นี่มันรูบิคยุคโบราณหรือนี่?แต่ก็เป็นเพียงรูบิคสามคูณสามขั้นพื้นฐานเท่านั้นอีกทั้งยังเป็นรูบิคที่ทำจากหยกเสียด้วยผู้คนมองสิ่งของที่อยู่ในมือของปานปู้ ผู้คนสงสัยกันอย่างยิ่งชาวต้าเฉียน นอกจากหยุนเจิงแล้ว ก็ไม่มีใครเคยเห็นสิ่งของเช่นนี้มาก่อนปานปู้มองไปที่ผู้คนด้วยแววตาหยิ่งยโส “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าต้าเฉียนนั้นวรรณกรรมสูงส่ง มีปราชญ์ที่มากความสามารถมากมาย”“วันนี้ ข้าผู้เป็นราชครูจึงได้นำของสิ่งนี้มาทดสอบทุกท่าน ดูสิว่าจะมีใครในต้าเฉียนที่สามารถแก้ของสิ่งนี้ได้หรือไม่!”“หากต้าเฉียนไม่มีนายทหารที่แกร่งกล้า และไม่มีทั้งปราชญ์ผู้ปราดเปรื่องรอบรู้ แล้วเหตุใดราชครูเช่นข้าต้องทำการคาราวะด้วย?”ผู้คนพอได้ฟังคำของปานปู้ก็ฉงนใจยิ่ง“ข้าขอลอง!”เซียวว่านโฉวเป็นคนแรกที่พุ่งตัวออกไป เขาตะคอกด้วยความรังเกียจ "ของพรรค์นี้ ข้าสามารถบดขยี้มันได้ด้วยมือเดียว!"“…”ใบหน้าหยุนเจิงกระตุก มองไปที่ชายชราอย่างหมดคำจะพูดผู้อื่นให้เจ้ามาแก้ลูกรูบิค!ไม่ใช่ให้เจ้ามาทุบจนแตก!“ท่านแม่ทัพใหญ่เจียง เกรงว่าเจ้าจะไม่เข้าใจคำของข้า”ปานปู้หัวเราะกล่าว “ข้าให้เจ้าแก้ของสิ่งนี้ ไม่ใช่ให้เจ้าทุบตีมั
ปานปู้มองไปทางหยุนลี่อย่างเหยียดหยามราวกับกำลังมองลิงอย่างไรอย่างนั้น “นี่เพิ่งจะแก้ได้ด้านเดียวเอง ยังมีอีกตั้งห้าด้าน!”“ล้วนใช้หลักการเดียวกันทั้งนั้น!”หยุนลี่หัวเราะอย่างได้ใจ “แก้ได้ด้านหนึ่งแล้ว ด้านที่เหลือก็เช่นเดียวกันมิใช่รึ?”ผู้คนพอได้ยินก็พยักหน้าตามหยุนเจิงที่มองหยุนลี่หมุนลูกรูบิควนอยู่กับที่เดิม ก็อดลอบส่ายหัวไม่ได้ไอ้งั่งเอ้ย!ของที่แก้ง่ายเช่นนี้ ยังให้ผู้อื่นนำมาข่มขู่พวกเจ้าได้?พวกเจ้าคิดว่าตนเป็นคนฉลาดจริงๆ หรือ?ล้วนเป็นพวกเก่งแต่โอ้อ้วดทั้งนั้น!เสิ่นลั่วเยี่ยนที่เห็นหยุนเจิงส่ายหัว ก็แค่นเสียงเหอะ “อิจฉารึไง”“ข้าเนี่ยนะอิจฉาเขา?”หยุนเจิงเบะปาก “เขาแก้ไม่ได้หรอก!”“เจ้าอิจฉาเขาชัดๆ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนแค่นเสียงเหอะ “ถ้าเจ้าเก่งก็ลองไปแก้ดูสิ! หากทำไม่ได้ก็อย่ามาแช่งผู้อื่นด้วยความอิจฉาอยู่ที่นี่!”มุมปากหยุนเจิงกระตุก พูดถามขึ้นว่า “นี่เจ้าคงไม่ได้ชอบเจ้าสามหรอกนะ?”“ถุย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนพ่นถุยเบาๆ พูดอย่างรังเกียจเต็มใบหน้า “เป็นคนที่ไร้น้ำใจที่สุดก็คือราชวงศ์! ข้าไม่อยากเกี่ยวดองกับใครทั้งนั้นในเชื้อพระวงศ์นี้!”เอ๋?ยัยเด็กนี่ก็ไม่ได้โง่นี
