เขาไม่ได้ให้ความหวังกับหลี่ชิงเฉิงมากเกินไป และไม่ได้ให้เธอเข้าใจผิด เขาคิดว่ายังไงเขาก็ต้องจบความสัมพันธ์สามีภรรยากับเฉียวซุน ก่อนที่เขาจะสามารถมีผู้หญิงคนอื่นได้แม้ว่าเขาจะไม่รักเธอ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การหาผู้หญิงที่เหมาะสมมาดูแลเจ้าหนูลู่เหยียนก็ตามระหว่างทางกลับไปที่คฤหาสน์ ลู่เจ๋อนั่งอยู่ที่เบาะหลังและอุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนไว้ พลางครุ่นคิดเมื่อรถมาถึงประตูคฤหาสน์ คนขับก็เบรกรถกะทันหัน และเจ้าหนูลู่เหยียนก็น้ำตาไหลลู่เจ๋อปลอบโยนเธอก่อนจะถาม : “เกิดอะไรขึ้น?”คนขับจำหญิงสาวตรงหน้าได้ เขาหันไปหาลู่เจ๋อแล้วพูดว่า : "คุณไป๋ครับ! ปีใหม่แล้วไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วหรือไง เดี๋ยวผมลงไปดูเองครับประธานลู่"ลู่เจ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเจ้าหนูลู่เหยียนให้คุณป้า : "ให้ผมบอกเธอเองเถอะ!"บริเวณหน้ารถ ไป๋เสวี่ยมองลู่เจ๋อด้วยท่าทีมีความหวังเธอรู้ว่าหลี่ชิงเฉิงไปที่บ้านตระกูลลู่คืนนี้ และคงจะเป็นลูกสะใภ้คนต่อไปที่คุณหญิงลู่อยากได้ ดังนั้นเธอจึงแทบรอไม่ไหวที่มาหาเขาที่นี่ โดยหวังว่าจะใช้ลูกพี่ลูกน้องของเธอไป๋เซียวเซียว ดึงสติของลู่เจ๋อกลับมาเธอยืนอยู่ท่ามกลางหิมะเป็นเวลาสามชั่วโม
ในวันส่งท้ายปีเก่า คนตระกูลไป๋ได้รับเชิญให้ไปที่วิลล่าพวกเขาไม่สบายใจมาก คาดเดาความคิดของลู่เจ๋อไม่ได้เลยคุณนายไป๋ค่อนข้างมั่นใจ เธอพูดว่า “คุณลู่คงจะจำเซียวเซียวได้ เลยต้องการตอบแทนพวกเรา พอปีใหม่ก็คงจะให้อั่งเปากับพวกเราแล้ว! ถึงตอนนั้นแค่รับเอาไว้ก็พอ”เธอพูดอย่างใจเย็น ดูไม่ออกเลยว่าเธอคือคนที่เพิ่งจะสูญเสียลูกสาวไปได้แค่ครึ่งปีคุณไป๋ดุเธอ “คุณมันเลอะเลือนไปแล้วจริง ๆ ถูกความมั่งคั่งบังตาจนได้! ”ขณะที่คุณนายไป๋กำลังจะโต้ตอบ ก็เห็นเลขาฉินลงมาจากชั้นบนพอดี เธอรีบแสร้งหัวเราะแล้วพูดว่า “เลขาฉิน ในช่วงตรุษจีนแบบนี้ หายากที่คุณลู่จะนึกถึงพวกเรา ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ นะคะ! ”เลขาฉินเปลี่ยนทัศนคติเดิมของเธอกลับมาขณะที่เธอพูด น้ำเสียงของเธอก็เย็นชามาก “คุณลู่กำลังรอพวกคุณอยู่ในห้องหนังสือค่ะ”หัวใจของคนตระกูลไป๋ก็สั่นไหว แม้แต่คุณนายไป๋เองก็ไม่มีความมั่นใจอีกต่อไป ขณะที่เธอกำลังเดินขึ้นไปชั้นบน เธอก็ผลักไป๋เสวี่ยไปข้าหน้า และกระซิบว่า “อีกเดี๋ยวเธอต้องช่วยพวกเราด้วยนะ คิดดูให้ดี ๆ สิว่าป้าดีกับเธอแค่ไหน”สีหน้าของไป๋เสวี่ยซีดเธอคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับแ
