“พระชายาองค์ชายรอง ได้โปรดระวังกิริยาด้วย”พระชายาองค์รัชทายาทหันกลับมากล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นสตรีผู้หน้าตางดงามด้วยเครื่องประทินโฉมจึงหยุดการกระทำลงแล้วจ้องไปยังเซี่ยเชียนฮวันตาเขม็ง ก่อนจะพาบ่าวรับใช้ทั้งหลายเดินทางจากไปอย่างสง่าผ่าเผย“ที่แท้นางคือพระชายาองค์ชายรอง?” เซี่ยเชียนฮวันเอ่ยถามด้วยความสงสัยพระชายาองค์รัชทายาทพยักหน้า “ใช่แล้ว เจ้าว่าไม่เหมือนหรือ”“ก็ไม่เชิง เพียงแต่องค์ชายรองดูใจดีมีเมตตา คิดไม่ถึงว่าจะเอาสตรีที่ใจคับแคบแปลกประหลาดเช่นนี้มาเป็นพระชายา” เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกได้ว่าท่าทีหยิ่งผยองของนางยิ่งกว่าเฉิงกุ้ยเฟยเสียอีกพระชายาองค์รัชทายาทถอนหายใจกล่าวว่า “เพราะนางคือบุตรสาวสายตรงของจวนอัครมหาเสนาบดี นามว่าหลี่จิ้งหย่า”“เป็นเช่นนี้นี่เอง”ที่แท้ก็เป็นบุตรสาวของผู้มีตำแหน่งใหญ่โตเช่นนั้นก็ไม่แปลก เหมาะสมกับความชื่นชอบขององค์ชายรองแล้วพระชายาองค์รัชทายาทกล่าวว่า “เจ้าอย่าเห็นว่าหลี่จิ้งหย่าดูมุทะลุดุดัน แท้จริงแล้วนางรอบคอบยิ่ง นางถูกเลี้ยงดูมาโดยอัครมหาเสนาบดี กลเม็ดต่างๆ หาได้แพ้เหล่าขุนนาง อีกอย่างทักษะธนูและการขี่ม้าของนางก็ยอดเยี่ยม หากเทียบกับข้
“เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้จ้านอ๋องนิสัยเยือกเย็นเพียงไร การบุกเข้าไปในพระราชวังเพื่อคนอื่น หากเป็นเมื่อก่อนนี้อย่าได้แม้แต่คิดว่าเขาจะทำ แม้แต่หลี่จิ้งหย่านอนหลับยังไม่กล้าฝันว่าตนจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้”พระชายาองค์รัชทายาทหัวเราะเบาๆ เซียวเย่หลันไม่รู้จะเอ่ยต่อไปเช่นไรดีในใจนางอารมณ์ซับซ้อนยิ่งนักท้ายที่สุดแล้วจึงได้หยิบยกเรื่องราวของพระราชนัดดาน้อยออกมา แล้วไปเล่นซ่อนหากับเขา“บอกไว้ก่อนเล่าว่าอย่าได้ไปซ่อนบริเวณที่มีน้ำ อย่าได้ไปในป่า ให้ซ่อนอยู่ในห้องเท่านั้น มิเช่นนั้นข้าจะไม่เล่นด้วย”เซี่ยเชียนฮวันยื่นนิ้วก้อยออกไปทางพระราชนัดดาน้อย“ก็ได้” พระราชนัดดาน้อยไม่พอใจนัก แต่ทำได้เพียงตอบตกลงเมื่อมองไปยังเจ้าหนูน้อยตัวอ้วนกลมวิ่งไปข้างหน้า เซี่ยเชียนฮวันก็อารมณ์ดีขึ้นมากทีเดียวนางเดินเล่นช้าๆ อยู่ในจวนเซวียนชินอ๋องแล้วค้นหาทีละห้องๆ ตรงมุมหักศอก เซี่ยเชียนฮวันเดินผ่านหญิงสาวคนหนึ่งไปทันใดนั้น หญิงสาวก็หยุดฝีเท้าลง หันกลับมายิ้มให้เซี่ยเชียนฮวัน “กำลังหาพระราชนัดดาน้อยอยู่หรือ?”“อืม”เซี่ยเชียนฮวันหยุดลงเช่นกันแล้วพยักหน้าตอบอย่างมีมารยาทหญิงสาวร่างเล็ก ใบหน้า
