ไม่ ต้องไม่ขัดคล่องอะไรอยู่แล้ว ก็แค่ทำไมเมื่อก่อนคุณไม่เคยพูดถึงเลย?” ซูหว่านเอ๋อร์พยักหน้า ตอนนี้เธอแต่งงานกับหลินเซียวแล้ว แม่บุญธรรมของหลินเซียวก็คือแม่ของเธอตอนนี้หลินเซียวต้องเดินทางไปชายแดนใต้ การที่เธอดูแลแม่บุญธรรมของเขาก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว“ตัวตนของผมพิเศษ การที่ผมเป็นองครักษ์ของนายพลจึงไม่สามารถทำให้จุดอ่อนตกอยู่ในมือของข้าศึกได้ เพื่อเป็นการปกป้องแม่บุญธรรม ผมถึงไม่ได้ให้เธอเปิดเผยตัวตน” หลินเซียวอธิบาย“งั้นท่านไม่ได้มาร่วมงานแต่งของเรา ท่านจะไม่โกรธใช่ไหม?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามด้วยความเป็นกังวล“วางใจได้ แม่บุญธรรมของผมคุยง่าย ผมได้ให้เหลิ่งซวงไปอธิบายกับท่านแล้ว รออีกเดี๋ยวท่าก็จะมาที่นี่” หลินเซียวพูดขึ้นซูหว่านเอ๋อร์พยักหน้า หลินเซียวไปแล้ว งั้นเธอก็ต้องดูแลแม่บุญธรรมให้ดี“อื้ม ตอนที่ผมไม่อยู่ คุณดูแลตัวเองดีๆ นะ เกรงว่าผมคงไม่ได้อยู่กับคนสักพัก” หวังว่าคุณจะดีกับแม่บุญธรรมหน่อยนะ ให้เธอได้ดื่มด่ำความสุขในช่วงชีวิตปั้นปลายสักหน่อยนะ ท่านเป็นคนเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ท่านลำบากมามาก แต่ตอนนี้ผมยังไม่สามารถตอบแทนบุญคุณท่านได้ก็ต้องเดินทางไปยั
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอซูหว่านเอ๋อร์“แม่คะ” ซูหว่านเอ๋อร์เรียกออกมาอย่างไม่คุ้นทว่าเธอไม่ได้รังเกียจที่จะรู้จักกับจ้าวหลาน เพราะเธอรู้สึกว่าจ้าวหลานดูเป็นคนใจดีมาก“แม่คะ ไม่ได้เชิญแม่มาร่วมงานแต่ แม่ไม่ถือสาใช่ไหมคะ?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามขึ้น“จะไปโกรธได้ไงล่ะ เซียวเอ๋อร์ได้แต่งกับหนูที่สวยแบบนี้ ฉันดีใจยังไม่ทันเลย เขาได้อธิบายให้ฉันฟังแล้ว จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องรับฉันมาก็ได้นะ ฉันอยู่บ้านนอกมาตลอดจนชินแล้ว” จ้าวหลานพูดด้วยรอยยิ้ม“หนูขอแนะนำตัวสักหน่อยค่ะ นี่คือแม่ของหนู และนี่คือพ่อของหนูค่ะ”ซูหว่านเอ๋อร์แนะนำพ่อแม่ของตัวเองให้กับจ้าวหลาน“สวัสดีแม่ของหว่านเอ๋อร์” จ้าวหลานยื่นมือออกไปพร้อมพูดขึ้น“สวัสดีค่ะ สวัสดี ยินดีต้อนรับนะ” หยางฮุยฟางยิ้มอย่างจอมปลอม ก่อนจะมือกับจ้าวหลานเบาๆ เพียงครู่เดียวก็ชักมือออกอย่างรวดเร็วดูเหมือน จ้าวหลานจะเป็นคนบ้านนอกที่ไม่มีพิถีพิถันคนหนึ่ง“แม่ครับ อีกเดี๋ยวผมก็จะต้องเดินทางไปแนวหน้าแล้วนะครับ แม่ก็อยู่ที่กับหว่านเอ๋อร์ให้สงบจิตสบายใจนะครับ” หลินเซียวเตรียมบอกลาจ้าวหลานผู้เป็นแม่บุญธรรมของตน“ต้องไปแนวหน้าแล้วเหรอ? ทำไมมันกะทันหั