ภายใต้โคมไฟคริสตัล สีหน้าของลู่เจ๋อกลับไร้ความรู้สึก “แค่ให้มีชีวิตอยู่ก็พอ! ส่วนจะจัดการยังไง ก็แล้วแต่เธอเลย”หัวใจของเลขาฉินก็เกิดอาการใจสั่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็ตอบตกลงเธอมองตามลู่เจ๋อที่เดินลงไปชั้นล่าง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถที่ลานด้านนอก เธอรู้ว่าลู่เจ๋อกำลังจะไปรับเฉียวซุนดวงตาทั้งสองข้างของเธอก็มีน้ำตาไหลออกมาในที่สุดเฉียวซุนก็กลับมา......*ในวันส่งท้ายปีเก่า พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยหิมะแลนด์โรเวอร์สีดำก็กำลังเคลื่อนที่ช้า ๆ ท่ามกลางหิมะ ใช้เวลาสักพักกว่าจะถึงวิลล่าส่วนตัว ยังคงเป็นอิฐสีแดงและกำแพงสีขาว และยังคงยืนหยัดอยู่ท่ามกลางความมืดราวกับปีศาจลู่เจ๋อขับรถเข้ามา สนามแทบไม่มีรอยเท้าหลงเหลืออยู่ และมีหิมะปกคลุมหนาทึบลู่เจ๋อสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง จากนั้นหัวใจของเขาก็จมดิ่งลงทันทีทันทีที่เขาลงจากรถ จู่ ๆ เขาก็สะดุดล้มและคุกเข่าข้างหนึ่งบนหิมะ หิมะก็ยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว กางเกงของเขาเปียกโชก และความรู้สึกเย็นที่สัมผัสโดนผิวหนัง ก็เจ็บปวดเกินกว่าจะอธิบายออกมาได้......เขาเดินทุลักทุเลเข้าไปในวิลล่ามีประตูพิเศษเพิ่มขึ้นมาตรงทางเดิน แต่กลั
ตอนที่กลับมา ลู่เจ๋อได้ถอดเสื้อคลุมของเขาออก แล้วคลุมตัวให้เฉียวซุนเอาไว้ขณะที่แต่งตัวให้เธอเขาก็สัมผัสได้ถึงซี่โครงของเธอ แม้จะมองผ่านเสื้อคลุมหนา ๆ ก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเธออ่อนแอมากจนไม่มีแรงพอจะให้ดิ้นรน ได้แต่เอนกายพิงเบาะผู้โดยสารอย่างเงียบ ๆ เสื้อคลุมสีดำคลุมใบหน้าส่วนใหญ่ของเธอเอาไว้ และส่วนที่สามารถมองเห็นได้ ก็มีสภาพที่ทั้งผอมและบางแหลมนูนออกมา......ชวนให้น่าตกใจอย่างยิ่งเธอยังคงเงียบและไม่พูดอะไรเธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเงียบ ๆ มองดูพระจันทร์เสี้ยวที่ค่อย ๆ เลื่อนผ่าน ราวกับว่ามันกำลังร่วงลงมาจากกิ่งไม้ ทันทีที่มีท้องปลาสีขาวปรากฏขึ้นบนขอบฟ้า เธอก็พูดเบา ๆ ออกมาว่า “ลู่เจ๋อ สวัสดีปีใหม่! ”แต่เขากลับไม่มีความสุขเลยเพราะเขารู้ว่า นี่คือคำบอกลาของเฉียวซุนที่กำลังบอกลาเขา นี่เป็นปีใหม่ครั้งสุดท้ายของพวกเขา......เขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยเธอไป เขาไม่อยากปล่อยเธอไปเลยจริง ๆ เขาอยากเริ่มต้นใหม่กับเธออีกครั้งรถจอดตรงสี่แยกในรถเงียบสงบ มีแค่การหายใจที่อ่อนแอของเฉียวซุนลู่เจ๋อพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงที่แหบห้าว เขาต้องการที่จะจับมือเธอ แต่เฉียวซุนกลับพยายามหลีกเลี่ยงเ