"นี่เจ้าหนู โซ่วหยางจวิ้นจู่ที่พูดถึง ใช่เด็กผู้หญิงหน้ากลมๆ ความสูงประมาณนี้หรือไม่"เซี่ยเชียนฮวันยกมือขึ้นเปรียบพระราชนัดดาน้อยพยักหน้าตอบว่า "ใช่แล้ว""หากเป็นนางพาเจ้ามาซ่อนที่จริงๆ แล้วทำไมจึงต้องบอกข้า... "เซี่ยเชียนฮวันหันกลับไปพึมพำกับตนเองหากคิดในแง่ดี แม่หนูน้อยก็แค่ต้องการแกล้งซนหากคิดในแง่ร้ายล่ะก็ นางมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจที่ไม่อาจบอกใครได้ แล้วจงใจดึงดูดทั้งสองคนมาที่นี่และเกรงว่าความเป็นไปได้อย่างหลังจะมากกว่า"เราอยู่ต่อที่นี่ไม่ได้แล้ว รีบไปกันเถอะ"เซี่ยเชียนฮวันเข้าไปจูงมือพระราชนัดดาน้อยไว้ขณะที่นางกำลังจะจากไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากบริเวณที่พระราชนัดดาน้อยซ่อนตัวเมื่อครู่ ราวกับว่ามีหนังสือตกลงมาเซี่ยเชียนฮวันจึงทำได้เพียงกลับไปเก็บตอนที่นางย่อตัวลงเก็บหนังสือที่กระจัดกระจายเหล่านั้นขึ้นมา ได้บังเอิญเหลือบไปเห็นเนื้อหาข้างในเนื้อหานั้น......เป็นหนังสือนิยายภาพประกอบมากมาย"ที่แท้มีคนชอบแอบมาอ่านหนังสือนิยายที่นี่หรือ" เซี่ยเชียนฮวันยิ้มขึ้นเบาๆ แต่ในไม่ช้า นางก็ยิ้มไม่ออกเนื่องจากนางพบว่าหนังสือเหล่านี้เป็นเนื้อหาของชายรักชาย อีก
"ท่านแม่ข้าเคยบอกว่ามีเพียงเทพเจ้าเท่านั้นที่สามารถบินบนฟ้าได้ เครื่องบินของเจ้า เก่งเช่นเดียวกับเทพเจ้าหรือ?"พระราชนัดดาน้อยทำสีหน้ารอคอยเซี่ยเชียนฮวันหัวเราะขึ้น "มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า อ้อนวอนเทวดาฟ้าดินไม่สู้กับช่วยเหลือตนเอง หากคนเราพยายามมากพอ ต่อให้ไม่ต้องอาศัยพลังวิเศษของเทพเจ้า ก็สามารถทำเรื่องใหญ่โตสำเร็จได้เช่นกัน”"เอ่อ..."พระราชนัดดาน้อยฟังดูเหมือนไม่เข้าใจตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าใจคำพูดของเซี่ยเชียนฮวันได้ทั้งหมด แต่เขาก็จดจำประโยคนี้เอาไว้อย่างลึกซึ้ง หลายปีต่อมาเขายังคงจำมันได้ทั้งสองคนเดินจูงมือกันออกมาจากป่าเซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาด จึงหันกลับไปมองดูพบว่าโซ่วหยางจวิ้นจู่และบ่าวรับใช้สองสามคนยืนอยู่ไม่ไกลนักดูเหมือนวันนี้จะไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แล้วเมื่อนางพาพระราชนัดดาน้อยเดินผ่านลานสองแห่งกลับมายังป่าไห่ถัง พบว่าบรรยากาศที่นั่นต่างจากตอนที่ทั้งสองคนจากไป"ห้าวเออร์!"พระชายาองค์รัชทายาทและคนอื่นๆ กำลังรอพวกเขาอยู่ เมื่อเห็นร่างของทั้งสองก็รีบวิ่งตรงเข้ามากอดพระราชนัดดาน้อยเอาไว้เซี่ยเชียนฮวันเห็นท่าทีอันเดือดเนื้อร้อนใจเป็นกังวลของพ
