Share

บทที่ 14

เฉียวซุนหน้าตาดี เล่นไวโอลินเก่ง

ผู้รับผิดชอบให้เงินเธอหนึ่งพันห้าร้อยบาทต่องาน เมื่อมีงานเข้ามาเยอะ เฉียวซุนต้องวิ่งแสดงสามถึงสี่งานต่อวัน ในแต่ละวันเธอต้องเล่นอย่างน้อยหกชั่วโมง นิ้วเรียวบางลอกด้านและมีตุ่มน้ำ

ชีวิตลำบาก ต้องเดินทางกลับไปกลับมา แต่เฉียวซุนไม่เคยเสียใจ

เธอไม่ได้โทรหาลู่เจ๋อ และลู่เจ๋อก็ไม่ได้โทรหาเช่นกัน...... บางครั้งเธอก็เห็นข่าวของเขา ร่วมงานราตรี เข้าซื้อกิจการบริษัทต่าง ๆ

ในแต่ละงานพบปะ ลู่เจ๋อดูหล่อเหลาและมีเกียรติ

งานพบปะเหล่านี้ แต่ก่อนเฉียวซุนเคยอยู่เคียงข้างเขาเป็นบางครั้ง ดูท่าทางที่อาจหาญทรงอำนาจของเขา รู้สึกประทับใจอย่างเงียบๆ

แต่ในตอนนี้พอเห็นสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง เฉียวซุนรู้สึกไกลตัวและไม่คุ้นเคย

……

ในตอนเย็น ชั้นบนสุดของโรงพยาบาล

เฉียวซุนนั่งเงียบ ๆ พร้อมขวดโค้กแช่เย็นที่ซื้อมาจากร้านขายของชำ หากเป็นแต่ก่อนเธอไม่มีทางดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ตอนนี้เธอดื่มบ้างนิดหน่อยเป็นครั้งคราว

เฮ่อจี้ถังก็เดินเข้ามาในเวลานี้ ร่างสูงยาว สวมเสื้อกาวน์สีขาวของหมอแผนกศัลยกรรม

เขายืนอยู่ข้างเฉียวซุน มองดูพระอาทิตย์ตกดินเป็นเพื่อนเธออย่างเงียบ ๆ

แสงสีทองสุดท้ายก็จางหายไป

เฉียวซุนหันศีรษะกลับมาเห็นเฮ่อจี้ถัง เธอรีบลุกขึ้นยืนอย่างอึดอัดเล็กน้อย “หมอเฮ่อ”

เฮ่อจี้ถังมองเธอด้วยดวงตาอ่อนโยนที่เจือไปด้วยความทรงจำที่แสนยาวนาน

เฉียวซุนรู้สึกไม่สบายใจ

ในเวลานี้ สายตาของเฮ่อจี้ถังจ้องมองไปในระยะไกลและเอ่ยเบา ๆ ว่า “เสี่ยวซุน ตอนคุณเป็นเด็กคุณชอบเรียกผมว่าพี่จี้ถังนะ...... ในคืนฤดูร้อน คุณชอบนอนในเต็นท์เล็ก ๆ แล้วแม่ผมก็เอาให้วุ้นน้ำแข็งให้คุณประจำ หลายปีมานี้ท่านคิดถึงคุณมากนะ”

เฉียวซุนอึ้งอยู่นาน และในที่สุดก็จำได้......

เธอออกเสียงเรียกพึมพำ “พี่จี้ถัง”

สามคำนี้ ในตอนที่เธอเอ่ยออกมาเจือไปด้วยความเศร้า เพราะในวัยที่ได้เรียกเขาว่า “พี่จี้ถัง” เฉียวซุนไม่มีความทุกข์ใจใด ๆ แถมยังเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยผู้บอบบางของตระกูลเฉียว

พบกันอีกครั้ง ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแต่คนกลับเปลี่ยนไปแล้ว

เฮ่อจี้ถังหันหน้ามามองเธออย่างเงียบ ๆ

จากนั้นเขาก็หยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “ในนี้มีเงินอยู่สิบล้านบาท รหัสผ่านคือวันเกิดของคุณ น่าจะพอสำหรับค่ารักษาของคุณลุงนะ”

เฉียวซุนปฏิเสธที่จะรับ “ฉันหาเงินเองได้ จริง ๆ นะ”

