รูปลักษณ์ภายนอกและภายในสามารถช่วยเสริมกันและกันได้การผัดหน้าทาปากคมเข้มก็เป็นการบอกตัวเองได้อย่างหนึ่งว่า ‘ข้าคือจักรพรรดินี’เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากให้คนอื่นดูว่านางเป็นคนอ่อนแอ อีกทั้งยังไม่อยากถูกมองว่าเป็นของเล่นให้คนแย่งชิงกันครั้นแล้วนางจึงเดินออกจากจวนไปนึกไม่ถึงว่าเซียวเย่หลันจะไม่ได้อยู่ที่ประตูจวน แต่กลับรอนางอยู่ระหว่างทาง“ไปที่ที่หนึ่งกับข้าก่อน” เขามองเซี่ยเชียนฮวันแวบหนึ่งพลางกล่าว“ที่ใด?”“ไปถึงเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”เซียวเย่หลันไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด เขาหันหลังเดินไปเพียงแต่ว่า เซี่ยเชียนฮวันสังเกตเห็นว่าก้าวเท้าของเขาเดินช้ากว่าปกติเล็กน้อยดูเหมือนว่าจงใจจะรอนางเซี่ยเชียนฮวันทำเสียงฮึดอัดออกทางจมูก และเดินตามหลังเขาไป นางเองก็อยากรู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด“วันนี้เจ้าไม่เหมือนไปชมดอกไม้เลย” เซียวเย่หลันกล่าวโดยไม่ได้หันหลังมามอง “เหมือนไปราชาภิเษกมากกว่า”“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย บุรุษล้วนแต่ชอบผู้บริสุทธิ์และงดงามเสมอ“เป็นมเหสีก็ยังดีกว่าเป็นผู้หญิงที่แสร้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าผู้ชายก็แล้วกัน” เซี่ยเชียนฮวัน
“ทำไม เจ้าหึงหวงอย่างนั้นหรือ ไม่ให้ข้ามองชายอื่นเลยอย่างนั้นหรือ ?”เซี่ยเชียนฮวันเหลือบมองเขาแวบหนึ่งดวงตาของเซียวเย่หลันมีความโกรธเกรี้ยวอยู่ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ต้องเลือกแล้ว ข้าจะให้พวกเขาไปเดี๋ยวนี้”“เดี๋ยวสิ ข้าเลือกคนนี้ก็ได้ ดูๆ แล้วร่างสูงกำยำดี หน้าตาก็หล่อใช้ได้ มาเป็นองครักษ์เงา ช่างไม่เหมาะเอาซะเลย”เซี่ยเชียนฮวันเอานิ้วจิ้มกล้ามของชายผู้เป็นองครักษ์เงาด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งองครักษ์เงารูปหล่อผู้นั้นก็อดที่จะเขินจะแก้มแดงไม่ได้“หลินซู่ ต่อไปเจ้ามีหน้าที่ปกป้องหญิงไร้ยางอายผู้นี้ ต่อไปหากมีคนคิดข่มขู่นางเอานางมาบีบบังคับข้าก็ฆ่ามันได้เลย” เซียวเย่หลันกัดฟันกรอดพลางกล่าวองครักษ์เงาที่ชื่อหลินซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวถามอย่างระมัดระวังว่า “ฆ่าคนร้ายนั่นหรือว่าฆ่าพระยาชาพ่ะย่ะค่ะ”“ฆ่าทั้งสองนั่นแหละ!”เซียวเย่หลันทำเสียงฮึดฮัดออกทางจมูก ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและเดินไปเข้าไปทางลับ“อย่าไปฟังเขา เจ้าบ้านั่นพูดด้วยความโกรธ” เซี่ยเชียนฮวันขยิบตาให้หลินซู่ “ชีวิตของพระชายาสำคัญที่สุด”“ห๊ะ…อ๋อ”หลินซู่ไม่เคยเห็นจ้านอ๋องเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย เขาจึง