เดิมทีเซี่ยเชียนฮวันกำลังตั้งใจทำแผลให้กับนาง และครุ่นคิดว่าจะจัดการเช่นไรต่อไปดี แต่กลับถูกเตะเข้าให้ ด้วยสัญชาตญาณนางใช้มือยกขึ้นกุมท้องหงายไปด้านหลังเมื่อเห็นพระชายาองค์ชายรองตำหนินางเช่นนั้น แววตาของเซี่ยเชียนฮวันก็มืดมนลง กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เมื่อครู่ข้าเล่นอยู่กับพระราชนัดดาน้อย ไม่มีเวลาไปทำเรื่องไร้สาระเช่นนั้นหรอก"เมื่อสิ้นเสียงลง นางก็เห็นว่ามีมือข้างหนึ่งยื่นมาตรงหน้าเป็นมือของเซียวเย่หลันเซี่ยเชียนฮวันชะงักลง หลังจากจับมือเขาเอาไว้แล้วก็ถูกเขาค่อยๆ ดึงขึ้นมาพระชายาองค์ชายรองเห็นดังนั้น ในใจรู้สึกโมโหเป็นยิ่งนัก ใบหน้าของนางเผยถึงความชั่วร้ายกล่าวขึ้นว่า "งั้นหรือ? แต่ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับพระราชนัดดาน้อยเล่นซ่อนหากันอยู่ นั่นหมายความว่าพวกเจ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน"เซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้วเข้าหากันหากพระชายาองค์ชายรองกล่าวเช่นนี้ นางก็ไม่มีสิ่งใดจะคัดค้านทันใดนั้นเอง เซียวเย่หลันก็กล่าวขึ้นว่า "ผู้ที่อยู่เพียงลำพังไม่ได้มีนางแค่คนเดียว เมื่อครู่ข้าก็อยู่เพียงลำพัง พี่สะใภ้รองก็สงสัยข้าด้วยงั้นหรือ?""ขะ ข้า ไม่ได้หมายความเช่นนั้น...”พระชายาองค์ชายรองพู
เซี่ยเชียนฮวันจึงได้เข้าใจตอนเด็กๆ เซวียนชินอ๋องเคยถูกงูกัดและทิ้งความกลัวไว้จนขึ้นสมอง จวบจนบัดนี้ยังมีอาการกำเริบอยู่บ้างเป็นครั้งคราว เกรงว่าต้องใช้เลือดงูสดมาทำเป็นยา จึงจะระงับอาการกลัวงูได้แน่นอนว่าอาการเหล่านี้โดยมากถือเป็นปัญหาด้านประสาท เลือดงูไม่สามารถนำมารักษาโรคได้ เซี่ยเชียนฮวันคิดว่ามันเพียงช่วยในด้านจิตใจก็เท่านั้น“ข้าได้สั่งให้บ่าวรับใช้ไปทำยาถอนพิษมาให้แล้ว ประเดี๋ยวเมื่อกินเข้าไปก็หายเอง ไม่จำเป็นต้องกังวล” เซวียนชินอ๋องปลอบโยนองค์ชายรองและพระชายาองค์ชายรองพยักหน้า “ขอบพระทัยเสด็จอา ว่าแต่งูที่ท่านเลี้ยงไว้ไม่ควรหลุดออกมาที่นี่ คาดว่าบ่าวรับใช้คงจะละเลย ท่านต้องลงโทษพวกเขาให้หนัก คราวหน้าจะได้ไม่เกิดเหตุเช่นนี้อีก”“อืม ข้ารู้”เซวียนชินอ๋องทำสีหน้าลำบากใจ การเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอย่างนี้ ตัวเขาในฐานะเจ้าบ้านก็รู้สึกผิดไม่น้อยจากนั้นพระชายาองค์ชายรองก็มองไปทางเซี่ยเชียนฮวัน กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ใครบอกว่าต้องเป็นบ่าวรับใช้สะเพร่าเท่านั้น อาจมีใครบางคนจงใจเข้าไปยังที่เลี้ยงงูแล้วปล่อยมันออกมาก็ได้”“ไม่น่าเป็นไปได้...” เซวียนชินอ๋องขมวดคิ้วเข้
