"ฮี้——"เสียงม้าร้อง มีสองตัวโดนเข็มพิษเข้าไป ยกเท้าคู่หนั้นขึ้นทันควัน สิ่งของที่แบกอยู่บนตัวก็ร่วงลงมา และส่งผลกระทบกับม้าอีกหลายตัวด้านหน้าฝูงม้าโกลาหลขึ้นมาทันที"ไม่ต้องสนใจสิ่งของ ทะยานออกไป!" องครักษ์จวนอ๋องร้องขึ้นเสียงดัง"ขวางพวกเขาไว้!"คนชุดดำขว้างมีดพิษออกไปอีกอีกครั้งกลุ่มด้านหลังนั้นเองก็ไล่กระชั้นขึ้นมาตอนนี้เองพวกเขาก็เข้ามาในวงซุ่มโจมตีได้ยินเพียงเสียงหวีดหวิว บนยอดเขาจู่ๆ ก็มีก้อนหินกลิ้งลงมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาดทางซ้ายขวามีหิมะผืนใหญ่ถูกกวาดลงมา ชั่วขณะหนึ่งก็เหมือนมีหิมะหนาแน่นตกลงมากะทันหัน เข้าขวางระยะสายตาของคนชุดดำไว้องครักษ์ชุดสีเขียวมรกตเข้มกระโจนลงมาจากเนินเขา พุ่งไปทางคนชุดดำเช่นเดียวกับหินที่ร่วงลงมาปากจมุกพวกเขาล้วนพันผ้าเปียกที่ชุบน้ำยาชิ้นหนึ่งเอาไว้ สามารถป้องกันพิษได้ ผงพิษในมือสาดไปทางคนชุดดำพวกนั้นนอกจากนี้ยังมีคนชูผ้าคลุม พัดกระพือลมไปทางผงพิษเหล่านั้น ทำให้ผงพิษเหล่านั้นกระจายออกไปได้เร็วขึ้นเพราะว่ามีหิมะลอยคลุ้ง คนชุดดำจึงไม่ได้สังเกตเลยว่าด้านในมีผงพิษอยู่ กลั้นหายใจไม่ทันกันเลยจนกระทั่งหัวหน้าพบสิ่งผิดปกติ ก็ร้องคำรา
ครั้งนี้ลงทุนไปมากจริงๆ ส่งคนมาตั้งมากขนาดนี้!"เอาหัวของอ๋องเจวี้ยนมา"คนที่เป็นหัวหน้าของอีกฝ่ายตะคอกเสียงต่ำ คนทั้งหมดก็โบกดาบฟาดฟันมาหาพวกเขายี่สิบสามสิบคนกลุ่มนี้ล้วนถือดาบทั้งสิ้น ดาบเหล่านั้นดูทั้งหนักและแหลมคม มือขวาที่ถือดาบของพวกเขาสวมเกราะแขนทั้งแขน ดูแล้วพลังน่าตกตะลึงมาก"ฉัวะ!"ดาบของอีกฝ่ายผามายังม้าตรงหน้า เลือดสดซ่านกระเซ็น ม้าตัวนั้นถูกตัดขาหน้าออกไป คุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรง องครักษ์ที่อยู่บนม้าก็คะมำลงมาขณะเดียวกันคนชุดดำอีกสองคนก็ฟันดาบเข้าจากทางซ้ายขวาเข้าหาตัวเขาต่อถ้าถูกฟันเข้าไป องครักษ์คงได้ถูกฟันออกเป็นท่อนๆ แน่และด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ เซียวหลันยวนร่างกายประดุจสายฟ้า พุ่งออกมาจากในรถม้า สองฝ่ามือฟาดไปทางคนชุดดำสองคนนั้นกลางอากาศ"ท่านอ๋อง!"ชิงอีตกตะลึง โบกแสคิดจะพุ่งตัวออกไปบ้างแย่แล้วแย่แล้ว โดนพระชายาด่าเปิงแน่พระชายาบอกว่าท่านอ๋องทางที่ดีอย่าใช้วิชายุทธ์ แต่ตอนนี้ดูจากสถานการณ์ ท่านอ๋องไม่ใช่แค่จะใช้วิชายุทธ์ แต่ดูเหมือนจะต้องเจอกับการสู้ตายที่ยากลำบากอีกฉากหนึ่งเสียด้วย"คุ้มครองท่านอ๋อง!"องครักษ์ทั้งหมดล้วนโถมเข้าไปชั่วขณะหนึ่ง
