ตอนที่กลับมา ลู่เจ๋อได้ถอดเสื้อคลุมของเขาออก แล้วคลุมตัวให้เฉียวซุนเอาไว้ขณะที่แต่งตัวให้เธอเขาก็สัมผัสได้ถึงซี่โครงของเธอ แม้จะมองผ่านเสื้อคลุมหนา ๆ ก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเธออ่อนแอมากจนไม่มีแรงพอจะให้ดิ้นรน ได้แต่เอนกายพิงเบาะผู้โดยสารอย่างเงียบ ๆ เสื้อคลุมสีดำคลุมใบหน้าส่วนใหญ่ของเธอเอาไว้ และส่วนที่สามารถมองเห็นได้ ก็มีสภาพที่ทั้งผอมและบางแหลมนูนออกมา......ชวนให้น่าตกใจอย่างยิ่งเธอยังคงเงียบและไม่พูดอะไรเธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเงียบ ๆ มองดูพระจันทร์เสี้ยวที่ค่อย ๆ เลื่อนผ่าน ราวกับว่ามันกำลังร่วงลงมาจากกิ่งไม้ ทันทีที่มีท้องปลาสีขาวปรากฏขึ้นบนขอบฟ้า เธอก็พูดเบา ๆ ออกมาว่า “ลู่เจ๋อ สวัสดีปีใหม่! ”แต่เขากลับไม่มีความสุขเลยเพราะเขารู้ว่า นี่คือคำบอกลาของเฉียวซุนที่กำลังบอกลาเขา นี่เป็นปีใหม่ครั้งสุดท้ายของพวกเขา......เขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยเธอไป เขาไม่อยากปล่อยเธอไปเลยจริง ๆ เขาอยากเริ่มต้นใหม่กับเธออีกครั้งรถจอดตรงสี่แยกในรถเงียบสงบ มีแค่การหายใจที่อ่อนแอของเฉียวซุนลู่เจ๋อพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงที่แหบห้าว เขาต้องการที่จะจับมือเธอ แต่เฉียวซุนกลับพยายามหลีกเลี่ยงเ
หลี่ชิงเฉิงล้มลงแนบไปกับตัวรถเธอมองลงไปที่อั่งเปาที่เธอตั้งใจเตรียมเอาไว้ แล้วยิ้มปนเศร้าอันที่จริงลู่เจ๋อเพิ่งจะพบโอกาส เขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้กับเฉียวซุน เขาพยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองเพื่อที่จะได้กลับมาคืนดีกันกับเธอ เป็นแค่ข้ออ้างที่พอจะสามารถชดเชยให้กับเฉียวซุนได้อีกครั้ง เขารักเฉียวซุน!เขารักเฉียวซุน......แล้วการรอคอยของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีความหมายความเลยอย่างงั้นเหรอ?หลายปีมานี้ที่คอยวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เฉียวซุนถูกทรมานจนมีสถาพแบบนี้แล้ว เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉียวซุนเลยด้วยซ้ำ......น่าขำสิ้นดี หลี่ชิงเฉิง เธอสู้เฉียวซุนไม่ได้ตรงไหนกัน?......ลู่เจ๋ออุ้มเฉียวซุนเข้าไปในวิลล่าคนรับใช้ที่ตื่นแต่เช้าเมื่อเห็นเฉียวซุน ต่างก็ต้องตกใจ จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา และพูดปนสะอื้นว่า “นายหญิง ทำไมถึงได้ผอมขนาดนี้! ทางนั้นไม่ให้อาหารแก่นายหญิงเลยเหรอคะ! ”เฉียวซุนอ่อนแรงเกินกว่าจะพูดตอบได้เธอฝืนยิ้มอย่างงุนงง และคนรับใช้ก็เช็ดน้ำตา “ฉันจะทำไข่ตุ๋นน้ำตาลทรายแดงให้ตอนนี้เลยค่ะ นายหญิงขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ”คนรับใช้รีบจากไปลู่เจ๋ออุ้มเฉียวซุนขึ้นไปชั้นบน เขาผลักประตูห้องน
