"ท่านพี่ การที่ชายมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก มีกี่คนกันที่สามารถรักและทะนุถนอมมีเพียงภรรยาคนเดียวเช่นพี่เขย?"เมื่อกล่าวถึงอันติ้งโหว น้ำเสียงของเซี่ยอี๋หมู่ก็ดูอิจฉานางขึ้นอีกว่า "ถึงอย่างไร เรือนด้านหลังของจวนจ้านอ๋องก็ต้องมีคนใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา หากจะปล่อยให้คนข้างนอกเข้ามารังแก สู้เอาคนของเราเองเข้าไปเสียดีกว่า จะได้ค่อยมีคนช่วยเหลือ""เอาเถิดข้าจะลองไปถามดู" อันติ้งโหวฮูหยินถอนหายใจ"เช่นนี้ก็ถูกแล้ว"เซี่ยอี๋หมู่เข้ามาโอบแขนอันติ้งโหวฮูหยินด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมแต่ในใจของนางยินดียิ่งนักเซี่ยเชียนฮวันมีนิสัยดื้อด้าน การดูแลรับใช้ชายหนุ่ม ไม่อาจสู้กับซวี่เอ๋อร์ของนางได้เลยเมื่อขับไล่อนุภรรยาคนนั้นออกไปแล้ว ถึงเวลาค่อยจัดการเซี่ยเชียนฮวัน ตำแหน่งพระชายาจ้านอ๋องก็จะเป็นของซวี่เอ๋อร์ไม่ใช่หรือ?......เซี่ยเชียนฮวันถูกเซียวเย่หลันลากตัวกลับมาที่จวนอ๋อง ก่อนจากไป นางเหลือบเห็นอันติ้งโหวฮูหยินทำสีหน้าเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดผ่านไปประมาณสองวันพวกเขาไม่ได้ข่าวคราวของชายคลุมหน้าในคืนนั้น แต่กลับมีข่าวอื่นขึ้นมาได้ยินว่าซููอวี้เออร์ป่วยอีกแล้
"เสี่ยวตง พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่า"เซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติไปตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดที่ถนนด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คนคึกคักตอนนี้ในใจของนางสัมผัสได้ถึงคำเตือนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวตงยังคงยิ้มขึ้นด้วยความไร้เดียงสา “บ่าวจะไปจูงรถม้ามาเดี๋ยวนี้เพคะ" หลังจากนั้นไม่นานรถม้าก็มาจอดอยู่ที่ประตูหอละครเซี่ยเชียนฮวันขึ้นรถม้าไปแล้วยกผ้าม่านขึ้นมอง เห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างในด้วยท่าทางผ่อนคลาย!ชายผู้นั้นสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์ที่ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ ขาของเขายกขึ้นเอนกายพิงมาที่เบาะ รังสีชั่วร้ายแผ่ซ่านออกมา"พระชายาอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง" ชายหนุ่มหรี่ตาลงแล้วยิ้มขึ้นเซี่ยเชียนฮวันจำได้ทันทีว่าเขาคือชายผู้สวมหน้ากากในคืนนั้น!"นางเผยสีหน้าอันประหลาดใจออกมา ยังไม่ทันพูดสิ่งใดชายสวมหน้ากากผู้นั้นก็ดึงนางเข้าไป แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ชุบด้วย ยาสลบปิดจมูกนาง"อือ อือ......" เซี่ยเชียนฮวันพยายามดิ้นรนแต่ชายสวมหน้ากากผู้นั้นมีพลังล้นหลามและศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง พลังเพียงเล็กน้อยของนางไม่อาจต่อต้านเขาได้เลยเขาโน้มตัวลงมาแล้วหัวเราะเบา ๆ ที่ข้างหูเซี่ยเชียนฮวันว