เซียวหลันยวนพวกเขาตอนนี้น่าจะรอนางอยู่ที่ทางแยกจึงจะถูกต่อให้คนเหล่านั้นจะรับมือยาก เมื่อวานก็ควรจะมาถึงแล้วพอได้ยินคำถามนาง สีหน้าของไป๋หู่ก็ขรึมลง"คุณหนู ไม่เห็นใครเลย แต่ว่า บนถนนด้านหน้ามองเห็นรอยเท้ามากมาย บนกองหิมะยังมีรอยเท้าสับสนอีกด้วย ดูแล้วทิศทางคือตรงไปยังหุบเขา"ฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี"ความหมายของเจ้าคือ มีคนเข้าไปในภูเขาจากที่นี่หรือ?"นั่นไม่มีทางเป็นพวกเซียวหลันยวนแต่ยังมีคนอีกกลุ่ม ที่มาถึงที่นี่ก่อนพวกเขา ย้อนกลับเข้าไปในหุบเขาแล้ว"ถูกต้อง จำนวนคนดูแล้วก็ไม่น้อยเลย""ไม่มีรอยเท้าเดินออกมาบ้างหรือ?""ไม่พบเลย"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำพูดนี้จะยังนั่งอยู่ไหวหรือ?"ข้าไปดูหน่อย"ไป๋หู่เห็นนางยืนหยัด จึงทำได้เพียงยกมือเรียกคนติดตามไปฟู่จาวหนิงมาถึงบนถนนด้านหน้า แล้วก็มองเห็นรอยเท้าเป็นทางจริงๆ อย่างที่ไป๋หู่บอกมามองรอยเท้าเหล่านี้ ไม่ใช่รอยเท้าเล็กๆ ดูแล้วน่าจะเป็นผู้ชาย ยิ่งไปกว่านั้นรอยเท้าก็ไม่ตื้นเลย ดูเหมือนเป็นรอยที่ทิ้งไว้จากการวิ่งตะบึง ไม่เหมือนเดินเท้าเนิบๆดังนั้นจึงสามารถตัดคนเดินถนนทิ้งไปได้เลยนางยืนอยู่ในสายลม มองไปยังทิศของหุบเขา ถนนทิว
"ข้าไม่มีทางรอที่นี่ได้ นี่ไม่ใช่นิสัยของข้า"ฟู่จาวหนิงพูดจบ ก็หันหัวม้า ร้องย่าห์เบาๆ ห้อทะยานตรงไปยังหุบเขา"ตามไป!"ไป๋หู่หน้าเปลี่ยนสี กระโจนขึ้นมาไล่ตามฟู่จาวหนิงออกไปทันทีเฉินซานมองพวกเขาห่างออกไป ร้อนรนจนดวงตาแดงเถือก แต่ยังคงกัดฟัน รีบพารถม้ากับม้าที่เหลือตรงไปในป่าที่ไม่ห่างออกไปนัก เข้าไปซ่อนในนั้นก่อนถ้าหากพวกของฟู่จาวหนิงกลับมา ของเหล่านี้หายไปหมดล่ะก็ คงจะเร่งเดินทางไปเขาอวี้เหิงต่อได้ลำบากมากฟู่จาวหนิงใจร้อนรนเหมือนถ่านเผา ควบม้าทะยานไปตลอดทางพวกของไป๋หู่เองก็รีบตามเข้ามา และคอยสังเกตซ้ายขวาอยู่ด้วย"คุณหนู ถึงอย่างไรก็ระมัดระวังตัวด้วย"แม้จะผ่านไปสองสามวันแล้ว แต่ใครจะรู้ว่ายังมีคนเหลืออยู่อีกหรือไม่? ถ้าเผื่อพวกเขาไม่พบตัวฟู่จาวหนิง แล้วคอยดักอยู่ที่นี่ล่ะ? หรืออาจจะกำลังไล่ตามออกมาล่ะ?"ทุกคนกินยาลูกกลอนแก้พิษที่ข้าให้พวกเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ลงไปด้วย"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้ว่าต้องระวังตัว พวกเขาทะยานมาตลอดทางเช่นนี้ยังไม่เจอร่องรอยคน สิ่งนี้ทำเอาจิตใจของนางตึงเครียดขึ้นเหมือนกันพวกของไป๋หู่พอได้ยินคำสั่งก็กินยาลูกกลอนทันทียานี้ทำให้พวกเขามีจะไม่ติดพิษได้ง