หลี่ชิงเฉิงล้มลงแนบไปกับตัวรถเธอมองลงไปที่อั่งเปาที่เธอตั้งใจเตรียมเอาไว้ แล้วยิ้มปนเศร้าอันที่จริงลู่เจ๋อเพิ่งจะพบโอกาส เขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้กับเฉียวซุน เขาพยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองเพื่อที่จะได้กลับมาคืนดีกันกับเธอ เป็นแค่ข้ออ้างที่พอจะสามารถชดเชยให้กับเฉียวซุนได้อีกครั้ง เขารักเฉียวซุน!เขารักเฉียวซุน......แล้วการรอคอยของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีความหมายความเลยอย่างงั้นเหรอ?หลายปีมานี้ที่คอยวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เฉียวซุนถูกทรมานจนมีสถาพแบบนี้แล้ว เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉียวซุนเลยด้วยซ้ำ......น่าขำสิ้นดี หลี่ชิงเฉิง เธอสู้เฉียวซุนไม่ได้ตรงไหนกัน?......ลู่เจ๋ออุ้มเฉียวซุนเข้าไปในวิลล่าคนรับใช้ที่ตื่นแต่เช้าเมื่อเห็นเฉียวซุน ต่างก็ต้องตกใจ จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา และพูดปนสะอื้นว่า “นายหญิง ทำไมถึงได้ผอมขนาดนี้! ทางนั้นไม่ให้อาหารแก่นายหญิงเลยเหรอคะ! ”เฉียวซุนอ่อนแรงเกินกว่าจะพูดตอบได้เธอฝืนยิ้มอย่างงุนงง และคนรับใช้ก็เช็ดน้ำตา “ฉันจะทำไข่ตุ๋นน้ำตาลทรายแดงให้ตอนนี้เลยค่ะ นายหญิงขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ”คนรับใช้รีบจากไปลู่เจ๋ออุ้มเฉียวซุนขึ้นไปชั้นบน เขาผลักประตูห้องน
ในขณะเดี๋ยวกันนี้เอง คนรับใช้ก็เข้ามาพร้อมกับบางอย่างเธอวางมันลงอย่างระมัดระวังพร้อมทั้งน้ำตา “นายหญิง รีบกินตอนที่มันร้อน ๆ เถอะค่ะ หากอยากทานอะไรอีก สั่งมาได้เลยนะคะ”เฉียวซุนยิ้มอย่างอ่อนแรง “ขอบคุณค่ะ! ”เรื่องของเจ้านาย คนรับใช้ไม่ควรเข้ามาแทรก ดังนั้นเธอจึงรีบจากไปอย่างเงียบ ๆเฉียวซุนมีแผนอยู่ในใจแล้วเธอพิงโซฟา และถือชามไข่ขึ้นมากินด้วยมือที่สั่นเทา จากนั้นเธอก็ดื่มน้ำแกงที่มีน้ำตาลลงไป......พอได้ทานอะไรบำรุงเข้าไปแล้ว เธอก็ฟื้นตัวขึ้นมาก แต่ก็ยังอ่อนแรงอยู่หลังจากทานเสร็จ เธอเกาะตรงขอบเปลเพื่อมองไปที่เจ้าหนูลู่เหยียน จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องเสื้อผ้าเพื่อเลือกเสื้อผ้าไปอาบน้ำตอนที่เธอออกมา ลู่เจ๋อก็จับข้อมือของเธอเบา ๆ “ร่างกายคุณยังอ่อนแรงอยู่ ให้ผมช่วยคุณอาบนะ! ”เฉียวซุนปฏิเสธดวงตาของลู่เจ๋อหรี่ลงเล็กน้อย “ผมแค่อยากจะดูแลคุณ คุณจะยอมรับหน่อยไม่ได้เลยเหรอ? ”เฉียวซุนยิ้มอย่างอ่อนแรง “ลู่เจ๋อ คุณไม่ใช่สามีของฉันอีกต่อไปแล้ว มันไม่ค่อยสะดวกค่ะ”ม่านตาของลู่เจ๋อหดตัวลง เฉียวซุนเพิกเฉยต่อเขา และเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเธอเองก็ยังมีศักดิ์ศรีของตนเองอยู่เธอไม่ต้อง