ภายในป่าสายลมยามค่ำคืนพัดโชยใบไผ่ปลิวไหวเซียวเย่หลันกำลังขี่ม้ารีบเร่งไปทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนวิ่งตามมาจึงได้บังคับหยุดบังเหียน"ท่านอ๋อง!"พบว่าเป็นเย่ซิ่นขี่ม้าสีดำมา ด้านหลังมีเสี่ยวตง ซึ่งทั้งสองกำลังไล่ตามเซียวเย่หลันมาเพื่อรั้งเขาไว้เซียวเย่หลันหันไปมองเสี่ยวตงที่ได้รับบาดเจ็บ “พวกเจ้ามาทำอะไร?""ท่านอ๋องเพคะ พระชายาถูกจับตัวไป!"เสี่ยวตงรู้สึกกระวนกระวายใจจนกลิ้งตกลงมาจากหลังม้าเซียวเย่หลันได้ยินดังนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อยเขาเพิ่งจะเดินทางจากมา เหตุใดสตรีผู้นั้นจึงถูกจับไปได้มีคนกำลังจับตามองการเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่จริง ๆ เย่ซิ่นลงจากหลังม้าแล้วพยุงเสี่ยวตงขึ้น กล่าวด้วยความกระวนกระวายใจว่า “ในวันนี้พระชายาอ๋องและเสี่ยวตงเดินทางไปดูละคร ตอนกลับมาในรถม้ามีชายสวมหน้ากากคนหนึ่งซ่อนอยู่ แล้วพาพวกนางทั้งสองลักพาตัวไปอยู่นอกเมือง""แล้วเจ้ากลับมาได้อย่างไร"เซียวเย่หลันมองไปทางเสี่ยวตง ดวงตาของเขาดูแหลมคมเล็กน้อยเสี่ยวตงร่างกายสั่นเทาแล้วตอบว่า "ท่านอ๋องเพคะ ชายผู้นั้นจับตัวบ่าวและพระชายาอ๋องไปไว้ในกระท่อมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ภูเขาลู่อู่ ตอนที่บ่าวลืมตาขึ้นม
หากว่าเซียวเย่หลันมีแววตาที่แหลมคมแบบนี้เขาจะถูกซูอวี้เออร์ที่เสมือนดอกบัวขาวหลอกจนหัวหมุนได้อย่างไร เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมาแล้วกล่าวว่า "ต่อให้นางคณิกาชอบประกาศตนว่าดังนั้น แต่ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าซูอวี้เออร์สกปรกใจง่าย ดูเหมือนว่า จะรู้อดีตนางเป็นอย่างดี" "พระชายาจ้านอ๋อง เจ้าฉลาดเฉลียวยิ่ง" ชายสวมหน้ากากยิ้มขึ้นว่า"ข้าเพียงแค่พอจะมีความลับเล็กน้อยของทุกคนไว้ในมือ" เซี่ยเชียนฮวันเม้มริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อยประโยคนี้ของเขาหมายความว่า อีกฝ่ายกำลังบอกตนว่ามีความลับอยู่ในมือไม่น้อยไม่เพียงแค่ซูอวี้เออร์ แม้แต่ตัวนางเองก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่เซี่ยเชียนฮวันคงไม่เกรงกลัวง่าย ๆ เพราะเรื่องนี้ในความทรงจำของนาง ต่อให้นางทำผิดนางก็บอกกับคนอื่นอย่างตรงไปตรงมาเพราะมีไทเฮาคอยหนุนหลัง ใครจะทำอะไรนางได้ดังนั้นต่อให้ชายสวมหน้ากากรู้ความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตน คาดว่าความลับเหล่านั้นก็คงถูกทุกคนรู้ไปหมดแล้ว นางจึงไม่จำเป็นต้องกลัวคำข่มขู่นางไม่ได้เอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของซูอวี้เออร์อีก สายตามองไปยังไก่ย่างอันเหลืองทองหอมกรุ่นตัวนั้น "เจ้ามีตัวตนเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ เหตุใดจึงมีฝีมือเ
