ในใจของพวกเขาเกิดความรู้สึกที่ท่วมท้นขึ้นแม้กระทั่งเมื่อกี้ ตอนที่พวกเขาทำกันอย่างดุเดือด มันก็ไม่ได้ซาบซึ้งเท่าช่วงเวลาในตอนนี้น้ำตาที่หางตาของเฉียวซุน มันเต็มไปด้วยความรักและความเกลียดชังที่เธอเคยมีต่อเขา น้ำตาไหลทีละหยดอย่างไม่เต็มใจ ก็ถูกลู่เจ๋อทั้งเลียและจูบออกไปจนหมดเสียงของเขาฟังดูแหบแห้ง “คุณยังเกลียดผมยู่ใช่ไหม? ยังรักผมอยู่รึเปล่า? ”เฉียวซุนเบือนหน้าหนีเธอไม่อยากที่จะตอบคำถามนี้เธอปฏิเสธที่จะตอบ ลู่เจ๋อจึงต้องกดเธอและลูบไล้เธออย่างแรง ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง เพื่อเฝ้าดูปฏิกิริยาของเธอ เขาอยากจะเห็นความรู้สึกเก่า ๆ บนใบหน้าของเธอ เผื่อว่าจะเจอร่องรอยของความรักที่เธอมีต่อเขา......แต่เฉียวซุนก็ไม่เคยโต้ตอบเขาเลยลู่เจ๋อพลิกตัว และนอนอยู่ข้าง ๆ เธอ แต่มือข้างหนึ่งของเขาก็ยังคงพาดอยู่บนร่างกายของเธออยู่ ใบหน้าของเขาซุกเข้าไปที่ช่วงคอของเธอ และท่าทางของเขาก็ต่ำมาก “ช่วงไม่กี่ปีมานี้ผมไม่เคยมีใคร ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการ แต่เป็นเพราะผมไม่คิดจะหาต่างหาก เฉียวซุน ผมกลัวว่าคุณกลับมาแล้วจะไม่พอใจ”เขาเคยคิดเอาไว้ ว่าเธอก็อาจจะหาใครสักคนเหมือนกันแต่พอเขาเห
แม้ปากจะบอกว่าทำเพื่อเด็กแต่พวกเขาก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาสองสามปีแล้ว ประสบการณ์ในฐานะสามีภรรยาทั้งหมดของพวกเขาก็มาจากการที่ต่างฝ่ายต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ค่ำคืนอันแสนเร่าร้อนเหล่านั้น ต่อให้พวกเขาจะเกลียดจนถึงขั้นไม่เผาผีกัน ยังไงพวกเขาก็ลืมมันไปไม่ได้ง่าย ๆ อยู่ดี......ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ พวกเขาก็กำลังหวนนึกถึงวันคืนเก่า ๆ อีกครั้งลู่เจ๋อยืนอยู่ข้างเตียง มองดูเฉียวซุนแต่งตัวอย่างเงียบ ๆ เธอเองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงเขา ยังไงซะ สิ่งที่ควรเห็นก็เคยเห็นมาก่อนแล้ว มันไม่ได้มีอะไรน่าอวดขนาดนั้นพอถึงตอนที่กำลังจะไป เธอก็เห็นว่าปกเสื้อของเขางอนิดหน่อย เธอชินกับการช่วยเขาปรับให้ตรงจนเป็นนิสัยก่อนที่จะวางมือลง ลู่เจ๋อก็คว้าเอาไว้ดวงตาสีเข้มของเขาที่ไม่อาจคาดเดาได้ ก็กำลังจ้องมองเธออยู่ แล้วถามคำถามที่เข้าใจยากออกมา “คุณเองก็ช่วยเขาจัดเสื้อแบบนี้เหรอ? ”เขาคนไหน......เฉียวซุนยังไม่ทันได้ตอบอะไร แต่ลู่เจ๋อก็ปล่อยมือเธอ แล้วเข้าไปในลิฟต์ก่อนเฉียวซุนเดาว่าเขาน่าจะเข้าใจอะไรผิดอยู่หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอก็เดาได้ว่าคงจะกำลังเข้าใจคุณฟ่านผิดอยู่ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้เธอได้เข้