“ขอบใจเจ้านะ ตอนที่ข้ากำลังสลึมสะลืออยู่ได้ยินคำพูดเหล่านี้พอดี ไม่มีประโยคดีๆ เลย ข้าก็เลยหลับไหลไปอีกครั้ง”เซี่ยเชียนฮวันเอนหลังพิงเบาะนุ่ม พลางกล่าวอยางเกียจคร้านเซียวเย่หลันนิ่งเงียบไปและทั้งสองก็เงียบไปตลอดทางจนกระทั่งรถม้าหยุดจอดลงตรงหน้าประตูจวนซวนซินอ๋องเมื่อเซียวเย่หลันเดินลงมาจากรถม้า ซูอวี้เออร์ลงมาก่อนแล้ว และนางวิ่งไปตรงหน้าเขา มองเขาดด้วยสายตารักใคร่“เข้าไปเถอะ”กลิ่นอายของเซียวเย่หลันลดลงอย่างเห็นได้ชัดซูอวี้เออร์เหลือบมองเซี่ยเชียนฮวันที่กำลังเดินลงจากรถม้าอย่างช้าๆ ในใจแอบสบถต่อว่า “นังสารเลวนี้ต้องทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจอีกเป็นแน่! ดูท่าท่านอ๋องจะยังเกลียดชังนางอยู่”ตลอดทาง ซูอวี้เออร์รู้สึกกลัดกลุ้มใจมาตลอดเพียงเพราะว่าเซียวเย่หลันเลือกที่จะนั่งรถม้ามากับเซี่ยเชียนฮวันตอนนี้นางกลับวางใจแล้ว นั่งรถม้ามาด้วยกัน บางทีก็ใช่ว่าจะสานสัมพันธ์ดีเสมอไป ยิ่งเกิดเรื่องขัดใจกันมากกว่าด้วยซ้ำ“เย่หลัน มาแล้วหรือ!”ซวนซินอ๋องออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเซียวเย่หลัน “เสด็จลุง”ซูอวี้เออร์เองก็กล่าวทักทายอย่างอ่อนหวานเช่นกันทว่า เมื่อซวนซินอ๋องเห็นซูอวี้เออร
“ท่านพี่ บุรุษก็มีเรื่องของบุรุษที่ต้องคุยกัน เราอยู่ตรงนี้มันจะดูไม่เหมาะสมเอานะเพคะ”ซูอวี้เออร์ยังคงทำตัวเป็นภรรยาที่ดี กล่าวตักเตือนเซี่ยเชียนฮวันผู้ไม่รู้กาลเทศะ ทว่า เซี่ยเชียนฮวันกลับยังคงมองหาที่มาของสายตานั้นอยู่ช่างยากเกินไปแล้วนางอยู่ห่างจากบุรุษเหล่านั้นมาก ระยะทางเช่นนี้ ต้องการตามหาว่าผู้ใดกำลังสอดแนมนางอยู่ มันเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก“ท่านพี่” ซูอวี้เออร์ดึงมือเซี่ยเชียนฮวันก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นางถึงรีบร้อนให้เซี่ยเชียนฮวันตามนางไปเช่นนั้นตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันไม่มีเวลาครุ่นคิดว่าหญิงสาวผู้นี้กำลังวางแผนคิดทำสิ่งใด หากนางยังไม่คิดหาวิธี คงต้องถูกลากตัวไปที่กลุ่มหญิงสาวเหล่านั้นและฟังเรื่องซุบซิบนินทาเป็นแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะยากที่จะหาตัวชายปิดหน้าผู้นั้นเจอนางเหลือบเห็นเซียวเย่หลันที่ยืนทำหน้าบิดเบี้ยวอยู่ข้างๆ ราวกับมีใครไปติดหนี้ ทันใดนั้นก็คิดแผนในใจขึ้นได้เซี่ยเชียนฮวันเบียดซูอวี้เออร์ไปข้างๆ ก่อนจะพรวดพราดเข้าไปเกาะแขนของเซียวเย่หลัน“เสด็จอาอยู่พอดีเลย เช่นนั้นได้โปรดเสด็จอาตัดสินด้วยเพคะ” นางจงใจกล่าวขึ้นมาเสียงดัง“ตัดสิน?