คนในราชวงศ์มีแต่พวกโรคจิตเซี่ยเชียนฮวันแอบตำหนิอยู่ในใจแต่เขากลับไม่รู้ว่านักล่าที่เฉลียวฉลาดที่สุดจะปรากฏตัวตามท่าทีของสัตว์ที่ต้องการล่านางไม่แน่ใจว่าเซียวเย่หลันจะมาหรือไม่ และนางก็จะไม่รอคอยให้ชายคนใดมาช่วยตนด้วยความไร้เดียงสาสู้ช่วยตนเองดีกว่าหลังจากคิดได้แล้วเซี่ยเชียนฮวันก็แกล้งส่งเสียงออดอ้อนออกมา ท่าทีของนางเหมือนกับลูกสัตว์ป่าตัวน้อยที่ติดกับดัก มองไปทางชายสวมหน้ากากด้วยความน่าสงสาร "ในเมื่อเจ้าจะไม่ทำร้ายข้า เช่นนั้นแก้มัดให้ข้าก่อนได้หรือไม่"ชายหนุ่มหรี่ตามองนางพยายามครุ่นคิดถึงท่าทีของซูอวี้เออร์ ก่อนที่จะส่งแววตาอันน่าสงสารซึ่งแม้แต่ตัวนางเองที่ทำออกมาก็รู้สึกสะอิดสะเอียน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน“เชือกนี้ใหญ่เหลือเกิน ทำให้ข้าเจ็บไปหมดแล้ว" “ที่แท้เจ้าเจ็บนี่เอง มิน่าเล่า อยู่ ๆ จึงได้ว่าง่ายขึ้นมา" ชายสวมหน้ากากหันหลังเดินจากไปแล้วย่างไก่ของตนต่อเขาไม่ได้สนใจเซี่ยเชียนฮวันอีกเซี่ยเชียนฮวันกัดฟันกรอด วิธีนี้จัดการเขาไม่ได้จริง ๆ ด้วยแต่จะว่าไปก็ถูก หากชายสวมหน้ากากคนนี้นิสัยเหมือนกับเซียวเย่หลันชื่นชอบประเภทดอกบัวขาวผู้น่าสงสาร เขาคงไม่รู้ส
“โอ๊ย…”ชายปิดหน้าส่งเสียงออกมาชายที่ได้รับการโจมตีอย่างหนักหน่วงตรงจุดนั้น มันมิใช่เรื่องตลกเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเซี่ยเชียนฮวันยังเป็นหมออีกด้วยลงไม้ลงมือได้อย่างแม่นยำและโหดเหี้ยมมากเขาปล่อยเซี่ยเชียนฮวันออก เจ็บจนทรุดคุกเข่าลงกับพื้นและพูดไม่ออกเลยเดิมทีเซี่ยเชียนฮวันคิดจะฉวยโอกาสกระชากหน้ากากเขาด้วยซ้ำ อยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้วชายผู้นี้มีร่างกายกำยำแข็งแกร่ง หากยังพัวพันกับเขาต่อ เกรงว่าครึ่งชั่วยามเขาต้องหายจากความเจ็บและจุกนี้เป็นแน่เซี่ยเชียนฮวันหันไปเห็นไก่ย่างที่วางอยู่ข้าง ๆ นางพุ่งตัวไปคว้ามันมา และใช้มันทุบตรงจุดนั้นของเขา ทวีความเจ็บปวดอย่างน่าสังเวชให้เขาอีกครั้งชายปิดหน้า “...“เขาร้อนจนแทบทนไม่ไหวหญิงสาวผู้นี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก“ครั้งนี้นับว่าข้าให้บทเรียนแก่เจ้าก็แล้วกัน ต่อไปหากเจ้ากล้าดีลงมือกับผู้หญิงอีก ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นไก่ตอนเลยคอยดู!”เซี่ยเชียนฮวันพลางวิ่งหนี แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมาดุด่าชายปิดหน้ากัดฟันกรอดเขาพยายามจะไล่ตามเซี่ยเชียนฮวันไปทว่า ตรงนั้นของเขาเจ็บปวดทรมานยิ่งนัก ไม่แม้แต่จะลุกยืนได