องค์ชายหก?หยุนเจิง?เศษสวะนั่น?ในแวบแรก ในสมองของแต่ละคนมีคำศัพท์ดังด้านบนผุดขึ้นแต่คำพวกนี้ พูดถึงหยุนเจิงคนเดียวเมื่อครู่เขาว่าเยี่ยงไรนะ?แค่ป้านน้ำชาเดียว เขาก็สามารถแก้ปริศนาของสิ่งนี้ได้?เศษสวะผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ?มีผู้เพียบพร้อมทั้งด้านบู๊บุ๋นและองค์ชายพร้อมทั้งเครือญาติมากมายเพียงนี้ ยังไม่สามารถแก้ปริศนาของเจ้าสิ่งนี้ได้ เขายังจะมาพูดอีกว่าเพียงเวลาป้านน้ำชาเดียวก็สามาถแก้ปริศนาของสิ่งนี้ได้?แม้นจะอยากเรียกร้องความสนใจ แต่ก็ไม่ควรคุยโวถึงเพียงนี้!เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นผู้คนต่างมองมาทางนี้ นางแทบจะกระอักเลือด จึงรีบออกแรงดึงหยุนเจิง เพื่อส่งสัญญาณให้เขานั่งลงเจ้าคนขี้ขลาดตาขาวไร้ความสามารถนี่ เป็นบ้าหรือไง!ตอนที่ควรจะลุกยืนขึ้นมาแก่งแย่งแสดงความสามารถกลับไม่ยืนคืน ตอนที่ไม่ควรจะยืนขึ้นมาหาแสง เขากลับกระตือรือร้นขึ้นมา?แถมยังจะเวลาแค่ป้านน้ำชาเดียวอีก?ให้เวลาเขาครึ่งปี เขาก็คงแก้ปริศนาของสิ่งนี้ไม่ได้!“น้องหก นั่งลง!”สีหน้าขององค์ชายรองย่ำแย่ทันที รีบแค่นเสียงดุว่า “นี่เป็นเรื่องใหญ่ของรัฐ ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาทำตัวไม่รู้หนักรู้เบา!”สวีสือฝู่มองไปทางห
ตายเสียเถอะ! ตายเสียเถอะ!ยิ่งตายเร็วยิ่งดี!หากเขาตายเร็วขึ้น ตนก็ไม่ต้องแต่งงานกับเขาแล้ว!หยุนเจิงยิ้ม “ท่านราชครูมั่นใจเพียงนี้เลยหรือว่าข้าจะแก้ปริศนาไม่ได้?”“แน่นอน!”ปานปู้พูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า “ของสิ่งนี้ข้าเป็นคนทำขึ้น ตัวข้าเองยังมิสามารถแก้ได้ภายในเวลาเพียงป้านน้ำชาเดียวเลย!”“หา?”หยุนเจิงชะงักงัน มองดูปานปู้อย่างตกตะลึงอะไรของท่าน!ของนี้ออกมาจากมือของตนเอง แต่กลับไม่สามารถทำให้กลับกลายเป็นดังเดิมได้?แล้วคนผู้นี้คิดจัดทำของเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรเล่า?หยุนลี่เห็นสภาพตะลึงงันของหยุนเจิง ก็ลอบหัวเราะในใจยกใหญ่เจ้าเศษสวะ ตะลึงค้างไปเลยล่ะสิ?ตอนนี้คุยโวเกินตัวไปแล้วล่ะสิท่าคนอย่างเขาเนี่ยนะ คิดอยากจะติดลมบนกับเขา!เหตุใดจึงไม่ลองตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาของตนเองเสียบ้าง!“หยุนเจิง!”ทันใดนั้นเสียงของจักรพรรดิเหวินก็เปลี่ยนเป็นเข้มงวดขึ้นมาก ตรัสด้วยโทสะว่า “นั่งลง!”“เสด็จพ่อ ได้โปรดเชื่อลูกด้วย!”หยุนเจิงมองไปทางจักรพรรดิเหวินอย่างนิ่งสงบคราหนึ่ง แล้วพูดกับปานปู้ว่า “ท่านราชครู ในเมื่อท่านบอกว่าท่านไม่สามารถแก้ปริศนาของสิ่งนี้ได้ภายในชั่วเวลาป