ในขณะเดี๋ยวกันนี้เอง คนรับใช้ก็เข้ามาพร้อมกับบางอย่างเธอวางมันลงอย่างระมัดระวังพร้อมทั้งน้ำตา “นายหญิง รีบกินตอนที่มันร้อน ๆ เถอะค่ะ หากอยากทานอะไรอีก สั่งมาได้เลยนะคะ”เฉียวซุนยิ้มอย่างอ่อนแรง “ขอบคุณค่ะ! ”เรื่องของเจ้านาย คนรับใช้ไม่ควรเข้ามาแทรก ดังนั้นเธอจึงรีบจากไปอย่างเงียบ ๆเฉียวซุนมีแผนอยู่ในใจแล้วเธอพิงโซฟา และถือชามไข่ขึ้นมากินด้วยมือที่สั่นเทา จากนั้นเธอก็ดื่มน้ำแกงที่มีน้ำตาลลงไป......พอได้ทานอะไรบำรุงเข้าไปแล้ว เธอก็ฟื้นตัวขึ้นมาก แต่ก็ยังอ่อนแรงอยู่หลังจากทานเสร็จ เธอเกาะตรงขอบเปลเพื่อมองไปที่เจ้าหนูลู่เหยียน จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องเสื้อผ้าเพื่อเลือกเสื้อผ้าไปอาบน้ำตอนที่เธอออกมา ลู่เจ๋อก็จับข้อมือของเธอเบา ๆ “ร่างกายคุณยังอ่อนแรงอยู่ ให้ผมช่วยคุณอาบนะ! ”เฉียวซุนปฏิเสธดวงตาของลู่เจ๋อหรี่ลงเล็กน้อย “ผมแค่อยากจะดูแลคุณ คุณจะยอมรับหน่อยไม่ได้เลยเหรอ? ”เฉียวซุนยิ้มอย่างอ่อนแรง “ลู่เจ๋อ คุณไม่ใช่สามีของฉันอีกต่อไปแล้ว มันไม่ค่อยสะดวกค่ะ”ม่านตาของลู่เจ๋อหดตัวลง เฉียวซุนเพิกเฉยต่อเขา และเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเธอเองก็ยังมีศักดิ์ศรีของตนเองอยู่เธอไม่ต้อง
ดวงตาของลู่เจ๋อรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมานิดหน่อยเขาอดไม่ได้ที่จะจับเอวของเธอจากด้านหลัง ใบหน้าของเขาซุกอยู่ตรงช่วงคอของเธอ เสียงของเขาแทบจะสั่นขณะพูด “เฉียวซุน ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ! ผมจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอีก”เฉียวซุนชะงักไปครู่หนึ่ง เธอไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมาลู่เจ๋อหมุนตัวเธอให้หันมาหาเขา เขาจ้องมองที่เธอด้วยดวงตาสีแดงเข้ม เขายังอยากที่จะจูบเธออย่างกระตือรือร้นเพื่อพิสูจน์ว่าเธอยังคงเป็นของเขา ระหว่างพวกเขาอาจจะยังไม่สาย......เฉียวซุนยื่นมือออกไปเพื่อหยุดเขาอย่างอ่อนโยนบนแขนที่เรียวบางที่เต็มไปด้วยรอยเข็มของเธอ ตอนนี้มันได้กลายเป็นเหมือนช่องว่างระหว่างพวกเขาไปแล้ว......ทำให้เขาไม่อาจลุล้ำเข้าไปได้ม่านตาของลู่เจ๋อหดตัวลงเขาค่อย ๆ จับแขนของเธอ และวางมันไว้ในมือของเขาเขาไม่พูดร้องขออะไรอีกต่อไป เพียงแค่ถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “เฉียวซุน คุณช่วยรีดเสื้อให้ผมอีกสักครั้งได้ไหม? เสื้อที่คุณซื้อให้ผมครั้งล่าสุด ผมชอบมันมาก”ในเวลานี้เอง เสียงแตรรถก็ดังมาจากชั้นล่าง รถน่าจะเตรียมพร้อมเอาไว้แล้วเฉียวซุนพูดเบา ๆ “ฉันต้องไปแล้วค่ะ! ”การจากไปในครั้งนี้ พวกเขาก็จะไม่มีความเ