“วันพรุ่งข้าจะส่งคนมารับเจ้ากลับจวน”เซียวเย่หลันกล่าวจบก็หันหลังเดินไปทันที!ซูอวี้เออร์เห็นเช่นนี้ก็ร้อนใจขึ้น รีบตามไป และกอดเซียวเย่หลันจากด้านหลัง!“ท่านอ๋อง ท่านไม่อยู่เป็นเพื่อนอวี้เออร์หรือเพคะ หลายวันที่ผ่านมานี้อวี้เออร์คิดถึงท่านทุกวันทุกคืน ขอเพียงแค่ได้เจอหน้าท่านสักครั้ง ต่อให้อายุสั้นลงสิบปีอวี้เออร์ก็ยอม”เมื่อก่อน เพื่อรักษาภาพลักษณ์บุปผาบนยอดเขาสูงของนางไว้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวเย่หลัน นางค่นข้างจะสงบเสงี่ยม สำรวมตัวให้สวยเพียบพร้อมอยู่ตลอดเวลาทว่า ตอนนี้เซียวเย่หลันกำลังจะไปนางมิอาจทนได้เซียวเย่หลันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกล่าวอย่างอดทนว่า “ข้ามีเรื่องด่วนต้องจัดการ”“มีเรื่องด้วนอันใดถึงขั้นมิอาจเลื่อนออกไปได้แม้แต่คืนเดียวกันเพคะ ท่านอ๋องไม่ได้เจออวี้เออร์นาน หรือว่า ท่านอ๋องไม่มีใจคะนึงถึงอวี้เออร์เลย”น้ำเสียงของซูอวี้เออร์เต็มไปด้วยความผิดหวังราวกับว่ากล่าวโทษเซียวเย่หลันว่าเป็นคนใจร้ายล้อเล่นกับความรู้สึกสตรีก็มิปานเซียวเย่หลันแกะมือนางออก “วันพรุ่งเจ้าก้จะได้กลับจวนแล้ว ข้าจะอยู่ต่อหรือไม่มันก็ไม่ได้ต่างกัน”“แต่ในสายตาหม่อนฉัน ค่ำคืนนี้หมายถึงหม่อ
“แม่นางซู อย่าทำเช่นนี้เจ้าค่ะ!”เหล่าบรรดาคนรับใช้รีบเข้าไปดึงห้ามนางเอาไว้เซียวเย่หลันทำได้เพียงแค่เดินเข้าไปโอบไหล่ซูอวี้เออร์ และกล่าวเสียงขรึมว่า “ไม่จำเป็นต้องแสวงหาความตายหรอก ข้าจะพาเจ้าไปด้วย”“จริงหรือเพคะ ท่านอ๋อง…”ซูอวี้เออร์ยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกเซียวเย่หลันเอามือสับท้ายทอยจนนางตาเหลือกมองบนและสลบหมดสติไปทันที“ดูแลอวี้เออร์ให้ดี วันพรุ่งค่อยส่งนางกลับเมืองหลวง” เซียวเย่หลันมอบซูอวี้เออร์ที่หมดสติให้กับสาวใช้ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้างๆ ส่วนเขาหันหลังเดินขึ้นหลังม้า และรีบควบม้าออกไปอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆมืดครึ้มไม่นานนักฝนก็ตกปรอยลงมาเซียวเย่หลันรู้สึกกลัดกลุ้มใจมากอย่างบอกไม่อาจอธิบายได้ ดูเหมือนว่าฝนที่ตกลงมานี้จะบ่งบอกเขาว่าแม้แต่สวรรค์ก็ขวางในการกลับไปของเขา และกำหนดไม่ให้เขาช่วยเซี่ยเชียนฮวันกลับไปได้……ในป่าเขาที่ฝนกำลังตกลงมา ทั้งเหน็บหนาวทั้งชื้นร่างของเซี่ยเชียนฮวันเต็มไปด้วยดินโคลน นางเดินอยู่ในป่าเขานานปานนั้น นางไม่อาจรู้ทิศทางแล้ว ทำได้เพียงแค่อาศัยสัญชาตญาณเดินหน้าไปเท่านั้นชั่วครู่หนึ่ง นางถึงกับคิดว่าจะกลับไปที่อารามผุพังน