มาแล้วเซี่ยเชียนฮวันเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าครึ่งหน้า เปิดตาอันแหลมคมคู่นั้นของตนเองกวาดสายตามองไปที่ฝูงชนที่มุงดูอยู่เหล่านี้คนที่หัวเราะและเอ่ยปากกล่าวออกมาในเมื่อครู่ก็คือองค์ชายห้า นามว่าเซียวจ้านเซี่ยเชียนฮวันสังเกตท่ายืนของเซียวจ้านและกล่าวว่า “ในเมื่อแต่งงานแล้ว เขาก็ควรจะรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองให้ดีสิ มิเช่นนั้น หากคู่ที่แต่งงานกันไปแล้ว ต่อมาหากเจอคนที่ถูกใจในภายหลังก็สามารถทิ้งภรรยาตัวเองได้อย่างตามใจชอบเช่นนั้นหรือ อีกอย่าง หากเขาชอบซูอวี้เออร์มากถึงเพียงนั้นจริง เขาก็ฝืนพระบัญชาได้โดยการยอมสละถอดฐานันดรของตัวเองไปเป็นสามัญชนธรรมดา ถึงตอนนั้นอยากแต่งงานกับผู้ใดก็ย่อมทำได้ตามแก่ใจ หากไม่อาจสละฐานันดรเพื่อนางได้ ก็อย่าเอาเรื่องความรักมาพูดเป็นข้ออ้างเลย”คำพูดนี้ของนางทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น แต่เมื่อนึกคิดดูดีๆ คำพูดของนางก็มีเหตุผลมากเช่นกันและมีคนบางส่วนก็แสดงสีหน้าท่าทางชื่นชมในคำพุดของเซี่ยเชียนฮวันด้วยเซียวจ้านองค์ชายห้าส่ายหน้าไปมา และยิ้มพลางกล่าวว่า “พระชายาจ้านอ๋อง คำพูดนี้ของเจ้าช่างทิ่มแทงใจยิ่งนัก”“นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้หนึ่งจะมีดุลพินิจ
เซี่ยเชียนฮวันยังคงตั้งใจกวาดสายตาหาผู้ต้องสงสัยนั้นการสังเกตของนางมุ่งเน้นไปที่คนที่กำลังพูดต่อว่าเซียวเย่หลันผู้ใดยิ่งพูดเสียงดัง คนผู้นั้นก็ยิ่งน่าสงสัยหลังจากที่นางได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบของเซียวเย่หลัน นางยังไม่ทันตั้งตัว จึงเงยหน้ากล่าวออกมาคำหนึ่งว่า “ห๊ะ!”“หากช่วยคลายความโกรธให้เจ้าได้บ้างก็ดีแล้ว”กล่าวจบเซียวเย่หลันหันหลังเดินขึ้นไปที่ห้องโถงดื่มสุราเซี่ยเชียนฮวันโกรธจึงยิ้มเย้ยหยันออกมาบุรุษผู้นี้กระทำเร่องราวที่เกินไปหลายครั้งหลายครา อีกทั้งยังเกือบทำให้นางต้องตายตั้งหลายครั้ง ตอนนี้กลับมาทำสีหน้าท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ออกมาได้จะเสแสร้งให้ใครดูกัน“เดี๋ยวข้าจะใช้เหตุผลคุยกับเขาเอง ต่อไปจะให้เขาปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี” เซวียนชินอ๋องยังคงปลอบใจเซี่ยเชียนฮวัน“ขอบพระทัยเสด็จอามากเพคะ เสด็จอามีน้ำใจยิ่งนัก”เซี่ยเชียนฮวันกล่าวขอบคุณจากใจในราชสำนัก บุรุษที่อ่อนโยนกับสตรีมากถึงเพียงนี้มีไม่มากนักองค์ชายรองเซียวฉงยิ้มพลางกล่าวว่า “น้องสะใภ้ เหตุใดถึงขอบพระทัยแค่เสด็จอาล่ะ แต่ไม่ขอบคุณข้า ข้าก็ช่วยพูดแทนเจ้าด้วยนะ!”“ขอบพระทัยองค์ชายรอง”เซี่ยเ