เฉียวซุนย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในเมืองเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางเมตร เธอกับป้าเสิ่น และเจ้าหนูลู่หยาน รวมถึงป้าอีกสองคน ก็ยังรู้สึกว่าค่อนข้างกว้างมากสำหรับพวกเขาอาการซึมเศร้าหลังคลอดของเธอก็ยังไม่หายขาดตอนกลางคืนป้าของเธอจะเป็นคนดูแลเจ้าหนูลู่หยาน ตอนกลางวันหากสภาพจิตใจของเฉียวซุนดีขึ้น เธอก็จะเล่นกับเจ้าหนูลู่เหยียน เด็กที่เพิ่งคลอดได้สี่ถึงห้าเดือน ค่อนข้างน่ารักมากเลยทีเดียวเสิ่นชิงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเธอมากเฉียวซุนพูดเบา ๆ “พาหนูไปรักษาเถอะค่ะ! ป้าเสิ่นไม่ต้องกังวลนะคะ สถานที่แบบนั้นหนูยังผ่านมาได้ ยังจะมีอะไรที่หนูทนไม่ได้อีก! ”พอพูดถึงเรื่องนี้ เสิ่นชิงรู้สึกเกลียดจนกัดฟันแน่นเธอพูดขึ้นว่า “แค่นั้นมันยังน้อยเกินไปสำหรับแม่ของลู่เจ๋ออะไรนั่น! ที่เธอต้องไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นก็สมควรแล้ว ให้เธอได้ลองชิมรสชาติความทรมานดูบ้าง แล้วก็ฉีดยากล่อมประสาทให้เธอด้วยวันละ2-3เข็ม! ”เฉียวซุนลูบหลังมือของเธอแล้วพูดเบา ๆ “เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วค่ะ! เรื่องนี้ก็อย่าบอกหลินเซียวเลยนะคะ เธอเป็นคนใจร้อน”เสิ่นชิงมักจะรู้สึกว่าเธอได้รับความไม่เป็นธรรมอยู่เสมอเฉียวซุนยิ้มเบา ๆ เธอ
เฉียวซุนไม่ต้องการได้ยินสิ่งเหล่านี้เธอหยิบเงินสดหนึ่งหมื่นบาทออกมาจากกระเป๋า แล้วโยนมันไปที่เท้าของไป๋เสวี่ย เธอรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าแค่ต้องการเงิน และเธอก็รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าก็ต้องการศักดิ์ศรีด้วยเช่นกัน เธอจึงยิ้มด้วยท่าทีที่เย็นชาแล้วพูดว่า “คุณต้องการความเห็นอกเห็นใจใช่ไหม? นี่ก็คือความเห็นอกเห็นใจของฉัน ถ้าคุณต้องการก็หยิบมันขึ้นมาเอง”สีหน้าของไป๋เสวี่ยซีดเซียว เธอไม่เคยถูกคนอื่นดูถูกเช่นนี้มาก่อนแต่เธอก็ทำได้แค่นั่งยอง ๆ และเก็บเงินขึ้นมาทีละใบ เธอต้องการเงินสำหรับหน้าหนาวจริง ๆ......ไม่เช่นนั้นเธอก็จะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าหลังจากเก็บเงินขึ้นมาแล้วเธอก็ยืดตัวขึ้น และเธอก็มองเห็นลู่เจ๋อทันทีลู่เจ๋อสวมชุดสูทคลาสสิกสีขาวดำ เสื้อคลุมด้านนอกเป็นลายตารางสไตล์อังกฤษ ทำให้เขาดูหล่อแบบผู้ใหญ่เขายืนพิงรถแล้วมองดู เขาจ้องด้วยสายตาที่ลึกเกินคาดเดาไป๋เสวี่ยทั้งอายทั้งโกรธ!แต่เธอก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง เธอคิดว่าแบบนี้ก็จะทำให้คุณลู่มองเห็นด้านที่แท้จริงของคุณหญิงลู่อย่างชัดเจน แบบนี้คุณลู่ก็จะคิดว่า ผู้หญิงที่ใจร้ายแบบนี้ ไม่มีค่าพอให้เขาชอบหากเขาเห็นเธอกำลังถูกทำให้อับอาย เ