วอร์ดพิเศษ VIP ของโรงพยาบาลลู่เจ้าหนูลู่เหยียนสวมชุดของโรงพยาบาล นอนอยู่บนเตียงสีชมพู และนอนหลับอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแดงก่ำไปด้วยพิษไข้หมอได้ให้น้ำเกลือแก่เธอแล้วของเหลวใส ๆ ค่อย ๆ ตกลงมาทีละหยด......ผู้อำนวยการโจวรีบวิ่งเข้ามาเธอแบ่งปันข้อมูลของเจ้าหนูลู่เหยียนให้กับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลลู่ หลังจากพูดคุยกันสักพัก รองผู้อำนวยการก็พูดขึ้นเบา ๆ ว่า “เราจำเป็นต้องเจาะอีกครั้ง เพื่อดูสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง! ประธานลู่มีความคิดเห็นอย่างไรครับ? ”ลู่เจ๋อมองไปที่เฉียวซุนเฉียวซุนในเวลานี้ เธอก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ เธอพยายามปิดปากเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองพ่นคำที่ไม่สุภาพออกมา และเดินตรงเข้าไปในห้อง......หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็เดินตามเข้ามาเฉียวซุนยืนอยู่หน้าต่าง เธอแค่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็รู้ว่าเป็นลู่เจ๋อ ยากมากที่เธอจะอารมณ์เสียที่ขนาดนี้ “เธอเพิ่งจะอายุแค่สี่ขวบเอง...... ลู่เจ๋อ เธอเพิ่งจะสี่ขวบเองนะ! ”“ผมรู้! เฉียวซุน ผมรู้ดี”ลู่เจ๋อเข้ามาข้างหลังเธอ ใช้แขนโอบไหล่เธอเพื่อปลอบ “ผมเองก็เป็นห่วง ผมก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน! แต่ว่านะ เฉียวซุน เจ้าหนูลู่เหยียนเธอกล้าหาญ
เขารู้สึกผิดกับเด็กคนนี้มากขนาดไหน!กลิ่นควันตลบอบอวน แล้วหางตาของลู่เจ๋อก็มีน้ำตาไหลออกมา เขาไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าเจ้าหนูลู่เหยียนเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ เจ้าหนูลู่เหยียนจะเป็นยังไง แล้วเฉียวซุนล่ะ จะเป็นยังไง.....เขาไม่ร้องขอการให้อภัยจากเฉียวซุนอีกต่อไปเขาแค่อยากให้พวกเธอทั้งคู่ปลอดภัย......พอถึงรุ่งสาง ลู่เจ๋อก็ไปที่วัดหลิงเซียววัดโบราณที่อยู่ลึกเข้าไปในภูเขา ทั้งสะอาดและปราศจากฝุ่นเขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า แต่กลับคุกเข่าลงต่อหน้าพระพุทธรูปเป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อต้องการขอพรให้ท่านคุ้มครองเจ้าหนูลู่เหยียนตอนที่ลงจากภูเขา ลู่เจ๋อก็พบกับพระภิกษุรูปหนึ่งที่กำลังกวาดพื้นอยู่พระภิกษุรูปนั้นชี้ไปทางเขาแล้วยิ้ม “ไม่ว่าคุณจะบริจาคธูปมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถล้างบาปของคุณได้ เลือดก็ต้องล้างด้วยเลือด ชีวิตก็ต้องแลกด้วยชีวิต! ”เมื่อพระภิกษุจากไป เขาก็พึมพำอะไรบางอย่างออกมา “บนโลกนี้ผู้ชายช่างโหดเหี้ยมเสียจริง จะมีใครบ้างที่ยอมแลกชีวิตของตัวเองให้กับภรรยาและลูก? น่าขัน! น่าขันสิ้นดี! ”ลู่เจ๋อกลับยืนอยู่เงียบ ๆเขากำเครื่องรางไว้ในมือ แล้วพูดกับพระภิกษุเบา ๆ “ผมยอม! ”เขาติ