จักรพรรดิเหวินไม่อยากทอดพระเนตรอีก จึงหันพระวรกายไปอีกด้านทันทีภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของผู้คน หยุนเจิงตรวจสอบรูบิครอบหนึ่ง จากนั้นสองมือก็เริ่มขยับ...ยังไม่รอจนผู้คนดึงสติกลับมาได้ หยุนเจิงก็หยุดท่าทางลงแล้วภายใต้สายตาที่งุนงงของผู้คน หยุนเจิงชูรูบิคขึ้นสูงรูม่านตาของปานปู้หดตัวลงทันที มองไปที่รูบิคในมือของหยุนเจิงอย่างงุนงง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองเป็นไปไม่ได้!เหตุใดจึงว่องไวเพียงนี้?ผู้คนแห่งต้าเฉียนมองไปที่รูบิคในมือของหยุนเจิง ก็ล้วนอึ้งจนตาค้างแค่นี้ก็…แก้ปริศนาได้แล้ว?ผู้คนขยี้ตาของตนเองอย่างแรง ไม่อยากจะเชื่อฉากที่อยู่ตรงหน้าทว่า รูบิคก็ยังคงเป็นรูบิคนั่นเพียงแต่ ทั้งหกด้านนั้น แต่ละด้านเป็นสีเดียงกันแก้ปริศนาได้แล้วจริงๆ!นี่มันไม่ใช่ชั่วเวลาเพียงป้านน้ำชาเดียวที่หยุนเจิงพูด!แต่มันคือชั่วขณะหายใจเดียวต่างหาก เขาก็สามารถแก้ได้แล้ว!หยุนลี่กับองค์ชายท่านอื่นตะลึงค้างไปนี่เป็นไปได้อย่างไรพวกเขาลองแกะแงะไปครึ่งค่อนวัน อย่างมากก็แก้ได้เพียงด้านเดียว!แต่เจ้าเศษสวะผู้นี้เหตุใดจึงสามารถแก้ปริศนาของสิ่งนี้ได้ไวเพียงนี้?สมควรตาย!นี่มันเรื่อ
หยกกรุ๊งกริ๊ง?หยกกรุ๊งหยกกริ๊งบิดาเจ้าสิ!สอดส่องดูทิศทางแห่งสวรรค์ในยามค่ำคืนมารดาเจ้าสิ!หากบอกว่าเจ้าทะลุมิติมา ยังจะฟังดูน่าเชื่อถือหน่อย!หยุนเจิงกระแหนะกระแหนขึ้นอย่างรุนแรงในใจ จากนั้นก็ส่ายหัวกล่าวว่า “ไม่ ของสิ่งนี้เรียกว่ารูบิค!”“รูบิค?”ปานปู้ขมวดคิ้วมุ่นนี่เป็นหยกกรุ๊งกริ๊งที่ตนเป็นคนคิดค้นขึ้นแท้ๆ!หยุนเจิงหัวเราะ จากนั้นกล่าวว่า “ไม่ปิดบังท่านราชครู ตอนที่ข้าอายุสิบขวบ ข้าก็เคยพบเห็นของสิ่งนี้ในบันทึกโบราณของราชวงศ์ข้าแล้ว ตอนที่ไม่มีอะไรทำข้าได้ลองใช้ไม้ทำของสิ่งนี้ขึ้นมา!”“อีกทั้ง รูบิคที่ข้าเล่น ทั้งหมดมีถึงสิบหกช่องแล้ว!”“ยากกว่าหยกกรุ๊งกริ๊งของเจ้ามาก!”กริ้บกริ้ว!พวกนางกำนัลกับองครักษ์ในเรือนปี้ปัวถูกกำจัดไปหมดแล้วตนจะแต่งอย่างไรก็ไม่มีใครคัดค้านได้ตนจะว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น!ปานปู้ฟังคำของหยุนเจิง ใบหน้าชราของเขาอดกระตุกไม่ได้สิบหกช่อง?เขาอายุเพียงสิบขวบก็สามารถทำหยกกรุ๊งกริ๊งออกมาได้แล้ว?นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”ปานปู้ดวงตาแดงก่ำ กัดฟันกล่าว “เจ้าก็แค่โชคดีเท่านั้น!”“งั้นรึ?”หยุนเจิงส่ายหัวยิ