พวกองครักษ์ที่คุ้มกันอยู่ข้างๆ มีหลายคนที่ได้ยินเสียงฟู่จาวหนิง แต่ก็ยังพยายามลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง มีคนกระทั่งแค่ลืมตาก็ยังทำไม่ได้เลย"พระชายา พระชายามาแล้ว" ชิงอีพังพาบอยู่บนพื้น ขยับนิ้วมือ พูดออกมาคำหนึ่ง แต่เสียงของประโยคนี้ก็เบาจนน่าสงสาร นอกจากตัวเอาเองก็ไม่มีใครได้ยินฟู่จาวหนิงวิ่งห้อขึ้นมาแล้วไม่มีใครลงมืออีกนางพุ่งเข้ามา พอมองก็เห็นคนชุดดำนอนระเนระนาดอยู่บนพื้นที่ห่างออกไปจำนวนไม่น้อย แค่มองผ่านๆ ก็น่าจะเป็นสิบคนและยังมีศพม้า รวมถึงม้าอีกหลายตัวที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างนักบนพื้นหิมะล้วนเป็นรอยเลือด สีแดงเข้มอยู่ทั่วทุกที่ ทำเอาพื้นหิมะเป็นรอยปื้นน่าสยดสยอง"เซียวหลันยวน!!"ฟู่จาวหนิงตะโกนเสียงดังขึ้นมา เสียงเองก็สั่นพร่าเพิ่งสิ้นเสียงตะโกน นางก็มองเห็นคนในชุดจอมยุทธ์เบาสีเขียวเข้มกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมวงกันนั่นคือองครักษ์จากจวนอ๋อง!และในพวงที่พวกเขาล้อมกันอยู่ มีคนหนึ่งพังพาบอยู่บนพื้น อีกคนหนึ่งพิงอยู่ข้างหิน นั่นมันเซียวหลันยวนนี่?!"คุณหนูจาวหนิง อ๋องเจวี้ยนอยู่ทางนั้น" พวกของไป๋หู่เองก็มองเห็นทางนั้นแล้วรอบๆ คนเหล่านั้น ก็มีคนชุดดำตายอยู่ไม่น้อย ดูท่าคิดจ
ฟู่จาวหนิงหันหน้าเหลือบมองไปยังพวกของไปหู่พวกเขาล้วนกำลังรีบใช้วิธีช่วยชีวิตที่นางบอกกับคนอื่น ไม่ได้สนใจกับนางทางนี้เลยฟู่จาวหนิงไม่คิดมากแล้ว แอบพวกเขาดึงเอาถุงร้อนอกมาจากในห้องเภสัช ฉีกหีบห่อ แล้วแปะไปในเสื้อผ้าเซียวหลันยวนเขาตัวแข็งเหมือนมนุษย์หิมะไปแล้ว ต้องทำใไ้เขาอบอุ่นขึ้นโดยเร็วที่สุดหลังจากนางนั้นจึงโยนเข็มในมือเขาทิ้งไป ประคองเขานอนลง แต่ว่าทั้งตัวเขาก็เย็นจนแข็งทื่อผิดปกติ หลังจากนอนลงก็ยังอยู่ในท่าทางเดิมฟู่จาวหนิงดวงตาแดงรื้น น้ำตาไหลอาบออกมา บดบังสายตาของนางนางรีบยกมือใช้แขนเสื้อเช็ดลงไปตอนนี้ไม่มีเวลาจะมาเสียใจโมโหหรือลนลานแล้ว ยิ่งเป็นเช่นนี้ นางก็ยิ่งต้องใจเย็น เช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถช่วยชีวิตเขากลับมาได้นางหยิบเข็มเงินออกมา ปลดเสื้อผ้าของเขาก่อน ปักลงไปที่หน้าอกหลายเข็ม ปกป้องชีพจรหัวใจเสียก่อน จากนั้นจึงหยิบเข็มฉีดยามาหลอดหนึ่ง เลิกแขนเสื้อเขาขึ้น เตรียมจะฉีดให้เขาเซียวหลันยวนตอนนี้แข็งทื่อไปทั้งตัวแล้ว เข้มของนางแทบจะแทงไม่เข้า ครั้งแรกปลายเข็มก็ลื่นออกมาแต่ว่าฟู่จาวหนิงก็กัดฟันแน่น ประคองมือให้มั่นคง ปักลงไปอีกครั้งครั้งนี้ในที่สุดก็ฉีดน้ำ
