เมื่อเฉียวซุนดึงสติกลับมาได้ เธอก็พบว่ารถจอดอยู่บริเวณสี่แยกเสียแล้วและด้านหน้าก็คือไฟแดงเธอดึงฝ่ามือที่ลู่เจ๋อจับเอาไว้ออก หันไปด้านข้าง แล้วพูดด้วยท่าทางที่เย็นชาออกมาว่า“ไม่ได้คิดอะไรนี่!”ลู่เจ๋อมองใบหน้าด้านจืดชืดของเธอและรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อยจู่ๆเขาก็นึกถึงเมื่อครั้งก่อน วันที่เขาแต่งงานกับเฉียวซุน ตอนนั้นเฉียวซุนเพิ่งอายุ 20 ต้นๆ ... ตอนนั้นเฉียวซุนรักเขามาก ทุกคืนเมื่อเขาเลิกงานและกลับไปถึงบ้าน เธอก็มักจะวิ่งลงมาถือกระเป๋าทำงานให้กับเขา เล่าอาหารในคืนนั้นให้เขาฟังอย่างเอาใจ แถมยังช่วยเขาเตรียมน้ำอาบให้อีกพอตกตอนกลางคืน เราก็จะใช้ชีวิตสามีภรรยา และเขาก็จะจงใจทำให้เธอเจ็บโดยที่เธอก็แค่จมูกแดงๆ กอดคอของเขาเอาไว้แน่น และก็อ้อนวอนเขาเบาๆตอนแต่งงานใหม่ จริงๆแล้วเธอมีความสุขมากแต่พอนานๆไป เฉียวซุนก็ไม่ค่อยจะยิ้มแย้ม และก็ไม่ได้ออดอ้อนเขาอีกต่อไปในที่สุดเธอก็ดูเหมือนจะยอมรับความจริงที่ว่า เขาไม่ได้รักเธอ และค่อยๆ พบว่าต่อให้เธอจะพยายามมากแค่ไหน มันก็ไม่มีความหมายในสายตาของเขา และมันก็แลกมาด้วยความเย็นชาและไม่แคร์เสมอๆเฉียวซุนยังคงเอาใจใส่เขา แต่การเอาใจใส่น
……เฉียวซุนขึ้นไปชั้นบน แต่คุณป้าเสิ่นกลับไม่ได้อยู่บ้าน พอโทรไปถามจึงรู้ว่าเสิ่นชิงไม่ได้โทรมาที่วิลล่าของลู่เจ๋อเฉียวซุนวางโทรศัพท์มือถือลง เธอเดาว่าน่าจะเป็นคนรับใช้ที่วิลล่าโกหกเพื่อช่วยให้เธอได้หลุดพ้นเฉียวซุนไม่ได้คิดอะไรมากคืนนี้ไม่ต้องไปทำงาน เธออาบน้ำเสร็จก็เข้านอนแต่หัวค่ำในเวลากลางคืนเธอฝันถึงชีวิตที่เพิ่งแต่งงานกับลู่เจ๋ออีกครั้ง ในฝันลู่เจ๋อยังคงปฏิบัติกับเธอด้วยความเย็นชาถึงที่สุด เขาใจร้อนตลอดเวลาที่พูดกับเธอเธอตื่นมาเพราะเสียงโทรศัพท์นั้นดังขึ้นพอเปิดดู ก็ไม่คิดว่าจะเป็นข้อความไลน์ที่ลู่เจ๋อส่งมา มันมีเพียงไม่กี่คําสั้น ๆ [อย่าลืมว่าพรุ่งนี้ต้องไปเยี่ยมคุณย่า พอเลิกงานแล้วผมจะไปรอคุณที่รอยัลธันเดอร์]เฉียวซุนจะลืมไปได้อย่างไรกัน?พอนึกถึงการจุดดอกไม้ไฟครั้งที่แล้วของไป๋เซียวเซียว เฉียวซุนรับเงินที่ถูกโอนมาโดยตรง จากนั้นก็บริจาคให้กับบ้านสัตว์จรจัดเวลาตีหนึ่ง รถของลู่เจ๋อจอดอยู่ที่ริมถนนเขาพิงพนักพิงของเก้าอี้ นิ้วมือเรียวยาวกำลังเล่นมือถืออยู่.....เฉียวซุนได้รับเงินโอน 100,000 บาทแล้วเขาคิดว่าเธอควรจะส่งข้อความกลับมาหน่อยไหม!แต่ก่อน เธอชอบส่งไลน