เมื่อหยางฮุยฟางกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลซูก็เล่าเรื่องที่หลินเซียวเป็นแค่ทหารองครักษ์ธรรมดาออกมาจนหมดคนตระกูลซูต่างก็ยากที่จะเชื่อไม่นาน ซูชิงเอ๋อร์และหวังเทียนเฟิงก็รู้ข่าวนี้เช่นกันพอซูชิงเอ๋อร์รู้ว่าที่แท้หลินเซียวเป็นแค่ทหารองครักษ์ธรรมดา และไม่ใช่ผู้มีอำนาจอะไร เธอก็เริ่มคิดวิธีที่จะหาเรื่องหลินเซียวหลินเซียวและเหลิ่งซวงนั่งเครื่องบินตรงไปยังชายแดนตลอดทั้งคืนหลังจากที่หลินเซียวไปจากแล้ว เหล่าทหารที่ตั้งกองกำลังป้องกันเมืองหนานหูต่างก็ถอนกำลังกลับจนหมดข่าวที่ว่าหลินเซียวเป็นแค่ทหารองครักษ์ธรรมดาก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของเมือง และไม่นานทุกคนในเมืองหนานหูก็รู้เรื่องนี้และพวกเขาต่างก็รู้ว่าการที่หลินเซียวจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนได้ เป็นเพราะเขาเคยช่วยชีวิตวังต้าไห่ไว้ ดังนั้นวังต้าไห่ถึงได้มาช่วยงานของเขาด้วยตัวเองเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ผู้คนที่เคยเคารพนับถือหลินเซียวก็ต่างดูถูกและเหยียดหยามเขา พวกเขาต่างคิดว่าหลินเซียวเป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่จริงๆ ไปๆ มาๆ เป็นแค่คนที่อาศัยคนอื่นเพื่อเชิดหน้าชูตาหยางฮุยฟางรู้ว่าตัวตนของหลินเซียวแพร่กระจายไปทั่วเมืองหนานห
จ้าวหลานอยากเดินไปที่มีคนเยอะสักหน่อยแล้วนั่งรถกลับบ้านเก่าแต่ทว่า เธอเดินไปได้ไม่ไกลนักก็มีถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มองเห็นหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง หันมองไปมาอย่างตื่นกลัว เหมือนกับเจอเรื่องร้ายอะไรเข้าแล้วมีผู้ชายหลายคนเดินมาเธอมาติดๆ เหมือนอยากจะทำไม่ดีไม่ร้ายหญิงสาวคนนั้นจ้าวหลานสีหน้าเคร่งขรึม แต่เธอไม่ได้ตรงเข้าไปในทันที เธอยืนดูสถานการณ์และเตรียมรับมืออยู่ใต้เงามือของต้นไม้“พวกคุณจะทำอะไร?” หญิงสาวหน้าตาดีคนนั้นกลัวจนตัวสั่นเทาตั้งนานแล้ว และถามขึ้นอย่างหวาดกลัวหญิงสาวคนนี้มีชื่อว่าหานหย่าชิง และเป็นนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบ“สาวสวย คุณชายของเราคิดว่าเธอไม่เลว อยากพาเธอไม่นั่งรถเล่นโอเคไหม?” ชายคนหนึ่งที่ดูรูปร่างกำยำพูดขึ้นอย่างคิดไม่ดีเขามีชื่อว่าโจวห้าว และคุณชายที่เขาหมายถึงก็คือ เยว่ยี่เฟิง คุณชายของตระกูลเยว่ ซึ่งเป็นตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดในเมืองหนานหูเยว่ยี่เฟิงในเวลานี้นั่งอยู่บนรถลัมโบกินีคันที่จอดอยู่ข้างๆจ้าวหลายสังเกตเห็นรถสปอร์ตลัมโบกินีคันนั้นแล้ว ยังมีรถอีกหลายคันจอดอยู่ด้านหลังด้วยเฟอร์รารี่ รถโรลส์-รอยซ์ และรถหรูอีกเจ็ดแปดคัน“ฉันไม่ส