"พวกเราต้องก่อไฟไหม?" องครักษ์ถามที่นี่หนาวเกินไปแล้วฟู่จาวหนิงคิดจะจุดไฟ แต่เหลือบมองศพกงอนี้ ก็ยังกัดฟันขึ้น "ไม่ พวกเราต้องออกจากที่นี่""จัดการรถม้าที่ยังพอใช้งานได้ หาม้าที่ยังมีชีวิตอยู่กลับมา"ฟู่จาวหนิงเหลือบมององครักษ์เหล่านั้น "พวกเขา ยังมีชีวิตอยู่ไหม?"ไป๋หู่นิ่งงันไป "ตายไปสิบเอ็ดคน คนที่เหลือยังมีชีวิตอยู่ แต่ลมหายใจอ่อนแรงอย่างมาก"ฟู่จาวหนิงสูดลมหายใจลึก"พาคนทั้งหมดไป" ที่ตายไปก็จะทิ้งรวมกับพวกนักรบเดนตายและมือสังหารเหล่านี้ไม่ได้"ขอรับ"พวกของไป๋หู่รีบจัดการทันทีม้าหนึ่งตัวแบกคนสองคน แล้วยังมีรถม้าบางส่วนที่ใช้การได้ บรรทุกคนขึ้นไป ที่เหลือไม่กี่คน ก็ต้องให้พวกเขาแบกขึ้นหลังไป"อ๋องเจวี้ยนเขา"ไป๋หู่มองไปทางอ๋องเจวี้ยน รู้สึกลำบากใจรถม้ายัดคนไว้จำนวนมาก ถ้าจะยัดอ๋องเจวี้ยนเข้าไปด้วย ร่างกายของเขาก็ไม่รู้จะทนไหวหรือไม่ ถึงอย่างไรอ๋องเจวี้ยนเดิมทีก็พิษกำเริบไปแล้ว"ข้าจะแบกเขาเอง" ฟู่จาวหนิงพูด แล้วแบกเซียวหลันยวนขึ้นไปไป๋หู่เองก็แบกองครักษ์คนหนึ่งอยู่ พอเห็นนางเช่นนี้ก็ร้อนรนขึ้นมา "คุณหนู ทางยังอีกตั้งไกล ท่านจะแบกได้อย่างไรกัน""ไป"ฟู่จาวหนิงก
ฟู่จาวหนิงพอวุ่นวายขึ้นมา ก็ผ่านไปถึงสองวันสองคืนนอกจากเซียวหลันยวน พวกของชิงอีก็ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ยิ่งไปกว่านั้นบนตัวหลายคนก็ยังเต็มไปด้วยบาดแผลเฉินซานกับพวกไป๋หู่ก็วุ่นกันจนหายใจหายคอแทบไม่ทันต้องหาฟืนมาจุดไฟ ต้องต้มหิมะให้ละลาย ต้องหาวัตถุดิบยาบางส่วน ต้องต้มยา ต้องช่วยคนเจ็บพันแผล ต้องคอยดูพวกเขาตลอดทั้งคืนว่าเป็นไข้ไหม แล้วยังต้องคอยป้อนน้ำให้พวกเขาตลอดอีกยังดีที่สิ่งของส่วนใหญ่อยู่กับพวกเขาทางนี้ ตอนนี้เสื้อผ้ากับอาหารยังไม่ขาดแคลนฟู่จาวหนิงรักษา ฝังเข็ม จ่ายยา จับคู่ยาให้กับคนทั้งหมด วุ่นจนเวลากินข้าวก็ยังต้องรีบร้อนกินลงไปได้ไม่กี่คำนางยังต้องคอยดูแลเซียวหลันยวน คอยระงับพิษในร่างกายให้เขาเซียวหลันยวนตอนนี้อ่อนแอจนตอนจับชีพจรยังต้องใช้เวลานานกว่าปกติ เพราะชีพจรของเขาอ่อนแรงไปมากที่หนักสุดคือเขาพิษกำเริบขึ้นมาแล้ว ตอนนี้ใบหน้าครึ่งซีกถูกแผลเป็นพิษคลุมไปแล้ว แผลเป็นพิษสีเองก็คล้ำขึ้นมาก ด้านในยังมีริ้วรอยที่เหมือนกับชีพจรสีม่วงเข้มอยู่เต็มไปหมดอีก ดูแล้วน่ากลัวมากตอนนี้ดูจากสภาพเขา คิดแล้วคงไม่มีใครรู้สึกว่านี่เป็นชายรูปงามคนหนึ่งแน่ แต่กลับรู้สึกว่าเหมือนเ