ดวงตาของลู่เจ๋อรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมานิดหน่อยเขาอดไม่ได้ที่จะจับเอวของเธอจากด้านหลัง ใบหน้าของเขาซุกอยู่ตรงช่วงคอของเธอ เสียงของเขาแทบจะสั่นขณะพูด “เฉียวซุน ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ! ผมจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอีก”เฉียวซุนชะงักไปครู่หนึ่ง เธอไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมาลู่เจ๋อหมุนตัวเธอให้หันมาหาเขา เขาจ้องมองที่เธอด้วยดวงตาสีแดงเข้ม เขายังอยากที่จะจูบเธออย่างกระตือรือร้นเพื่อพิสูจน์ว่าเธอยังคงเป็นของเขา ระหว่างพวกเขาอาจจะยังไม่สาย......เฉียวซุนยื่นมือออกไปเพื่อหยุดเขาอย่างอ่อนโยนบนแขนที่เรียวบางที่เต็มไปด้วยรอยเข็มของเธอ ตอนนี้มันได้กลายเป็นเหมือนช่องว่างระหว่างพวกเขาไปแล้ว......ทำให้เขาไม่อาจลุล้ำเข้าไปได้ม่านตาของลู่เจ๋อหดตัวลงเขาค่อย ๆ จับแขนของเธอ และวางมันไว้ในมือของเขาเขาไม่พูดร้องขออะไรอีกต่อไป เพียงแค่ถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “เฉียวซุน คุณช่วยรีดเสื้อให้ผมอีกสักครั้งได้ไหม? เสื้อที่คุณซื้อให้ผมครั้งล่าสุด ผมชอบมันมาก”ในเวลานี้เอง เสียงแตรรถก็ดังมาจากชั้นล่าง รถน่าจะเตรียมพร้อมเอาไว้แล้วเฉียวซุนพูดเบา ๆ “ฉันต้องไปแล้วค่ะ! ”การจากไปในครั้งนี้ พวกเขาก็จะไม่มีความเ
เฉียวซุนย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในเมืองเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางเมตร เธอกับป้าเสิ่น และเจ้าหนูลู่หยาน รวมถึงป้าอีกสองคน ก็ยังรู้สึกว่าค่อนข้างกว้างมากสำหรับพวกเขาอาการซึมเศร้าหลังคลอดของเธอก็ยังไม่หายขาดตอนกลางคืนป้าของเธอจะเป็นคนดูแลเจ้าหนูลู่หยาน ตอนกลางวันหากสภาพจิตใจของเฉียวซุนดีขึ้น เธอก็จะเล่นกับเจ้าหนูลู่เหยียน เด็กที่เพิ่งคลอดได้สี่ถึงห้าเดือน ค่อนข้างน่ารักมากเลยทีเดียวเสิ่นชิงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเธอมากเฉียวซุนพูดเบา ๆ “พาหนูไปรักษาเถอะค่ะ! ป้าเสิ่นไม่ต้องกังวลนะคะ สถานที่แบบนั้นหนูยังผ่านมาได้ ยังจะมีอะไรที่หนูทนไม่ได้อีก! ”พอพูดถึงเรื่องนี้ เสิ่นชิงรู้สึกเกลียดจนกัดฟันแน่นเธอพูดขึ้นว่า “แค่นั้นมันยังน้อยเกินไปสำหรับแม่ของลู่เจ๋ออะไรนั่น! ที่เธอต้องไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นก็สมควรแล้ว ให้เธอได้ลองชิมรสชาติความทรมานดูบ้าง แล้วก็ฉีดยากล่อมประสาทให้เธอด้วยวันละ2-3เข็ม! ”เฉียวซุนลูบหลังมือของเธอแล้วพูดเบา ๆ “เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วค่ะ! เรื่องนี้ก็อย่าบอกหลินเซียวเลยนะคะ เธอเป็นคนใจร้อน”เสิ่นชิงมักจะรู้สึกว่าเธอได้รับความไม่เป็นธรรมอยู่เสมอเฉียวซุนยิ้มเบา ๆ เธอ