Share

บทที่ 5

จางหยวนเผยรอยยิ้มออกมา: "พ่อครับ แม่ครับ ผมหายแล้ว ผมจำเรื่องในอดีต ได้ทั้งหมด"

เพล้ง

ชามที่อยู่ในมือของหวังฮุ่ยหล่นลงบนพื้น

เธอร้องไห้ด้วยความดีใจสุดขีด: "ดีเหลือเกิน ดีเหลือเกิน ในที่สุดลูกหยวนก็หายดีแล้ว"

จางต้าซานไม่ได้พูดอะไร แต่นัยน์ตาของเขากลับเปล่งประกายแวววาวอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเห็นภาพฉากนี้ จางหยวนก็สะอื้นไห้พร้อมพูดว่า "พ่อครับแม่ครับ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ พ่อกับแม่ลำบากแล้ว"

“ไม่ลำบาก เลี้ยงลูกชายของตนเอง มันจะไปลำบากอะไร!” จางต้าซานเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากออกมา

จางหยวนกล่าวต่อว่า: "พ่อครับ จริง ๆ แล้ว ผมไม่เพียงแต่หายดีเท่านั้น แต่ผมยังได้เรียนรู้ศาสตร์ทางการแพทย์บางอย่างด้วย ให้ผมดูอาการพ่อหน่อย บางทีผมอาจจะมีวิธีรักษาขอของพ่อก็ได้"

"ลูกหยวน ไม่ต้องพยายามแล้ว ขาทั้งสองข้างของพ่อ ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย แม้แต่หมอประจำหมู่บ้านก็ยังบอกว่ามันใช้การไม่ได้แล้ว... ลูกหายก็ดีแล้ว พรุ่งนี้พ่อจะขายที่ดินติดถนนของบ้านเราซะ แล้วหาเมียให้ลูกสักคนหนึ่ง ต่อไปจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข…"จางต้าซานโบกไม่โบกมือ

เมื่อได้ยินดังนี้ นัยน์ตาของจางหยวนก็อดไม่ได้ที่จะแดงก่ำอีกครั้ง

พ่อแม่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีชีวิตที่ดี

หลังจากที่รู้เรื่องที่ตนหายดีแล้ว สิ่งแรกที่พ่อนึกถึงคืออนาคตของตนเอง ไม่ใช่เรื่องขาของเขา

จางหยวนกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วยืนกรานว่า “พ่อครับ ให้ผมลองดูหน่อย”

ขณะที่พูด เขาก็เปิดผ้าห่มออก แล้วค่อย ๆ ยกขาทั้งสองของพ่อขึ้น

ขาทั้งสองข้างของพ่อ ตั้งแต่เข่าลงมา ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย และยังคงบวมอยู่ตลอดเวลา

จางหยวนตรวจดูสักพักหนึ่ง

“โชคดีที่กระดูกไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่เส้นลมปราณบางส่วนตายก็เท่านั้น”

“ในมรดกวิชาของพี่เทพธิดาตนนั้น มีวิธีซ่อมแซมเส้นลมปราณด้วย”

เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วหันกลับมาถามว่า “แม่ครับ ที่บ้านมีเข็มเงินบ้างไหมครับ?”

"มีมีมี..."

หวังฮุ่ยรีบไปหาทันที

เข็มเงินนี้ เป็นเข็มเงินที่แพทย์แผนจีนที่มารักษาจางต้าซานก่อนหน้านี้ทิ้งเอาไว้

แพทย์แผนจีนคนนั้นว่ากันว่าเป็นแพทย์แผนจีนโบราณที่มีชื่อเสียงในละแวกเหล่านั้น

แม้ว่า จะจ่ายค่ารักษาให้แพทย์แผนจีนชราคนนั้นไปหลายหมื่นบาท แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะรักษาขาทั้งสองข้างของพ่อได้เลย

ไม่นาน แม่ของเขาก็นำเข็มเงินมา

หลังจากที่จางหยวนทำความสะอาด และฆ่าเชื้อแล้ว ก็เตรียมที่จะรักษาโรคให้พ่อของเขา

แม้ว่าจางต้าซานและหวังฮุ่ยจะสงสัยว่าจางหยวนรู้ศาสตร์ทางการแพทย์หรือไม่

แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่จริงจังของจางหยวน ทั้งสองก็ไม่ได้ห้ามปราม อย่างไรเสียก็เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายแม้ว่าจะหมดหวังแล้วก็ตาม

