เวลาสองทุ่ม รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งค่อย ๆ ขับเข้าไปในคฤหาสน์สตาร์ริเวอร์ ไมค์ได้ยินเสียงจึงเดินออกมาจากคฤหาสน์ “ฟู่สือถิง คุณมาทำอะไรดึกดื่น?” ไมค์ล้อเลียนเสียงเย็นชา “คุณบอกว่าจะมาตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ? ฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว บ่ายของคุณนี่ไม่เหมือนบ่ายของคนอื่นสินะ?” ฟู่สือถิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาเข้มขรึม “ผมมาตอนบ่ายกับมาตอนนี้มันต่างกันตรงไหน?” “ต่างกันอยู่แล้ว ถ้าคุณมาตอนบ่าย ฉินอันอันจะอยู่บ้าน แต่ถ้าคุณมาตอนนี้ ฉินอันอันไม่อยู่บ้านหรอก” ไมค์ยืนอยู่ในลานบ้านโดยไม่คิดที่จะเปิดประตู “งั้นผมไม่เชิญคุณเข้ามาก็แล้วกัน” ฟู่สือถิงตึงเครียด “เธอไปไหน?” “คุณบอกผมมาก่อนสิว่าตอนบ่ายคุณไปทำอะไรมา? ตอนแรกบอกว่าจะมาตอนบ่าย แล้วทำไมไม่มา?” ไมค์ถามอย่างมั่นใจ ลูกกระเดือกของฟู่สือถิงกลิ้งขึ้นลงและเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เมื่อตอนบ่ายนั่วนั่วออกจากโรงพยาบาล ผมก็เลยไปรับเธอไปส่งที่บ้าน ครอบครัวของเธอยืนกรานที่จะรั้งผมให้ทานมื้อเย็นด้วยกัน ผมจึงปฏิเสธไม่ได้” ไมค์หัวเราะเยาะ “ถ้าครอบครัวของเธอสั่งให้คุณค้างคืน คุณก็คงปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม?” ฟู่สือถิง “ค้างคืนแล้วไงล่ะ? คุณไม่มีสิทธิ
“งั้นเราอย่าไปพูดถึงเขาเลย” เว่ยเจินยิ้ม “วันนี้ดึกแล้ว ฉันต้องส่งอิ๋นอิ๋นกลับบ้านก่อน ไว้เราค่อยนัดกันใหม่นะ!” ฉินอันอันดูนาฬิกาแล้วพยักหน้า “พี่ไปก่อนเถอะ! ฉันจะนั่งสักพักแล้วคอยกลับ” เมื่อตอนบ่ายเธองีบหลับค่อนข้างนาน ตอนนี้จึงรู้สึกดีขึ้นแล้ว ลูกทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน เธอกลับบ้านไปก็รู้สึกเบื่อ ดังนั้นเธอจึงอยากอยู่ข้างนอกสักพักหนึ่ง เธอเป็นคนนัดทานอาหารเย็นในคืนนี้ เธอเอาของฝากจากประเทศบีมาให้เขาทั้งสอง หลังจากที่พวกเขาออกไป เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าและเห็นข้อความจากไมค์ : เขาไปแล้ว! เธอกลับมาได้แล้ว! ฉินอันอันตอบกลับ : ฉันไม่ได้ออกมากินข้าวนอกบ้านเพียงแค่จะหลีกเลี่ยงเขา นายช่วยหยุดคิดว่าฉันขี้ขลาดขนาดนั้นได้ไหม? ไมค์ : ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น! ฉันอยากให้เธอรีบกลับ ดึกแล้ว ข้างนอกไม่ปลอดภัย! ฉินอันอัน : ความปลอดภัยในที่สาธารณะของประเทศเราดีมากเลยนะ นายว่างขนาดนี้ทำไมไม่ไปเดทล่ะ? ไมค์ : ไม่ได้เจอเธอตั้งหลายวัน ฉันอยากใช้เวลาอยู่กับเธอบ้าง! ฉินอันอัน : งั้นฉันจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ หลังจากส่งข้อความเสร็จ เธอก็หยิบกระเป๋าแล้วออกจากร้านอาหาร บ้านตระกูลฟู่