ในใจเลขาฉินรู้สึกเศร้าเธอต้องการปลอบเขา แต่กลับไม่สามารถปลอบเขาได้เลย......เวลาไม่สามารถเยียวยาทุกสิ่งได้ บาดแผลบางบาดแผลก็เหมือนจะเน่าเปื่อยอยู่ข้างในเนื้อหนัง ด้านนอกมองไม่ออก แต่ข้างในกลับเน่าเฟะจนเกินเยียวยาลู่เจ๋อขอให้เธอออกไปข้างนอกก่อน เขาบอกว่า เขาต้องการอยู่เงียบ ๆ สักพักรอจนในห้องทำงานไม่มีใครอื่นแล้ว เขาก็จุดบุหรี่ด้วยมือที่สั่นเทา แต่เขาก็รีบดับบุหรี่ทิ้งเขาคิดถึงเมื่อก่อน คิดถึงตอนที่เฉียวซุนเคยพูดไปพลางร้องไห้ไปพลางเธอพูดว่า ลู่เจ๋อ คุณไม่รู้จักวิธีรักใครเลยด้วยซ้ำ!ใช่!ในอดีต เขาไม่รู้จักวิธีรักคนอื่น เพราะในใจของเขา อำนาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้หญิงและลูกก็เป็นเพียงเครื่องประดับ เป็นแค่สิ่งที่เขาจะมีเมื่อไหร่ก็ได้แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ารักคืออะไร กระทั่งข้าง ๆ เธอมีคนอื่นแล้วเขาก็รู้ แต่เขาก็ยังคงทำพินัยกรรมไว้อยู่ดี หากมีอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะมอบลู่ซื่อกรุ๊ปให้เธอทั้งหมดเครื่องรางที่เขาให้เจ้าหนูลู่เหยียนนั้นยังไม่เพียงพอ งั้นก็เพิ่มทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีเข้าไปชีวิตของเขา!โชคชะตาของเขา!เขายินดีที่จะใช้ทุกสิ่งที่ตัวเองมี เพื่อแลกกลับการที่ให้เจ้
เธออดไม่ได้ที่จะสะอื้นออกมาลู่เจ๋อเดินไปหาเธอ จับไหล่บาง ๆ ของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง และเรียกชื่อเธอเบา ๆ “เฉียวซุน! ”เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นท่าทางที่อ่อนแอของเธอ เธอจึงก้มหน้าลงเพื่อที่เขาจะได้ไม่เห็น แต่ลู่เจ๋อก็เพิ่มแรงขึ้นเล็กน้อยและกดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา......สักพัก ช่วงหน้าอกเสื้อเชิ้ตของเขาก็เปียกเป็นวงขึ้นมานั่นคือน้ำตาของเฉียวซุนหลังจากแยกทางกันหลายปี ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ในที่สุดเธอก็ต้องมาอยู่ในอ้อมแขนของชายที่เธอเคยรักและเคยเกลียดจนได้ ร้องไห้จนไม่เป็นตัวเอง ร้องไห้จนควบคุมไม่อยู่ จุดอ่อนทั้งหมดของเธอถูกแสดงออกมาต่อหน้าเขา ไม่เหลือที่ให้ถอยอีกแล้ว!ลู่เจ๋อกอดเธอเอาไว้แน่นแค่กอดเธอเอาไว้เท่านั้น และช่วยพยุงเธอในตอนนี้ เขาถึงขั้นเต็มใจสละชีวิตให้เธอเลยด้วยซ้ำ เขากระซิบข้างหูเธอ เขาเรียกเธอว่าเสี่ยวซุน เขาบอกให้เธอหยุดร้องไห้ เขาบอกว่าเธอร้องไห้มากจนทำให้ใจของเขาแทบแตกสลาย......เจ้าหนูลู่เหยียนที่กำลังเล่นลูกบอลยางอยู่ ก็วิ่งเข้ามา และเห็นพวกเขากำลังกอดกันอยู่พอดีเฉียวซุนรีบผลักลู่เจ๋อออกอย่างรวดเร็วเธอหันหลังกลับ ทำเสียงให้สงบลงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ขอโ