ทั้งสองไม่รู้ว่า จางหยวนในตอนนี้ รู้มากกว่าศาสตร์ทางการแพทย์

เขาเจาะเข็มเงินเข้าไปในจุดฝังเข็มบนขาของพ่อได้อย่างแม่นยำ

จางหยวนรู้สึกประหลาดใจที่พบว่า แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาใช้เข็มเงิน แต่เขากลับรู้สึกช่ำชองเป็นอย่างมาก

เข็มเงินอันเรียวเล็กเล่มนั้น ราวกับว่าเป็นทหารที่เชื่อฟัง หากตนอยากจะเจาะเข็มลงจุดนั้น ก็สามารถเจาะลงไปได้อย่างแม่นยำ

ไม่นาน เข็มเงินหลายเล่มก็เจาะเข้าไปบนหน่องของพ่อ

เข็มเงินเหล่านี้เรียงต่อกัน ราวกับว่าเป็นไส้เดือนหรืองูตัวน้อยที่เลื้อยคดเคี้ยวไปมา

ในขณะนี้ จางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วใช้มือจับปลายเข็มเงิน แล้วค่อย ๆ ขยับมันเบา ๆ

พอโยกเข็มเงินทั้งหมดแล้ว จางหยวนก็ค่อย ๆ ถอนเข็มเงินที่เจาะเข้าไปในจุดฝังเข็มขึ้นมาหน่อยหนึ่ง จากนั้นมันก็เริ่มโยกจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ราวกับว่าควบคุมเรือใบ

หากคนที่รู้เทคนิคการฝังเข็มของการแพทย์แผนจีนได้เห็นภาพฉากนี้ จะต้องตะโกนว่า: "มังกรฟ้ากระดิกหาง" อย่างแน่นอน

ใช่แล้ว เทคนิคการฝังเข็มที่จางหยวนใช้ ก็คือเทคนิคการฝังเข็มโบราณ “มังกรฟ้ากระดิกหาง” ที่สูญหายไปหลายปีแล้ว

เทคนิคการฝังเข็มชุดนี้ ไม่เพียงแต่สามารถกระตุ้นเส้นลมปราณที่ตายไปของพ่อเขาได้เท่านั้น แต่ยังสามารถกระตุ้นเส้นประสาทที่ขาของพ่อเขาได้อีกด้วย

หลังจากที่ยุ่งอยู่กับการรักษาสักพักหนึ่ง ศีรษะของจางหยวนก็เต็มไปด้วยเหงื่อ

การรักษานี้ ไม่เพียงแต่เปลืองพลังทางจิตใจเท่านั้น แต่ยังเปลืองพลังงานทางร่างกายอีกด้วย

ในเวลานี้ จู่ ๆ จางต้าซานก็ตะโกนขึ้นมา: "เอ๊ะ..."

เสียงร้องของจางต้าซานทำให้หวังฮุ่ยสะดุ้งกลัว

คิดไม่ถึงว่าในวินาทีต่อมา ขาคู่นั้นของจางต้าซานที่ไม่ได้ขยับเลยมาเกือบปี ตอนนี้เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย

“ขาของฉัน ดูเหมือนว่าจะรู้สึกเจ็บ...” จางต้าซานพูดด้วยความไม่มั่นใจเล็กน้อย

หวังฮุ่ยที่อยู่ด้านข้าง เอามือปิดปากด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจจนพูดไม่ออก

เมื่อจางหยวนเห็นดังนี้ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใจที่เป็นกังวลของเขา ก็รู้สึกสบายใจในที่สุด

แม้ว่าการฝังเข็มเมื่อสักครู่นี้ จางหยวนรู้ว่าไม่มีความผิดพลาดใด ๆ เลย แต่ผลลัพธ์ที่แท้จริงเป็นยังไง เขาไม่แน่ใจเลย

ตอนนี้ ขาของพ่อเขามีความรู้สึกแล้ว ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าการฝังเข็มเมื่อสักครู่นี้เห็นผลอย่างมหัศจรรย์

สามแล้วที่เป็นพี่เทพธิดา ศาสตร์ทางการแพทย์นี้เก่งกาจมาก

จางหยวนแอบชื่นชมเทพธิดาผู้งามเพริศพริ้งที่ให้มรดกวิชาแก่ตนเองผู้นั้น พร้อมปาดเหงื่อ แล้วพูดว่า: "พ่อครับ พ่อพักผ่อนก่อนเถอะครับ ขาของพ่อ ยังต้องรักษาเสริมด้วยสมุนไพร ผมมั่นใจว่า ไม่เกินครึ่งเดือน จะต้องสามารถเดินบนพื้นได้อย่างแน่นอน"

"ดีเหลือเกิน!"