ไมค์เหลือบมองฉินอันอันแล้วถาม “เธออยากลงไปคุยกับเขาไหม?” ดูเหมือนว่าฉินอันอันจะไม่ได้ยินที่เขาพูด สายตาของเธอมองไปนอกหน้าต่างรถ วิญญาณของเธอถูกชายข้างนอกพาไปแล้ว ไมค์หยุดรถแล้วเปล่งเสียง “อันอัน ลงไปคุยกับเขาสิ” ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกตัวพลันเปิดประตูแล้วลงจากรถ ตอนที่เธอนั่งอยู่ในรถมีเครื่องปรับอากาศอยู่ เธอจึงไม่รู้สึกถึงความร้อนของภายนอก เมื่อเธอลงจากรถ คลื่นความร้อนก็ปะทะใบหน้าของเธอ ทำให้มีเหงื่อบาง ๆ ไหลออกมาบนหน้าผากเธออย่างรวดเร็ว เธอเห็นว่าผิวหน้าของฟู่สือถิงขึ้นสีแดงจากการถูกแสงแดดดา หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ และเสื้อเปียกโชกจนเกาะติดกับผิวหนัง เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาต้องท่ามกลางความร้อนที่แผดเผาแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว “คุณฉิน ในที่สุดคุณก็กลับมา ถ้าคุณไม่กลับ วันนี้ชีวิตเจ้านายของผมคงจบสิ้นที่นี่แล้ว” บอดี้การ์ดของฟู่สือถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เรามาที่นี่ตั้งแต่แปดโมงเช้าและรอจนกระทั่งตอนนี้เลยนะครับ!” ฉินอันอันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ และร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อย! เมื่อนึกถึงว่าเขาใช้เวลาทั้งวันอยู่กลางแสงแดด ทำให้เธอไม่สามารถระงับความโ
หลังจากที่เธอพูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นบน วันนี้วิ่งเต้นแยู่ข้างนอกทั้งวัน ตอนนี้ร่างกายจึงอ่อนเพลียมาก หลังจากที่ไมค์มองเธอขึ้นไปชั้นบน เขาก็อุ้มรุ่ยลาแล้วเดินออกไป ทั้งสองมาที่ตู้เอทีเอ็ม ไมค์ค่อย ๆ สอดบัตร รหัสผ่านเขียนไว้ด้านหลังการ์ด เป็นวันเกิดของฉินอันอัน ดังนั้นจึงง่ายต่อการจดจำ หลังจากป้อนรหัสผ่าน ไมค์ก็กดปุ่มตรวจสอบ จู่ ๆ เลขศูนย์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ “...” ไมค์ถึงกับตาลาย! รุ่ยลาอุทาน “ลุงไมค์! มีเงินเท่าไหร่คะ?! เลขศูนย์เยอะจนนับไม่ถ้วนเลย! อุ๊ย!” ตัวเลขพวกนี้เกินกว่าความรู้ของรุ่ยลา ไมค์กระแอมแล้วปล่อยมือและนับเลขบนหน้าจอ จู่ ๆ รุ่ยลาก็ชี้ไปที่หมายเลขแรกบนหน้าจอแล้วพูดเสียงดังว่า “อันนี้เลขเจ็ดค่ะ” ไมค์ “...ที่รัก เธอขัดจังหวะลุงนะ! ลุงนับถึงไหนแล้วเนี่ย? โธ่!” “ลุงไมค์งี่เง่า! ถ่ายรูปแล้วเอาไปกลับไปถามแม่สิคะ! แม่หนูเห็นแวบแรกก็รู้แล้วค่ะ! ไม่ต้องนับนานเหมือนลุงหรอก!” รุ่ยลาทำหน้ามุ่ย “หรือไปถามแฟนของลุงก็ได้! เขาต้องฉลาดกว่าลุงแน่ ๆ!” ไมค์หน้าแดงเมื่อถูกยั่วยุ “รุ่ยลา ลุงรู้ว่าเท่าไหร่ ไม่ต้องนับหรอก เจ็ดพันล้าน” เนื่องจากฉินอันอันยั