ลู่เจ๋อมักจะเป็นคนที่ใส่ใจอยู่เสมอเขาพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เมื่อก่อน ตอนที่คุณยังคบกับผมอยู่ คุณไม่เคยเป็นแบบนี้! ”ด้านนอก ตอนนี้ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้วภายในห้องพักให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่นและสว่างสดใส เฉียวซุนยืนอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เป็นใจ เธอดูอ่อนโยนและนุ่มนวลเธอจ้องมองไปทางลู่เจ๋อ แล้วพูดเบา ๆ “เพราะพวกเราต่างกันเกินไป! ตั้งแต่แต่งงานกันมา สถานะของเราทั้งคู่ก็ไม่เท่าเดิมอีกเลย สิ่งที่ต้องจัดการในทุก ๆ วันก็คือสามีที่เย็นชา ฉันไม่รู้ว่าฉันพูดอะไรผิดไป ถึงได้ทำให้เขาไม่พอใจ ฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิดกันแน่ เขาถึงไม่ยอมพูดกับฉันเป็นอาทิตย์ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาแบบนี้ จะมีผู้หญิงที่ไหนที่จะสบายใจกับความสัมพันธ์แบบนี้บ้าง”ดวงตาของลู่เจ๋อร้อนผ่าว “งั้นถ้าหากผมบอกว่าจะเริ่มใส่ใจคุณตั้งแต่ตอนนี้ เคารพคุณตั้งแต่ตอนนี้ล่ะ? ”เฉียวซุนยิ้มเบา ๆ “มันจะมีประโยชน์อะไร? ”เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนออกจากอ้อมแขนของเขา เธอปลอบเจ้าตัวน้อยไปพลาง พูดกับเขาไปพลาง “ลูกคุณก็ได้เห็นแล้ว งั้นฉันก็ขอไปส่งละกันนะคะ! ”ในเวลานี้ เสิ่นชิงนำเกี๊ยวสองสามจานออกมาลู่เจ๋อไม่สามารถอยู่ต่
ทันทีที่เฉียวซุนพูดจบ ริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดกั้นบางทีอาจเป็นเพราะอารมณ์ของเขาถูกกดไว้มากเกินไป หรืออาจเพราะเขาถูกกระตุ้นโดยเมิ่งเยียนหุยผ่านทางโทรศัพท์ ลู่เจ๋อจึงประกบริมฝีปากสีแดงของเธอไว้กับปากของเขาอย่างไม่สนใจ เป็นกระทำที่ค่อนข้างป่าเถื่อน......ร่างกายถูกบดขยี้ ริมฝีปากและลิ้นก็พันกันยุ่งเหยิงอย่างไรก็ตาม แม้จะจูบกันอย่างเร่าร้อนแค่ไหน ทั้งสองฝ่ายก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดบางอย่างของอีกฝ่ายได้หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดลู่เจ๋อก็ปล่อยมือทันทีที่เขาปล่อยมือ เขาก็ถูกเฉียวซุนตบหน้าทันที แทนที่เขาจะโกรธ แต่เขากลับโน้มตัวไปตรงคอของเธอ เพื่อทำให้เธอสงบลงอย่างอ่อนโยน รสชาติของเฉียวซุนดูเหมือนจะยังคงติดอยู่ตรงริมฝีปากและฟันของเขาเฉียวซุนผลักเขาออกอย่างแรงแต่เธอกลับผลักเขาไม่ได้ เพราะลู่เจ๋อล็อกเธอเอาไว้แน่นในอ้อมแขนของเขา หัวใจของเขาเต้นแรง เพียงเพื่อจะกระซิบข้างหูเธอ “เฉียวซุน ผมชอบคุณ”เขาชอบเธอตั้งแต่ต้นจนจบ เธอคือคนเดียวที่เขาชอบมาโดยตลอดแต่ช่วงเวลานี้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมเอาซะเลย แต่เขากลับทนรอไม่ไหวที่จะสารภาพรักกับเธอ เมื่อก่อนเขาปฏิบัติต่อเธออย่างเลวร้าย แต่