“เรือนหนานเฟิง? คือที่ใด?”เซี่ยเชียนฮวันทำสีหน้าสงสัยเนื่องจากก่อนหน้านี้นางก็ไม่รู้ว่าเรือนหนานเฟิงคือที่ใด ดังนั้นนางจึงแกล้งทำสีหน้าสงสัยได้อย่างแนบเนียนต่อให้ตอนนี้เซี่ยเชียนฮวันพอจะเดาได้ว่าเป็นเรือนเล็กๆ ที่เก็บความลับนั้นไว้ก็ตามโซ่วหยางจวิ้นจู่ยิ้มขึ้นด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “เมื่อครู่ท่านไม่ได้เพิ่งพาพระราชนัดดาออกมาจากป่าไม้แดงของเรือนหนานเฟิงหรอกหรือ ข้าและซานหรงเห็นกับตา”บ่าวรับใช้ในจวนที่ติดตามโซ่วหยางจวิ้นจู่อยู่ด้านหลังต่างพากันพยักหน้าเซวียนชินอ๋องสีหน้าเคร่งขรึมลงแล้วตะคอกว่า “ซานหรง เจ้าควรนึกให้ดีก่อน!”“ท่านอ๋องเพคะ บ่าว บ่าวเห็นกับตาเพคะ ได้ยินว่าเห็นใครบางคนที่เรือนหนานเฟิง ดังนั้นบ่าวและจั๋วเสิ่นเออร์จึงรีบเข้าไปดู พบว่าพระชายาจ้านอ๋องกำลังออกมาจากป่าไม้แดง” บ่าวรับใช้ที่ถูกเรียกชื่อตอบตะกุกตะกัก“ผู้ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าเล่า?!” น้ำเสียงของเซวียนชินอ๋องดูโมโหเล็กน้อย“พะ เพราะว่าในวันนี้มีแขกเดินทางมามากมาย ห้องครัวทำอาหารไม่ทันจนไฟแทบลุกไหม้ ทุกคนจึงได้ไปช่วยเพคะ...” บ่าวรับใช้ตกใจจนตัวสั่นพระชายาองค์รัชทายาทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เสด็จอาเพคะ เรือนหนา
พระชายาองค์ชายรองพูดขึ้นอีกครั้งว่า “เพียงแค่บอกความจริงมา อยากได้ของเล่นหรือขนมใด จะให้เจ้าทั้งหมด!”เซี่ยเชียนฮวันคิดเอาไว้แล้วว่าการที่นางและพระราชนัดดาเข้าไปในเรือนหนานเฟิงแต่ไม่เห็นงู อาจเป็นเพราะทั้งสองเข้าไปเพียงลานด้านหน้า ไม่ได้เข้าไปด้านหลังอีกอย่าง หากเทียบกันระหว่างงูกับหนังสือและจดหมายที่นางเห็น สิ่งเหล่านั้นน่ากลัวกว่านักคาดว่าเซวียนชินอ๋องคงตั้งใจเก็บมันไว้ในที่ที่เลี้ยงงูเช่นนี้ทุกคนจะได้ไม่กล้าเข้าใกล้“พระชายาองค์ชายรองโปรดระวังกิริยาด้วย อย่าเอาเด็กเข้ามาเกี่ยวข้อง”พระชายาองค์รัชทายาทเข้ามาปกป้องพระราชนัดดาไว้ แล้วดึงเขาเข้ามาในอ้อมอกของตนคำที่นางกล่าวกับหลี่จิ้งหย่ามากที่สุดน่าจะเป็น ‘โปรดระวังกิริยา’ โซ่วหยางจวิ้นจู่กล่าวว่า “แต่เรื่องในวันนี้มีที่มาที่ไป ต้องมีเหตุมีผล คงต้องรบกวนพระราชนัดดาน้อยออกมาเล่าความจริงด้วย”“เขายังเด็กนัก สิ่งที่พูดอาจถูกชี้นำจนไม่ใช่ความจริง ไม่อาจเชื่อได้แน่นอน” พระชายาองค์รัชทายาทกล่าวเบาๆ ในเมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ พระชายาองค์ชายรองและโซ่วหยางจวิ้นจู่จึงต้องล้มเลิกความคิดที่จะถามพระราชนัดดาต่อไปเซี่ยเชียนฮวันแอบขอบคุณ