เธอลุกขึ้นจากเตียงและจ้องไปที่หมายเลขโทรเข้าสักครู่ก่อนที่จะเผลอรับสาย คิดไม่ถึง หลังจากเชื่อมต่อสายแล้ว หน้าต่างวิดีโอก็ปรากฏขึ้น “แม่!” เสียงของเสี่ยวหานดังชัดเจน ฉินอันอันเห็นใบหน้าของเสี่ยวหานและพูดอย่างตื่นเต้น “เสี่ยวหาน! ลูกวิดีโอคอลหาแม่ได้ยังไง?” “ผมพิชิตเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้แล้วครับ แล้วโทรด้วยบัญชีเสมือน” เสี่ยวหานแสดงรอยยิ้มแบบที่หาได้ยาก “แม่ รุ่ยลากลับมาแล้วรึยังครับ?” “กลับมาแล้ว แต่เธอเพิ่งออกไปกับลุงไมค์ ยังไม่กลับเข้ามาเลย” ฉินอันอันยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวหาน ลูกชินกับการอยู่ที่นั่นหรือยัง? เมื่อวานครูโทรหาแม่และบอกว่าลูกรู้จักเด็กต่างชาติสองสามคน” “แม่ครับ ผมโตแล้ว แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” น้ำเสียงของเสี่ยวหานฟังดูเป็นลูกผู้ชาย “แม่จะไม่เป็นห่วงลูกได้ยังไงล่ะ? ถึงลูกจะโตแล้ว แม่ก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่ดี” ฉินอันอันมองหน้าลูกชายของเธอ มองเท่าไหร่ก็ไม่พอ “อีกตั้งสิบวันกว่าจะได้เจอลูก!” “แม่ ผมจะโทรหาแม่ทุกคืนเลย ตกลงไหม?” “แบบนี้ผิดกฏหรือเปล่า?” ฉินอันอันถามอย่างกังวล “ถ้าคุณครูรู้จะโดนดุไหม?” “ไม่เป็นไรครับ ครูรู้ว่าผมวิดีโอคอลหาแม่ ผมวิดีโอคอลหาแม่
เสี่ยวหานวางสายวิดีโอ ไมค์อยากจะหัวเราะ แต่เมื่อเห็นสีหน้าสับสนอย่างน่ารักของรุ่ยลา เขาก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ เมื่อพวกเขาถึงกลับบ้าน ฉินอันอันจับมือเล็ก ๆ ของรุ่ยลา ก่อนที่เธอจะพูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูด รุ่ยลาก็ชิงพูดก่อน “แม่คะ แม่ว่าหนูน่ารักไหมคะ?” “น่ารักสิ! รุ่ยลาของแม่เป็นเด็กน้อยที่น่ารักที่สุดในโลกเลย” “งั้นรอหนูเป็นดาราดัง หนูจะเอาเงินทั้งหมดที่หามาได้ให้แม่ดีไหมคะ? หนูเพิ่งบอกพี่ว่าจะให้เขาครึ่งหนึ่ง แต่เขาไม่เอา” ดวงตาของรุ่ยลาเป็นประกายราวกับดวงดาวและเต็มไปด้วยความหวัง จิตใจของฉินอันอันว่างเปล่าไปชั่วขณะ ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางคุยกับลูกสาวของเธอได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงพูดกับจิ้นซือเหนียน เธอส่งข้อความถึงจิ้นซือเหนียน เพื่ออธิบายเรื่องที่เธอคัดค้านไม่ให้รุ่ยลาเข้าวงการบันเทิง ครึ่งชั่วโมงต่อมาจิ้นซือเหนียนจึงตอบเธอ : แม้ว่ารุ่ยลาจะยังเด็ก แต่เราควรเคารพการตัดสินใจของเธอสิ วงการบันเทิงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ผมจะปกป้องเธอและจะไม่ปล่อยให้เธอเสียใจแน่ เชื่อผมสิ การเจรจาล้มเหลว เธอได้แต่ครุ่นคิดอย่างหนัก หากเคารพการตัดสินใจของรุ่ยลา และปล่อยให้เธอทำงานในว