หลับตา!ทั้งยังแก้ปริศนาของสิ่งนี้ภายในชั่วเวลาป้านน้ำชาเดียวอีก?บ้าไปแล้ว!หยุนเจิงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!เศษสวะไร้ประโยชน์ผู้นี้ ชนะเดิมพันเพราะโชคช่วยไปคราหนึ่ง ยังจะทำตัวเหลิงอีก!จักรพรรดิเหวินโกรธจนสั่นไปทั้งพระวรกาย ดวงเนตรทั้งคู่แทบลุกเป็นไฟ มองไปยังหยุนเจิงหยุนเจิงกลับไม่ได้ใช้เรื่องใหญ่ของรัฐไปเป็นเดิมพันยังคงใช้ศีรษะของเขาเป็นเดิมพันแถมยังจะปิดตาแก้ปริศนารูบิคอีกเหตุใดเขาจึงไม่พูดไปเสียเลยว่าเขาจะใช้วิธีของเทพเซียนมาแก้รูบิคไอ้เด็กเวรนี่ เขาอยากตายมากขนาดนี้เลยหรือไงจักรพรรดิเหวินโทสะพุ่งขึ้น หากไม่ใช่เพราะไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าคณะทูตเป่ยหวน่ะก็ เขาถีบหยุนเจิงไปตั้งนานแล้วเสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็โกรธเป็นอย่างมากตอนแรก หยุนเจิงใช้วิธีเดิมพันเพื่อเรียกคือดินแดนของต้าเฉียนที่เสียไป ได้สร้างคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ไว้แต่ปรากฏว่า ไอ้เวรนี่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ยังจะเดิมพันกับราชครูแห่งเป่ยปวนอีก?และยังจะใช้ศีรษะของเขาเป็นเดิมพัน!นี่ยังไม่ได้รนหาที่ตายหรอกหรือ?หลับตาแก้ปริศนาของสิ่งนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้!พอคิดว่าตนฉุดเดิงหยุนเจิงกี่ครั้งก็มิอ
ปานปู้ฟังคำพูดของหยุนเจิงไปด้วย สีหน้าเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด ราวกับว่าเพิ่งโดนคนลากไปตบกลางสี่แยกมาเขาอยากโต้แย้งเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีทางโต้ได้เรื่องราวก็ประจักษ์อยู่ตรงหน้าแล้ว!ของที่ตัวเองสร้างขึ้นมา หยุนเจิงปิดตาแก้ปริศนา ยังใช้เวลาน้อยกว่าที่ตนแก้ปริศนาเสียอีก!หากเขาพูดว่าไมได้ครูพักลักจำมา ใครจะเชื่อเล่า?“ฮ่าๆ…” เสียงหัวเราะดังปลุกผู้คนที่ตกอยู่ในภวังค์ให้ตื่นขึ้นเซียวว่านโฉวจ้องไปที่ปานปู้ หัวเราะเสียงดังกล่าว “ท่านราชครูเอ๋ย พวกท่านลักจำเรียนไปจากราชวงศ์ของข้า แล้วตอนนี้ยังจะมาโอ้อวดรูบิคต่อหน้าราชวงศ์ข้าอีก นี่ไม่ใช่เรื่องน่าขบขันหรอกหรือ?”ผู้คนพอได้ยินคำพูดของเซียวว่านโฉวก็ชะงักงันไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้น“อวี้กั๋วกงพูดถูกต้อง!”“ศิษย์ยังจะอยากจะมาทดสอบฝีมืออาจารย์ จะไม่ใช่เรื่องน่าขบขันได้อย่างไรเล่า”“ท่านราชครูเอ๋ย สิ่งที่เป่ยหวนต้องเรียนรู้ยังมีอีกมาก!”“อวี้กั๋วกงพูดได้มีเหตุผล…”หยุนเจิงชนะเดิมพันอีกครั้ง ตอนนี้ผู้คนดีใจเป็นอย่างมากมีเพียงหยุนลี่และพรรคพวกของเขาที่หน้าดำคล้ำขึ้น แต่ก็ต้องพยายามเค้นเอารอยยิ้มออกมาสมควรตาย!คนโง่งมผู