เฮ่อจี้ถังมองดูมือของเธอ ติดเทปพันแผลไว้อยู่หลายแผ่น ไม่เหมือนผิวสวย ๆ อย่างแต่ก่อน

ลำคอของเขากระชับขึ้นเล็กน้อย “เสี่ยวซุน ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นก็ได้”

เขาหยิบยาทามารักษาบาดแผลของเธอ

หลังจากทำเสร็จแล้ว เฉียวซุนก็งอนิ้วขาว ๆ ที่บอบบาง และเอ่ยเบา ๆ ว่า “เมื่อก่อน ฉันใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การคุ้มครองของคนรอบตัวและไม่มีอิสระ ใช่ ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรเลย แต่ฉันอายุตั้ง 24 แล้ว ฉันอยากจะเริ่มต้นชีวิตของตัวเองอีกครั้ง”

พูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเฮ่อจี้ถัง

สายตาของเขาเหมือนเช่นเคย อ่อนโยนเจือความลึกซึ้งเล็กน้อย

.......

เฉียวซุนอยู่ที่โรงพยาบาลแค่สองชั่วโมง พอถึงหนึ่งทุ่ม เธอก็รีบไปทำงานที่บาร์

งานจบก็เกือบจะเช้าแล้ว

เฉียวซุนแบกไวโอลิน เดินบนถนนที่ไม่มีผู้คนสัญจร สายลมเย็นพัดผ่าน เธอก็กอดร่างกระชับแน่นเพื่อไม่ให้ตัวสั่น

กลางดึกแสงไฟนีออนสลัว

จอขนาดใหญ่บนตึกระฟ้ารายงานข่าวซุบซิบที่ดึงความสนใจ เกิดความคึกคักในยามค่ำคืน

[ลู่เจ๋อ นักธุรกิจผู้ร่ำรวยของเมือง B ตั้งใจบินไปเมือง H เพื่อร่วมเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่แสนโรแมนติกพร้อมกับสาวสวย]

ในภาพ เลขาฉินกำลังเข็นรถเข็นของไป๋เซียวเซียวไปและถูกนักข่าวกั้นไว้ในลิฟต์

ด้านข้าง สีหน้าของลู่เจ๋อดูสุดจะทน

เฉียวซุนคิดว่าคงเพราะโดนถ่ายรูป เขาถึงดูหงุดหงิดมาก

ต่อมาคือบทสัมภาษณ์ของไป๋เซียวเซียว เธอยิ้มหวานให้กล้อง “เทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ ต่อไปก็หวังว่าขาของฉันจะหายดี นอกจากนี้ฉันยังหวังว่าจะได้เรียนไวโอลินกับอัจฉริยะทางดนตรีอย่างอาจารย์เว่ย...... คุณลองถามคุณลู่ดูสิคะ? คุณลู่เป็นผู้ชายที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน”

พูดจบ แววตาของไป๋เซียวเซียวก็รู้สึกขาดความมั่นใจเล็กน้อย

สี่ปีก่อน เธอปลอมตัวเป็นเฉียวซุน ทำให้ลู่เจ๋อคิดว่าคนที่เล่นไวโอลินในทุก ๆ วันคือเธอ

เธอกลัวว่าลู่เจ๋อจะจับได้

แต่ไม่นาน เธอก็สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ว่าเมื่อลู่เจ๋อฟื้นขึ้นมา เป็นไป๋เซียวเซียวที่กำลังนั่งกอดไวโอลินอยู่ในห้องผู้ป่วย ลู่เจ๋อไม่มีทางรู้ได้เลย

……

กลางดึกบนถนนในเมือง B

เฉียวซุนยืนอย่างเงียบ ๆ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองดูการเทคแคร์คนอื่นของลู่เจ๋อบนจอขนาดใหญ่

จนร่างกายรู้สึกหนาวเหน็บ

เธอถึงได้ดึงสติกลับมา พึมพำเบา ๆ ว่า “ที่แท้ เทศกาลไหว้พระจันทร์ก็มาถึงแล้วสินะ”

เธอแบกไวโอลินแล้วหมุนตัวจากไป

ไฟถนนสองข้างทางทอดยาวจนร่างของเธอห่างไปไกล......

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status