ถ้าเสิ่นอวี๋ไม่เอ่ยชื่อของฟู่เย่เฉิน เธอคงลืมไปแล้วว่าชายคนนี้ยังมีชีวิตอยู่! หลังจากเลิกกันเมื่อหกปีที่แล้ว เธอก็อกหักเพราะผู้ชายคนนี้ นับตั้งแต่เธอตกหลุมรักฟู่สือถิง สายตาและหัวใจของเธอก็ไม่หวั่นไหวกับผู้ชายคนอื่นอีกเลย แล้วเธอจะไปแย่งฟู่เย่เฉินอย่างที่เสิ่นอวี๋พูดได้ยังไง! ไร้สาระจริง ๆ! เมื่อบอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกลเห็นเสิ่นอวี๋เคลื่อนไหว เขาก็รีบวิ่งเข้าไปเตะที่เอวของเสิ่นอวี๋! เสิ่นอวี๋ปล่อยมือของฉินอันอันด้วยความเจ็บปวดและล้มลงข้าง ๆ “ฉันกำลังตั้งท้อง! แกกล้าดียังไงมาเตะฉัน?! ถ้าลูกของฉันเป็นอะไรไป ฉันจะฆ่าแกและฝังลูกของฉันไปพร้อมกับแก!” เสิ่นอวี๋นอนร้องไห้อยู่บนพื้น บอดี้การ์ดและเลขาที่อยู่รอบ ๆ วิ่งเข้ามา เลขามองผมที่ยุ่งเหยิงของฉินอันอันและเข้าช่วยเธอทันที “ประธาน คุณเป็นอะไรไหมคะ? ให้ฉันช่วยพาคุณเข้าไปหวีผมก่อน” ฉินอันอันมองเสิ่นอวี๋ที่อยู่บนพื้นด้วยดวงตาสีแดงเข้ม “ประธาน ผมควรทำยังไงกับผู้หญิงบ้าคนนี้ดีครับ?” บอดี้การ์ดถาม ฉินอันอันพูดน้ำเสียงเคร่งเครียด “รีบพาเธอและรถของเธอออกไปให้พ้นทาง ! เธอไม่ได้รับอนุญาต ออกไป! ไว้ฉันจะคิดบัญชีกับเธอทีหลัง!” บอ
“เสิ่นอวี๋ ที่คุณบอกว่าฉันแย่งฟู่เย่เฉินไป คุณเห็นฉันอยู่กับเขาเหรอ?” ฉินอันอันยืนอยู่ข้างรถแล้วถามเธอ “คุณโทรเรียกฟู่เย่เฉินออกมาคุยกันต่อหน้าตอนนี้เลย!” “ไม่! ถ้าเขารู้ว่าฉันมาหาคุณที่นี่ เขาต้องขอเลิกกับฉันแน่นอน!” เสิ่นอวี๋พูดด้วยความเจ็บปวด “ฉันเห็นรูปถ่ายคุณสองคนอยู่ด้วยกันที่ผับ! เขายอมรับหมดแล้ว! คุณยังปฏิเสธอีกเหรอ?!” “ผับเหรอ ฉันไม่เคยไปสถานที่แบบนั้นเลยนะ! ถ้าเขาไม่โกหกก็จำคนผิดแล้วแหละ!” ฉินอันอันพูดทีละคำ “มีผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาคล้ายฉันมากชื่อว่านั่วนั่ว ทางที่ดีคุณควรไปสืบให้แน่ชัดว่าผู้หญิงที่เขาถ่ายรูปด้วยในผับชื่อนั่วนั่วหรือเปล่า!” “แต่ฟู่เย่เฉินบอกว่าเป็นคุณ!” เสิ่นอวี๋ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉินอันอัน ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็เคยทะเลาะกันมาก่อน “งั้นคุณก็เกลียดฉันต่อไปเถอะ!” ฉินอันอันตอบอย่างเย็นชา “ปัญหาของคุณกับฟู่เย่เฉิน ไม่ต้องเอามาโยนใส่ฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะสั่งให้บอดี้การ์ดโยนคุณออกไป” เสิ่นอวี๋คว้าเอวที่ปวดของเธอและร้องไห้โฮ “ถ้าลูกในท้องของฉันเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ยอมให้ลูกของคุณเกิดมาง่าย ๆ แน่นอน!” ฉินอันอัน “ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