ผู้คนที่มุงดูอยู่นี่ต่างแยกย้ายกันไปพอสมควรแล้วต้องการอาศัยงานเลี้ยงชมดอกไม้ในครั้งนี้เพื่อจับพิรุธชายปิดหน้า ดูท่าคงยากเกินไปแล้ว เซี่ยเชียนฮวันตัดสินใจว่าต่อไปคงต้องจับตาสังเกตองค์ชายหกผู้นั้นเป็นพิเศษสักหน่อยแล้ว “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ทันใดนั้นน้ำเสียงอันคุ้นเคยของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้นด้านหลังเซี่ยเชียนฮวันนางหันหลังขวับกลับมา ยังไม่ทันเห็นหน้าคนตรงหน้าชัด ของนุ่มๆ บางอย่างก็ชนกับเข่านางเสียก่อน“พี่สาว!”น้ำเสียงอันอ่อนนุ่มของเด็กดุจดั่งน้ำตาลสวรรค์ ทั้งหวานทั้งเลี่ยนเซี่ยเชียนฮวันไม่เพียงแต่ยิ้ม นางโน้มกายลงไปจับใบหน้าอันอวบอิ่มเล็กๆ ของเด็กน้อยผู้นั้น “เจ้าอีกแล้วหรือ! อาการป่วยเจ้าหายดีรึยังถึงได้ออกมาเดินเล่นเช่นนี้”“ข้าหายดีแล้ว ข้าเป็นถึงบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดเชียวนะ”เด็กน้อยอ้วนท้วมผู้นั้นสองมือไขว้หลัง หรี่ตาเล็กน้อย เหมือนกับกำลังเลียนแบบท่านปู่เขาผู้เป็นฮ่องเต้ ทำท่าทางสดใสเป็นพิเศษเซี่ยเชียนฮวันยิ่งมองก็ยิ่งยิ้ม นางพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ใช่ เจ้าเก่งกาจที่สุดแล้ว แล้วก็อ้วนที่สุดด้วย”“เสด็จแม่ นางรังแกข้าอีกแล้ว!”พระราชนัดดาน้อ
“กฎต้องห้ามของวัง หมอหลวงอย่างนั้นหรือ”เซี่ยเชียนฮวันได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้นพระชายาองค์รัชทายาทรู้สึกงุนงง นางกล่าวถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่เจ้าไม่รู้หรอกหรือ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน เย่หลันส่งคนมาในวังเพื่อเชิญหมอหลวงไป แต่ตอนนั้นยังไม่ถึงเวลาที่ประตูวังเปิด สุดท้ายเขาก็เลยบุกเข้ามา”“หม่อมฉันไม่รู้เรื่องนี้เพคะ”น้ำเสียงของเซี่ยเชียนฮวันเบาลงโดยไม่รู้ตัวพระชายาองค์รัชทายาทประหลาดใจเล็กน้อย “บางทีอาจเป็นเพราะว่าตอนนั้นเจ้ายังไม่ได้สติกระมัง แต่หลังจากที่เจ้าตื่น ไม่มีใครเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟังเลยหรือ”“เอ่อ…”หลังจากที่นางฟื้นขึ้นมา ก็ใช้ข้ออ้างว่าอยากรักษาตัว ไม่อยากเจอหน้าใครแม้ว่าเสี่ยวตงอยากเล่าให้นางฟังมากเพียงใด แต่ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเซียวเย่หลัน สีหน้าของนางก็ไม่สบอารมณ์ ทำให้เสี่ยวตงไม่อาจเล่าต่อไปให้นางฟังได้จนกระทั่งตอนตอนนี้ นางเพิ่งรู้ว่าเซียวเย่หลันไปเชิญหมอหลวงมารักษานาง“แล้วสุดท้ายเป็นเรื่องเป็นเช่นไรเพคะ ฮ่องเต้ลงโทษเขาหรือไม่” เซี่ยเชียนฮวันกล่าวถาม“เย่หลันรายงานต่อฮ่องเต้ว่าเจ้าถูกคนร้ายลักพาตัวไปตอนที่ออกไปเดินเล่น เจ้าได้รับบาดเจ็