป็นตัวละครหลัก ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะมาหรือไม่มู่จิ่วซีหลังจากกำหนดเรียบร้อยแล้วก็เรียกชิงเฟิงเข้ามา นางเขียนจดหมายเชิญสองฉบับ ฉบับหนึ่งให้ไปส่งโม่จุน อีกฉบับแน่นอนว่าให้ไปส่งที่หอดาราจันทราจากนั้นนางก็กลับไปที่เรือนเพื่อจัดการข้าวของต่างๆ"คุณหนู ท่านกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?" ลู่เอ๋อร์เห็นคุณหนูของนางเองเดี๋ยวก็ทำท่อนไม้ เดี๋ยกว็ไปทำเหล็กเส้น ดูแล้วเหมือนกับกำลังยุ่งวุ่นวาย รู้สึกราวกับว่าคุณหนูกำลังจะเอาใช้ทำอะไรกับศพอีกแล้วลู่เอ๋อร์ตั้งแต่ได้ยินว่าคุณหนูชนะการแข่งประลองเย็บปักถักร้อยของสองแคว้นในรายการแรกเพราะว่านางนั้นเย็บศพมา นางก็หวาดกลัวในใจ เอาแต่คิดว่าทุกครั้งที่คุณหนูไม่ได้พานางออกไปด้วย นางคงไปช่วยงานที่ป่าช้าใช่ไหม?พอภาพจิตนาการเริ่มชัดเจน ก็ทำให้ลู่เอ๋อร์เริ่มเอาแต่คิดว่ามู่จิ่วซีทำแต่ของแปลกๆ ในใจของนางเอาแต่คิดฟุ้งซ่าน"แน่นอนว่ามันคือของน่าสนุก
"คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองตระกูลไป๋กำลังเดินทางมาขอรับ""ดี มีคนคอยคุ้มกันรึเปล่า?""มีขอรับ ทหารมังกรดำแอบเฝ้าคุ้มกันไว้" เย่ฮานกล่าวมู่จิ่วซีก็พยักหน้า ถึงอย่างไรตอนนี้นางตอนนี้ก็เป็นบุคคลมีอิทธิพลในยุคสมัย ไม่รู้ว่าในเงามือมีมากมายกี่คนจับตามองนาง ส่วนเพื่อนของนาง ไม่แน่ก็อาจแฝงด้วยอันตราย ดังนั้นนางจึงต้องได้รับการคุ้มครองจากทุกคนไม่นานนัก ชิงเฟิงและก็มาหาและยิ้มกล่าว : "คุณหนูใหญ่ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนออกจากจวนมาแล้วขอรับ""มุ่งหน้ามาที่นี่ใช่ไหม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วถาม"ใช่ขอรับ เขามาอานเย่ออกมาด้วย" ชิงเฟิงกล่าวมู่จิ่วซีก็ยิ้มและพยักหน้ากล่าว : "ยังดีที่เขามา ไม่งั้นข้าคงได้ผิดคำพูดกับไป๋เฟิ่งหว่านแน่""ท่านผู้สำเร็จราชการแทนใส่ใจกับเรื่องของคุณหนูใหญ่มาก" ชิงเฟิงกล่าว"เจ้าก็รู้?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วมองชิงเฟิงชิงเฟิงก็ยิ้มหัวเราะและกล่าว : "นี่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่ท่านมีความสามารถโดดเด่น จนท่านผู้สำเร็จราชการแทนนับถือท่านหรอกเหรอ?""พูดได้ดี เดี๋ยวกลับไปจะให้รางวัล" มู่จิ่วซีหัวเราะเสียงดังก้องชิงเฟิงทันใดนั้นก็ใบหน้าทำทะมึน เย่ฮานก็หัวจนกุมท้องตัวงอพวกเขาแต่ก่อนต่างล้