ไซม่อนมองมาที่ชารอน "คุณเจ็บไหม?”"นิดหน่อยค่ะ"“งั้นผมจะเบามือให้นะ” ในตอนนั้นเอง เสียงของไซม่อนลึกล้ำและแหบแห้ง มันฟังดูเซ็กซี่เป็นพิเศษทว่า ชารอนยังคงหลุดจากภวังค์ของตัวเองไม่ได้ เธอมองไปยังใบหน้าด้านข้างที่จริงจังของไซม่อน จิตใจของชารอนกำลังสับสน ไซม่อนกำลังทำให้เธอคิดไปไกล!“คุณนายแซคคารี่ อย่าจ้องผมแบบนั้นสิ” ไซม่อนกำลังทายา น่าแปลกที่ไซม่อนกลับเงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบตากับชารอน เขากล่าวคำพูดออกมาในเชิงล้อเล่นนิดหน่อยสายตาอันเร่าร้อนของไซม่อนจ้องมาที่ชารอน ทว่า ด้วยรอยยิ้มสุดคลุมเครือภายใต้ดวงตาของไซม่อน ชารอนจึงหลบสายตาของเขาไม่ทัน นั่นทำให้เธอถึงกับรู้สึกเขินอาย “เปล่า ฉันไม่ได้จ้องสักหน่อย” ชารอนรีบลดสายตาลง น้ำเสียงที่ชารอนใช้โต้เถียงกลับไปดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิดชารอนรู้สึกถึงแรงกดดันที่กำลังใกล้เข้ามา ความรู้สึกที่แข็งแกร่งของไซม่อนกำลังปกคลุมเธออยู่ ทันทีที่ลืมตาขึ้น ชารอนก็เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของไซม่อนเข้ามาใกล้มากขึ้น ในตอนนั้นเอง ไซม่อนจับคางของชารอนและยกขึ้น “กลัวผมเหรอ?”ชารอนยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะยาว ไซม่อนลุกขึ้นและโน้มตัวเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม มือทั้งสองของชา
ไซม่อนเพียงแค่แง้มประตูและหยิบเสื้อผ้าจากเลขา เขาไม่ยอมให้เธอมองเข้ามาในห้องน้ำเลยทว่า เลขาควินน์เองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย แต่เธอก็ไม่กล้ามองหรือถามคำถามอะไร เธอแค่กล่าวเตือน “ท่านประธานแซคคารี่คะ การประชุมกำลังจะเริ่มแล้วนะคะ ทุกคนกำลังรอท่านอยู่ในห้องประชุมค่ะ”“เข้าใจแล้ว รอผมสักครู่” ไซม่อนกล่าวคำสั่งแล้วปิดประตูไซม่อนโยนกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าให้ชารอน “เธอใส่เลย แล้วดูแลแผลตัวเองให้ดีด้วย”ชารอนเม้มริมฝีปาก ไม่ว่าเมื่อครู่จะเกิดอะไรขึ้น เธอก็ยังคงกล่าวคำพูดออกไป "ขอบคุณค่ะ"ไซม่อนพร้อมที่จะไปประชุมแล้ว ระหว่างที่กำลังเปิดประตูออกไป ไซม่อนก็พลันตระหนักถึงบางอย่าง เขาหันกลับมาและพูดกับชารอน “หลังเลิกงาน ช่วยรอฉันที่โรงรถทีนะ เราจะไปรับเซบาสเตียนกลับไปบ้านกัน”ทว่า ก่อนที่ชารอนจะได้ตอบกลับ ไซม่อนก็เปิดประตูแล้วเดินออกไปชารอนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายแล้ว เธอก็ยังต้องกลับไปที่นั่นอยู่ดีทันทีที่ไซม่อนจากไป ชารอนก็สวมเสื้อผ้าทันทีหลังจากยุ่งกับงานมาทั้งวัน ไม่นานนัก มันก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ด้วยเหตุนั้น ชารอนจึงเดินมาที่โรงรถ ทว่าไซม่อนนั่นรอชารอนอยู่ในรถแ