ทันใดนั้นบรรยากาศก็ให้ความรู้ค่อนข้างอธิบายยากเฉียวซุนมองดูเขา เธอมองผ่านดวงตาของลู่เจ๋อ แต่กลับไม่สามารถมองเห็นความปรารถนาของชายคนนั้นได้เลย การแสดงออกของสีหน้าเขา อาจกล่าวได้ว่าเป็นสายตาที่จริงจังอย่างกับนักพรตเลยก็ว่าได้หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็ตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา “สองวันสุดท้ายแล้ว! ”พวกเขาต้องการมีลูกด้วยกันเฉียวซุนไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด เธอคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดเบา ๆ “ฉันขอไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อย...... ”ก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบ ก็ถูกลู่เจ๋ออุ้มขึ้นมา แล้วพาเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่นเฉียวซุนกลัวว่าตัวเองจะร่วง เธอจึงกอดคอเขาเบา ๆแม้ว่าท่าทางของเธอจะดูเรียบเฉยแต่ลู่เจ๋อกลับจำคืนวันแต่งงานขึ้นมาได้ เขาก็อุ้มเธอเข้าไปในห้องนอนแบบนี้เหมือนกัน ในตอนนั้น ใบหน้าของเฉียวซุนเต็มไปด้วยความเขินอายของเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงาน แต่คืนนั้นเขากลับไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอเท่าที่ควรก้าวเดินสั้น ๆ ไม่กี่ก้าว ก็ให้ความรู้สึกที่หลากหลายอาจเป็นเพราะมีบางอย่างติดอยู่ในใจของพวกเขา หรือบางทีที่พวกเขาทำแบบนี้อาจแค่ทำเพื่ออาการป่วยของเจ้าหนูลู่เหยียนเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมปล่อยเซ็กส์ของพ
ลู่เจ๋อไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมา แขนของเขากระชับขึ้น กอดร่างผอมเพรียวของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา เขายังจูบเนื้อนุ่ม ๆ ที่หลังใบหูของเธออีกด้วย ทำให้เกิดเสียงคลุมเครือจากลำคอ “ผมรู้ ผมก็แค่อยากกอดคุณ”เฉียวซุนหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบเสียงหัวเราะที่เย็นชาของเธอ เขาจะไม่รู้ได้ยังไง เขากระซิบกับร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอ “เฉียวซุน อย่างน้อยปีนี้ พวกเราเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ! ”ในอดีต ลู่เจ๋อไม่เคยคิดเลย ว่าเขาจะจมลงสู่ห้วงของความรู้สึกขนาดนี้เขามองเธอด้วยสายตาที่ร้อนผ่าวเฉียวซุนยังคงหัวเราะด้วยสีหน้าที่ราบเรียบออกมา เธอตอบตกลง......ร่างกายของเธอถูกเขากดเอาไว้ จากนั้นเขาก็จูบเธออย่างบ้าคลั่ง เขาค่อย ๆ ดึงชุดนอนของเธอลง เขาอยากทำให้เธอพอใจและทำให้เธอมีความสุขในห้องนอน เจ้าหนูลู่เหยียนก็ตื่นขึ้นมาเธอขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่ง บนตัวยังคงสวมชุดนอนเต็มตัวอยู่ เธอทำเสียงเหมือนลูกแมว “หนูอยากเข้าห้องน้ำ! ”ร่างกายของลู่เจ๋อแข็งทื่อเล็กน้อย แต่เขายังคงกดทับเฉียวซุนไม่ปล่อย ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองไปที่เธอ สายของเขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความลามกของผู้ชายที่ไม่ได้เห็