"ตาเฒ่า คุณได้ยินไหม? คุณจะเดินบนพื้นได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน ลูกหยวนของเราเก่งจริง ๆ " "โอ้!"

หวังฮุ่ยพลางปลื้มปีติใจ พลางปาดน้ำตาไปด้วย

สีหน้าของจางต้าซานเต็มไปด้วยความผันผวนของชีวิตและสั่นเล็กน้อย เขารู้สึกตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก

จางหยวนยิ้ม รีบกลับห้อง แล้วมอบช่วงเวลานี้ให้กับพ่อแม่ของเขา

ห้องนอนของจางหยวน ตกแต่งอย่างเรียบง่าย และโทรมเล็กน้อย ถึงขนาดว่ามีกระจกสามชิ้นร่วงลงมาจากหน้าต่าง

เขายึดผนังเอาไว้แล้วปีนขึ้นไปบนเตียง รู้สึกวิงเวียนศีรษะเป็นระยะ เรี่ยวแรงทั้งหมดของร่างกายดูเหมือนจะหมดลง

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้นอนเลย แต่กลับนั่งขัดสมาธิบนเตียง

ในมรดกวิชาของเทพธิดานั้นมีวิธีฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ ที่เรียกว่า "พระสูตรกายจิต" ซึ่งเหมาะที่สุดที่จะใช้ในสถานการณ์ที่ใช้พลังงานทางจิตใจไปมาก

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จางหยวนจึงปฏิบัติตามวิธีการทำสมาธิในพระสูตรกายจิต และเริ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

เมื่อเวลาผ่านไป จางหยวนรู้สึกประหลาดใจที่พบว่า พลังของตนดูเหมือนจะฟื้นตัวขึ้นจริง ๆ แม้ว่าเขาจะฟื้นตัวได้ไม่เร็วนัก แต่ก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน

ดังนั้น จางหยวนจึงรักษาท่าทางนี้เอาไว้ และนั่งสมาธิตลอดทั้งคืน

สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ จางหยวนไม่ได้นอนทั้งคืน แต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลย

ฟ้าเพิ่งจะสาง

จางหยวนเดินออกจากห้องนอน ก็พบว่าแม่ของเขาไปทำงานที่ทุ่งนาแล้ว

มีหมี่นโถวร้อน ๆ อยู่บนเตาในครัว

จางหยวนกินหมั่นโถวลูกใหญ่ ๆ สี่ลูกในคราวเดียว ปริมาณอาหารเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน

หลังจากทักทายพ่อของเขาแล้ว จางหยวนก็หยิบจอบและกระเป๋าเป้ใบเล็ก ๆ แล้วออกจากบ้านไป

เขากำลังจะขึ้นเขาเพื่อไปเก็บสมุนไพร

แม้ว่าในเมืองและเทศมณฑลจะมีร้านขายยาสมุนไพรจีนจำหน่าย แต่ด้วยฐานะของครอบครัวในตอนนี้ ทำให้ไม่สามารถซื้อยาสมุนไพรเหล่านั้นได้

โชคดีที่มีสมุนไพรดี ๆ มากมายบนภูเขาที่อยู่หลังหมู่บ้าน

รุ่งอรุณกำลังจะมาถึง แต่เมฆหมอกยังคงอยู่

หมู่บ้านเซี่ยวานปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว

จางหยวนเดินเร็วมาก ไม่นานก็เดินไปถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน

ถ้าจะไปที่ภูเขาทางด้านหลัง ใช้เส้นทางทางเข้าหมู่บ้านจะสะดวกกว่า

ระหว่างทางที่ขึ้นไปบนภูเขา พอเดินบนภูเขาไปได้สักพัก จางหยวนก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขอความช่วยเหลือที่อยู่ไม่ไกลนัก

เขาแปลกใจเล็กน้อย ทำไมบนภูเขาแห่งนี้ถึงได้มีคนตะโกนขอความช่วยเหลือ?

อีกอย่าง น้ำเสียงนี้ยิ่งฟังยิ่งคุ้นเคย?

เขารีบไปยังทิศทางที่เสียงนั้นดังมาทันที

เมื่อไปถึงสถานที่นั้น จางหยวนก็พบว่า เสียงนั้นดังมาจากในป่าบริเวณตีนเขา

พอเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นหลุมหลุมหนึ่ง ดูเหมือนว่ามันค่อนข้างจะนานแล้ว!