ทว่า เมื่อดักลาสเห็นชารอน รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันแทนที่ด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึมทันที “ลูกพาเธอกลับมาทำไม?” ดักลาสถามไซม่อนอย่างแข็งกร้าว ไซม่อนไม่ได้สนใจอะไร เขาเพียงตอบด้วยน้ำเสียงสงบ “พ่อไม่ได้ขอให้ผมพาหลานชายกลับมาที่นี่หรอกเหรอครับ?”“พ่อแค่ขอให้ลูกไปรับเด็กคนนั้นกลับมา ไม่ใช่เธอสักหน่อย!” ดักลาสเผยท่าทางเย็นชาชารอนไม่ได้พูดอะไรกลับมา อันที่จริง ดูเหมือนว่าดักลาสจะไม่ยอมรับเธอเซบาสเตียนจับมือแม่ของตัวเองเอาไว้แน่นและกล่าวคำพูดสุดจริงจังออกมา “แม่ครับ ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเรา” ทันทีที่พูดจบ เซบาสเตียนก็ลากชารอนออกไป“เซบาสเตียน หลานจะไปไหนกันน่ะ? ไม่คิดจะทักทายปู่หน่อยหรือยังไง?” ดักลาสกล่าวคำพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เขาถึงกับหางตากระตุก“คุณปู่ไล่แม่ผม ผมก็จะไม่อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน!” เด็กน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไร้เดียงสา เซบาสเตียนเผยสีหน้าไม่พอใจดักลาสเผยโทสะออกมา แต่ทว่า เขาไม่สามารถทำอะไรเซบาสเตียนได้รีเบคก้าตกใจจนต้องลุกขึ้นทันที “คุณลุงแซคคารี่คะ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย พ่อกับแม่กำลังรอหนูกลับไปกินข้าวเย็นด้วย ยังไงเสีย เดี๋ยวหนูกราบลาก่อนนะคะ ไว้เดี๋ยวหนูจะกล
ภายในห้องหนังสือ ดักลาสกำลังจับไม้เท้าหัวมังกรและนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีแดง ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงข้ามเขาคือไซม่อน พ่อและลูกชายกำลังพูดถึงชารอนกันอยู่ทว่า ไซม่อนกำลังนั่งสูบบุหรี่ไปด้วย ท่ามกลางควันโขมง ใบหน้าของไซม่อนพลันจริงจังขึ้นมา ไซม่อนหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินคำสั่งของผู้เป็นบิดา “พ่อครับ เธอเป็นผู้หญิงที่ให้กำเนิดลูกของผมนะครับ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะทำแบบนั้นเลยนะครับ”ดักลาสยังเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา ดวงตาที่พร่ามัวของตาเฒ่าเผยแสงลอดออกมา “ทุกอย่างจะง่ายขึ้นถ้าลูกบอกกับชารอนไปว่าลูกแต่งงานกับเธอเพราะเด็กคนนี้ เด็กคนนั้นเป็นหนึ่งในตระกูลแซคคารี่แล้วนะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากคนในตระกูลของเรา ส่วนผู้หญิงคนนั้น ให้เงินก้อนหนึ่งกับเธอแล้วไล่ออกไปได้เลย"ชารอนซึ่งอยู่นอกประตูได้ยินทั้งหมด นั่นทำให้เธอรู้สึกได้ถึงเปลวเพลิงแห่งความโกรธที่แผดเผาอยู่ในทรวงอก ชารอนกำหมัดแน่นโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอตั้งท้องเซบาสเตียนมาตั้งสิบเดือน แถมเธอยังต้องเลี้ยงดูลูกชายมาอย่างยากลำบาก เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงจะมาขโมยลูกชายเธอไปแบบนั้น? นอกจากนี้ ดักลาสยังกล้าพู
ดักลาสกระแอมและเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา “รีเบคก้าบอกพ่อว่าลูกไล่เธอออก เธอแค่ทำกาแฟหกเองนะ ความผิดพลาดแค่นี้ ลูกคงไม่ตั้งใจไล่เธอออกไปจริง ๆ หรอกใช่ไหม?”ไซม่อนหลับตาลง เขาไม่อยากมองไปยังสายตาอาฆาตของผู้เป็นบิดา ทว่า ดูเหมือนว่าไซม่อนจะไม่รีบเร่งที่จะตอบกลับ แต่ไม่นานนัก เขาก็ตัดสินใจได้ไซม่อนดับก้นบุหรี่ในมือลงในที่เขี่ยบุหรี่ข้างกาย หลังจากนั้น เขาก็ลุกขึ้น “ถ้านั่นจะทำให้พ่อมีความสุข ก็ตามใจพ่อแล้วกัน” เขาเงียบไปครู่หนึ่งและกล่าวเสริม "นี่ก็ดึกมากแล้วนะครับ พ่อไปนอนพักเถอะ" ไซม่อนรีบหมุนตัวและเดินออกมาจากห้องทันทีที่พูดจบทว่า ก่อนที่ดักลาสจะโต้ตอบ ไซม่อนก็ออกไปแล้ว เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าลูกคนนี้...”'ก็ได้ ตราบใดที่รีเบคก้ายังสามารถอยู่ใกล้และเป็นเลขาให้ลูกชายเราได้ อีกไม่นาน เธอจะต้องเข้ามาแทนที่ชารอนแน่!'ถึงอย่างไร ชารอนก็เคยได้ยินเรื่องที่ดักลาสต้องการแย่งชิงตัวเซบาสเตียนมาก่อนแล้ว เธอรู้สึกโกรธมากกว่าเดิมที่ไม่ได้แอบอัดเสียงของดักลาสเอาไว้ แต่ทว่า เธอก็เพิ่งมารู้เหมือนกันว่าไซม่อนไม่เห็นด้วยหลังจากนั้น ชารอนก็ได้ยินว่าดักลาสต้องการให้รีเบคก้าเป็นเลขาส่วนตัวของ
ความเงียบในตอนนั้นทำให้ชารอนรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อย ชารอนรู้สึกอยากส่งเสียงออกมาเพื่อทำลายความเงียบ ทันใดนั้น แขนของไซม่อนก็มาโอบรอบเอวของชารอนเอาไว้ เขาดึงเธอเข้าไปใกล้อย่างแรง แรงดึงนั้นทำให้ชารอนถึงกับตัวติดหน้าอกของไซม่อนเลยฝ่ามือขนาดใหญ่ของไซม่อนกดเอวของชารอนเอาไว้ นั่นทำให้เธอรู้สึกเครียดไม่น้อยไม่นานนัก ไซม่อนก็กล่าวคำพูดอันเยือกเย็นออกมา "คุณนายแซคคารี่ คุณคิดว่าการที่เราแต่งงานกันเรื่องบังเอิญไหมล่ะ?” ชารอนวางมือทั้งสองไว้บนหน้าอกของไซม่อน เธอสามารถสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่สั่นระริกรวมถึงการเต้นของหัวใจ เธอไม่รู้เลยว่าควรจะวางมือเอาไว้ตรงไหนดีไซม่อนมองดูท่าทีของชารอนด้วยสายตาเป็นประกาย “หรือว่า... คุณหึงผมเหรอ?”ดวงตาของชารอนเป็นประกายทันที “ฉัน... ทำไมฉันต้องหึงคุณด้วยล่ะ? ฉันก็แค่พูดในสิ่งที่คิด มันก็จริงนะที่ว่ารีเบคก้า...”ทันใดนั้นเอง ชารอนก็ต้องหยุดความคิดของตัวเองทันทีที่ไซม่อนกดริมฝีปากของเขาเข้ามา ฝ่ามือขนาดใหญ่ของไซม่อนจับหลังศีรษะของชารอนเอาไว้ ริมฝีปากของทั้งสองพลันประกบกัน ชารอนเบิกตากว้าง เธอรู้สึกราวกับลมหายใจถูกหยุดไป เธอจ้องไปยังใบหน้าของไซม่อนซึ่งอยู