เฉียวซุนรู้สึกประหลาดใจมากเนื่องจากเป็นเพราะหลีชิงเฉิง หลีรุ่ยปฏิบัติต่อเธอไม่ถือว่าเป็นมิตรจริง ๆ คืนก่อนเขายังหาเรื่องเธออยู่เลยตอนนี้เขากลับเสนอไปส่งเธอเฉียวซุนก็รู้สึกได้ด้วยจิตใตสำนึก ว่าเขาไม่ได้มาดีเธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว ท่าทางเย็นชาเล็กน้อย: “หลีรุ่ย คุณเคยบอกว่าจะไม่กลั่นแกล้งฉันอีกแล้ว”หลีรุ่ยจ้องมองเธอผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพูดออกมาเบา ๆ ไม่กี่คำ: “ฉันเคยพูดไว้จริง ๆ นั่นแหละ” พูดจบเขาก็ขับรถออกไป ท้ายรถของรถแลนด์โรเวอร์คันสีดำทิ้งควันดำเอาไว้……เฉียวซุนคิดว่าเรื่องของหลีรุ่ย คงจะเว้นช่วงไประยะหนึ่งแต่คิดไม่ถึงว่าในคืนนั้น เธอได้เจอกับเขาที่ชั้น 56 ของโรงแรมรอยัล ธันเดอร์อีกครั้ง เขานั่งเล่นไพ่อยู่กับพวกลู่จิ้นเซิง แต่ข้างกายไม่ได้มีดาราหรือนางแบบอะไรตอนที่เฉียนซุนขึ้นเวที หลีรุ่ยก็เงยหน้าขึ้นท่าทางเหมือนไม่ได้ตั้งใจแบบนี้ ถูกลู่จิ้นเซิงจับได้แล้วลู่จิ้นเซิงก็หันไปมองเฉียวซุนที่อยู่บนเวที จากนั้นก็วางไพ่โจกเกอร์สองใบออกมาอย่างไม่รีบร้อน: “หลีรุ่ย ปกตินายไม่ค่อยมาที่ฉันนะ! วันนี้เป็นอะไร ลมที่ไหนพัดนายมาถึงที่นี่?”หลีรุ่ยน้ำเสียงเรียบเฉย: “ไม่ต้อนรับเหรอ
“ตรงนี้ของนายที่ป่วย!”“นายอย่าลืมนะว่าเธอคือภรรยาของใคร!”……ห้องเปลี่ยนชุดของผู้หญิง มีเพียงแค่เฉียวซุนคนเดียวเธอถอดชุดราตรีสีดำตัวนั้นออก เหลือเพียงร่างกายขางผ่องที่สวมใส่ชุดชั้นในสีดำ ภายใต้แสงไฟสีเหลืองสลัวเผยความเปล่งประกายขาวผ่องเสียงแอ๊ดดังขึ้น ประตูถูกเปิดออกเฉียวซุนตื่นตระหนก และหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองแล้วหันกลับไปที่ประตู กลับเป็นลู่เจ๋อเขาจ้องมองเธอ จากนั้นก็พลิกมือปิดประตูห้องเปลี่ยนชุดช้า ๆ...เฉียวซุนกัดปาก: “ลู่เจ๋อ นี่มันห้องเปลี่ยนชุดผู้หญิงนะ!”ลู่เจ๋อกลับเหมือนกับไม่ได้ยิน เขาเดินไปหาเธอ และหยิบเสื้อเชิ้ตในมือของเธอออกในขณะที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว...จากนั้นเขาใช้มือข้างหนึ่งดันเธอไปที่หน้าตู้เปลี่ยนชุด แล้วจ้องมองเธออย่างละเอียดภายใต้แสงไฟเฉียวซุนไม่เคยชินกับแบบนี้ ผิวพรรณปฏิกิริยาไรจนเกิดเป็นเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นมาบนผิวหนังเธอตัวสั่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่กล้าตะโกน กลัวจะดึงดูดคนเข้ามาแต่ลู่เจ๋อไม่ได้ทำอะไร เขาเพียงแค่จ้องมองเธออยู่เงียบ ๆ เหมือนกับพวกเขาไม่เคยเป็นสามีภรรยากัน...เหมือนกับนี่เป็นครั้งแรกที่เขามองดูร่างกายของเธอในสายตาของเขา ถึง