น่าจะเป็นนักล่าในหมู่บ้านเมื่อก่อนที่ต้องการจะฆ่าหมูป่า จึงได้ขุดหลุมสร้างกับดักเอาไว้

“ช่วยด้วย!” เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังมาจากในหลุมอีกครั้ง

เมื่อได้ยินเสียงนี้ จางหยวนก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาทันที

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เสียงนี้ฟังดูคุ้นเคยสำหรับเขา ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของจางหลิน

พอมองเข้าไปใกล้ ๆ เป็นไปตามที่คาดการเอาไว้ เป็นจางหลินที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันจริง ๆ !

จางหลินเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยคนแรกในหมู่บ้าน และเป็นสาวสวยชื่อดังในหมู่บ้าน

อีกอย่างครอบครัวของเธอมีฐานะที่ร่ำรวยมาก บวกกับจางหลินมีหน้าตาที่สะสวย เธอจึงไม่เหมือนเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในสถานที่ยากจนอย่างหมู่บ้านเซี่ยวาน

โดยเฉพาะหลังจากที่เธอไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เมื่อเธอกลับมาในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวและฤดูร้อนเธอก็กลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดในหมู่บ้าน

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอ

พ่อของเธอเป็นเกษตรกรรายใหญ่ในหมู่บ้าน มูลค่าสุทธินับห้าล้านบาท

ลุงของเธอเป็นผู้ใหญ่บ้าน ลูกพี่ลูกน้องของเธอก็ทำงานอยู่ในเมือง

แต่ตอนที่เรียนประถม เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่คอยตามตูดจางหยวน ทั้งสองยังเคยเล่นพ่อแม่ลูกด้วยกันอีกด้วย จางหลินยังเคยสาบานว่าจะแต่งงานกับจางหยวนเมื่อเธอโตขึ้น

น่าเสียดาย หลังจากที่เข้าเรียนมัธยมต้นแล้ว ผลการเรียนของจางหยวนแย่ลงเรื่อย ๆ หลังจากเรียนจบมัธยมต้นแล้วเขาก็ไปทำงานทางใต้

พวกเขาทั้งสองคนจึงกลายเป็นคนแปลกหน้า

ตอนนี้กลับได้มาพบกับจางหลินอีกครั้ง

จางหลินยืนอยู่ในหลุม ใบหน้าอันเรียวเล็กที่เดิมทีขาวสะอาดตอนนี้กลับเปื้อนไปด้วยดิน ดูไปแล้วน่าสงสารมาก

ในเวลานี้ จางหลินร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้ง:

“มีใครอยู่ไหม ได้โปรดช่วยฉันด้วย!”

จากนั้นเธอก็เห็นจางหยวนยื่นศีรษะออกมา

“จางหยวน นายเองเหรอ!” จางหลินรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าตนเองร้องตะโกนตั้งนาน คนที่มากลับเป็นจางหยวน!

“อืม!” จางหยวนตอบอย่างสงบนิ่ง

จางหลินกลับรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย

ตะโกนเรียกอยู่ตั้งนานกว่าจะมีคนมา แต่คนที่มาดันเป็นคนโง่

“นาย ช่วยดึงฉันขึ้นไปหน่อยได้ไหม” จางหลินพูดด้วยความกังวลใจเล็กน้อย เพราะกังวลว่าจางหยวนจะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด ดังนั้นเธอจึงจงใจชะลอคำพูดของเธอลง

“อืม!” จางหยวนตอบอีกครั้ง แล้วยื่นมือออกไป

จากนั้น จางหลินก็ยื่นมือของเธอให้จางหยวน

จางหยวนคว้ามือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ แล้วดึงอย่างแรง

ด้วยพลังที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปของเขาในตอนนี้ ทำให้เขาสามารถดึงจางหลินขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จะมีเถาวัลย์หนามอยู่ข้าง ๆ หลุม ซึ่งบังเอิญไปติดกับเสื้อผ้าด้านหลังของจางหลิน

บวกกับจางหยวนใช้แรงมาก ทำให้มีเสียงดังแคว่ก เสื้อผ้าของจางหลิน ถูกฉีกจนขาด!

พอจางหยวนดึงจางหลินขึ้นมาบนพื้น เสื้อผ้าท่อนบนของจางหลินก็ถูกฉีกออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งตกลงไปอยู่ในหลุม และอีกครึ่งหนึ่งห้อยอยู่บนเถาวัลย์

ร่างกายท่อนบนที่ขาวนวลราวหิมะของจางหลิน ถูกเปิดเผยต่อหน้าจางหยวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status