ชารอนขมวดคิ้ว 'แต่ถ้าพวกเขาแค่มาทานอาหารค่ำ ทำไมถึงต้องเอากระเป๋าเดินทางมาด้วยล่ะ?'ทันใดนั้น ชารอนก็นึกออก 'พวกเขาจะย้ายมาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ? แซลลี่จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี้?'ความคิดนั้นทำให้ชารอนหวาดกลัว เธอคงยอมรับความจริงไม่ได้แน่ถ้าต้องอาศัยอยู่ร่วมกับแซลลี่และโฮเวิร์ด!“แม่ครับ คุณลุงนิสัยไม่ดีคนนั้นเป็นคนบีบคอแม่ใช่ไหม?” เซบาสเตียนเห็นโฮเวิร์ด เด็กน้อยทั้งเกร็งและดูโกรธไม่น้อย“เอ่อ...” ก่อนที่ชารอนจะพูดจบ เด็กน้อยก็โยนลูกบอลในมือทิ้งด้วยความโกรธและวิ่งเข้าไปหาโฮเวิร์ด “แม่ครับ ผมจะล้างแค้นให้แม่เอง!”ชารอนตกใจไม่น้อย เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปตามลูกชาย “เซบาสเตียน...”ในชั่วพริบตา เซบาสเตียนก็วิ่งไปอยู่ตรงหน้าของโฮเวิร์ด เด็กน้อยจ้องมองโฮเวิร์ดด้วยความโกรธและถามขึ้น “คุณลุงนิสัยไม่ดี คุณลุงเป็นคนบีบคอและทำร้ายแม่ผมใช่ไหม?”โฮเวิร์ดหรี่ตาและเหลือบมองเด็กน้อยที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าด้วยความสงสัย เขาแสยะยิ้ม “ใช่ แล้วไงล่ะ?”เมื่อมองดูหน้าเด็กน้อยที่เหมือนกับลุงไซม่อนของเขา มันทำให้โฮเวิร์ดนึกถึงลูกที่เพิ่งเสียไปไม่น้อย เขารู้สึกโกรธ แต่ถึงอย่างไร เด็กน้อยก็ยังมีความกล้าที่จะทำให้โฮเ
ชารอนทั้งรู้สึกหดหู่และวิตกกังวล แต่ทว่า เธอต้องไม่รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ทันใดนั้น ชารอนก็พุ่งเข้าไปช่วยลูกชาย ทันใดนั้นเอง โฮเวิร์ดพลันตะโกนตอกกลับมา “อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันทุ่มเจ้าเด็กนี่ลงบนพื้นแน่!”ฝีเท้าของชารอนหยุดชะงักลง เธอจ้องมองลูกชายอย่างระมัดระวังและตะโกนออกมา “ปล่อยเขาไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”โฮเวิร์ดหรี่ตามองชารอนอย่างชั่วร้าย “ชารอน คุณจงใจส่งเด็กคนนี้มาทำร้ายแซลลี่ใช่ไหม? คุณทำให้เธอเสียลูกไปในครรภ์แล้วนะ ตอนนี้คุณยังต้องการทำร้ายเธออีกงั้นเหรอ?"ชารอนขมวดคิ้ว “ฉันไม่ได้ส่งเขามานะ! ตอนนี้คุณวางเขาลงก่อนเถอะ” เธอรู้สึกว่ามันยากที่จะอธิบายสถานการณ์ให้โฮเวิร์ดฟัง นอกจากนี้ โฮเวิร์ดก็ไม่เต็มใจที่จะฟังคำอธิบายของชารอนด้วย ทันทีที่เห็นลูกชายกำลังดิ้นรนและทุกข์ทรมาน เธอพลันรู้สึกสิ้นหวังราวกับว่าหัวใจกำลังแตกสลายแซลลี่ซึ่งยังคงนั่งอยู่บนพื้นและมองดูเหตุการณ์ทั้งหมด เธอเผยยิ้มมุมปากในแบบที่ไม่มีใครมองเห็น ดวงตาของแซลลี่เป็นประกายอย่างเย็นชาโฮเวิร์ดยังคงไม่ยอมปล่อยมือและตะโกนออกมาอย่างไร้ความปรานี “คุณไม่รู้จักสั่งสอนลูกตัวเองนักใช่ไหม? ได้เลย! งั้นวันนี้ผมจะสอนเขาแทนคุณเอง!”