บ้านพักลู่ ไฟสว่างไสวพวกคนใช้ยุ่งวุ่นวายกันอย่างมาก อาหารบำรุงร่างกายเมนูต่าง ๆ ถูกยกขึ้นมาเสิร์ฟ จัดวางเต็มโต๊ะอาหารขนาดใหญ่คุณย่าลู่ดูพวกเขาทานข้าวด้วยตัวเองเธอกลัวว่าตอนกลางคืนหลานชายจะไม่สบายตัว จึงให้ห้องครัวต้มซุปตะพาบมาให้เขาบำรุงร่างกาย และก็ทำอาหารที่รักษาอาการอินพร่องสำหรับผู้หญิงให้เฉียวซุน ส่งไปข้างมือเฉียวซุนด้วยความกระตือรือร้น...เต็ม ๆ หนึ่งชามคุณย่ายิ้มตาหยี: “ฉันนับวันแล้ว! คืนนี้จะต้องตั้งครรภ์แน่นอน”ต่อให้เฉียวซุนแต่งงานสามปีแล้วแต่คำพูดเรื่องส่วนตัวแบบนี้ เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง อีกอย่างในห้องโถงยังมีคนรับใช้หลายคนยืนอยู่ลู่เจ๋อเหลือบตามองเธอเขาพูดเอาอกเอาใจคุณย่าโดยที่หน้าไม่แดง หัวใจไม่เต้นแรง: “งั้นอีกเดี๋ยวผมต้องพยายามหน่อย ทำให้คุณย่าได้อุ้มเหลนเร็ว ๆ หน่อย”คุณย่าฉีกยิ้มกว้าง เหมือนกับเหลนตัวขาวอ้วนโบกมือมาทางเธอแล้ว เธอตักซุปตะพาบให้หลานชายอีกชามหนึ่ง: “น้ำซุปนี้ตุ๋นตั้งหลายชั่วโมง รีบดื่มตอนร้อน ๆ เถอะ...ผู้ชายดื่มแล้วมีแรง”ลู่เจ๋อสีหน้านิ่งเฉยเฉียวซุนคิดว่าเขาเสแสร้งได้เก่งมาก และก็หลอกลวงได้เก่งแต่งงานสามปีทุกครั้งที่ทำเรื่องระห
น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความถากถาง: “เฉียวซุน ตอนนี้คุณใจกว้างมากจริง ๆ!”พูดจบเขาก็ทิ้งเธอเอาไว้ ตัวเขาเข้าไปอาบน้ำเย็นสิบนาทีต่อมา ลู่เจ๋อเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาเห็นเฉียวซุนกำลังปูผ้าห่มผืนบางบนโซฟา เห็นได้ในคืนนี้เธออยากจะนอนที่บนนั้นในใจของเขาก็เกิดความโมโหขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ความขุ่นเคืองที่เพิ่งข่มลงไปเมื่อครู่ก็พุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขาอุ้มเฉียวซุนขึ้นมาโดยไม่ได้ครุ่นคิด และโยนเธอลงไปบนเตียงใหญ่ที่อ่อนนุ่ม จากนั้นก็กดทับร่างกายลงมาใบหน้าของเฉียวซุนฝังลงไปในหมอนลู่เจ๋อไม่ได้อยากจะแตะต้องเธอ แต่เป็นเพราะรู้สึกโมโห ในตอนที่เขาคิดจะปล่อยเธอ โทรศัพท์ของเฉียวซุนก็ดังขึ้น...มีข้อความส่งเข้ามาลู่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ดึกขนาดนี้แล้ว ใครส่งข้อความมาให้คุณ?”เฉียวซุนถูกเขากดทับจนรู้สึกเจ็บ น้ำเสียงก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก: “คุณยุ่งอะไรด้วย!”ลู่เจ๋อหัวเราะเยาะออกมาเขาใช้มือกดแผ่นหลังบางของเธอเอาไว้ จากนั้นขยับตัวไปหยิบโทรศัพท์ของเธอที่อยู่บนโต๊ะหัวเตียงมา และใช้ลายนิ้วมือของเธอปลดล็อค...เซียวฉุนรู้สึกน่าอึดอัด: “ลู่เจ๋อ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!”ลู่เจ๋อไม่ได้สนใจเธอเขาจ้องมอง
เฉียวซุนตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขาเธอตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความทรงจำ สามปีที่ผ่านมา ความทรงจำเหล่านั้นที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักสรีระร่างกายของเธอ เสียการควบคุมลู่เจ๋อเตรียมจะครอบครอง โทรศัพท์ก็ดังติดต่อกันขึ้นมาเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด เป็นเลขาฉินที่โทรมา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลู่เจ๋อก็กดรับสายด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไรห่นัก: “ดึกขนาดนี้แล้วมีเรื่องอะไร?”อีกฝ่ายของโทรศัพท์ มีเสียงร้อนใจของเลขาฉินดังขึ้นเธอพูด: “ประธานลู่ ไป๋เซียวเซียวมาที่ประเทศ B แล้ว!ลู่เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเหลือบมองเฉียวซุนจากนั้นก็งอขาลุกขึ้น...แต่คำพูดเมื่อครู่ของเลขาฉินเฉียวซุนได้ยินไหมดแล้ว”ไป๋เซียวเซียวกลับมาที่เมือง B แล้วในที่สุดลู่เจ๋อก็ให้กิ๊กของเขา ไต่ไปถึงระดับสูงสุดแล้ว สำหรับเฉียวซุนในนามคุณนายลู่อันที่จริงถือว่าเป็นการเหยียดหยามกันอย่างมากประมาณสองนาทีลู่เจ๋อเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าตึงเครียดไป๋เซียวเซียวมาที่เมือง B อย่างเอิกเกริก ถูกนักข่าวล้อมที่สนามบิน และสะดุดล้มขาหักอีกครั้ง…อีกทั้งพ่อของเซียวเซียวก็ประกาศกับนักข่าว บอกว่าตระกูลไป๋แต่งงานเกี่ยวดองก
ไป๋เซียวเซียวกำมือแน่นแต่ยังคงแสดงสีหน้าอ่อนโยนอยู่เช่นเดิม “ฉันเข้าใจค่ะคุณชายลู่!”ลู่เจ๋อลุกขึ้นก่อนจะเดินหนีด้านนอก พ่อแม่ของตระกูลไป๋อยู่ตรงนั้นท่าทางสงบเสงี่ยม เห็นลู่เจ๋อเดินออกมา ก็อยากจะเข้าไปคุยด้วย แต่ทั้งสองคนยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรลู่เจ๋อก็เดินเข้าไปในลิฟต์ซะก่อนเลขาฉินจ้องมองไปทางพวกเขาก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปภายในลิฟต์มีเพียงแค่ลู่เจ๋อและเลขาฉิน ตัวเลขสีแดงบนหน้าปัดค่อย ๆ เลื่อนลงไปด้านล่างจู่ ๆ ลู่เจ๋อก็ถามขึ้น “ทำไมถึงถึงจัดการให้ไป๋เซียวเซียวมาที่โรงพยาบาลซงชาน? ฉันจำได้ว่าพ่อของเฉียวซุนก็ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ด้วย”เลขาฉินรู้สึกประหม่าหลังจากนั้นเธอก็รีบอธิบาย “ประธานลู่นี่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะทำนะคะ! ตอนที่ฉันไปถึงสนามบินรถพยาบาลก็พาไป๋เซียวเซียวมาที่โรงพยาบาลแล้ว! การผ่าตัดของไป๋เซียวเซียวในวันพรุ่งนี้ประธานลู่จะมาดูไหมคะ?”พูดจบประตูลิฟต์ก็เปิดออกลู่เจ๋อเดินออกไปก่อนแล้ว ก่อนจะหันมาพูดประโยคหนึ่ง “ฉันไม่ใช่หมอสักหน่อย!”เลขาฉินรีบเดินตามไปลู่เจ๋อก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ กระจกของเบนท์ลีย์สีดำลดลง เข้าโผล่หน้าออกมาก่อนจะพูดกับเลขาฉิน “รอจนอาจารย