ซูหว่านเอ๋อร์เป็นห่วงว่าจ้าวหลานไม่คุ้นเคยกับแถวนี้ และจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เธอขับรถโรลส์-รอยซ์ค้นหาไปทั่วเวลานี้ ฟากฝั่งทางสวนสาธารณะพวกของโจวห้าวกำลังจะอุ่มหานหย่าชิงขึ้นรถก็ได้ยินเสียงตะโกนมาว่า: “พวกแกจะทำไมอะไร! รีบปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ!”พวกเขาหันกลับไปมองก็เห็นเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจึงรู้สึกโกรธในทันที“อีนังนี่ มาตะโกนอะไรดึกดื่นป่านนี้! รีบไสหัวไปซะ! ไม่งั้นแกได้ตายแน่!” โจวห้าวพูดอย่างดุร้ายหานหย่าชิงที่เดิมทีสิ้นหวังไปแล้ว แต่พอได้ยินเสียงตะโกน ยังคิดว่าตัวเองรอดแล้ว ใครจะเป็นคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิง ความหวังนั้นที่พังทลายลงอีกครั้งในทันที“ปล่อยผู้หญิงคนนั้นนะ!” จ้าวหลานตะโกน พร้อมกับเดินเข้าไปในใจของเธอก็รู้สึกกลัวเช่นกัน แต่เธอไม่อาจเห็นหญิงสาวคนนี้ถูกทำร้ายและไม่อาจเมินเฉยต่อหน้าต่อตาได้ เธอทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้“กระทืบอีแก่ชอบแส่นี่ให้ตายก่อน!” โจวห้าวพูดขึ้นพวกลูกน้องคนหนึ่งเดินมุ่งมาล้อมจ้าวหลานไว้เมื่อเข้ามาใกล้แล้ว ลูกน้องคนหนึ่งในพวกนั้นก็สาดหมัดเข้าใส่จ้าวหลานสำหรับพวกเขาแล้ว จ้าวหลานเป็นแค่หญิงชรา จะไปทำอันตรายอะไรได้ใครจะไปรู้ว่าจ้าวหลา
จากนั้นจ้าวหลานมือหนึ่งถือท่อนไม้ อีกมือหนึ่งถือมีดแล้วตะโกนขึ้นว่า: “พวกแกไม่กลัวกฎหมายกันหรือยังไง! ใครเข้ามาอีก ฉันก็จะฆ่าให้ตาย!”เวลานี้ในใจของจ้าวหลานเต็มไปด้วยไฟโทสะ นักเลงพวกกับใช้กำลังจับผู้หญิงในที่แบบนี้!คิดถึงตอนที่เธอยังเป็นทหารเด็กอยู่ เธอเคยจัดการพวกนักเลงไปไม่น้อยคนของแก๊งชิงหลงไม่มีสนใจ พวกเขามีคนเยอะกว่าจึงไม่ตื่นตระหนกเลยหญิงแก่คนเดียวจะทำอะไรได้ พวกเขาหลายคนจะการหญิงผู้หญิงแค่คนเดียวจัดการไม่ได้ ต่อไปก็ไม่ต้องอยู่ที่เมืองหนานหูแล้วพวกนี้อยากกดจ้าวหลานให้ตาย ใครจะไปรู้ว่าระหว่างต่อสู้กันยังถูกมีดปาดจนเป็นแผลที่แขนได้จ้าวหลานในเวลานี้ได้มองคนของแก๊งชิงหลงเป็นศัตรูไปแล้ว เหมือนได้กลับไปสมัยที่เธอเป็นทหารเด็กอยู่!เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ก้มหัวให้ใครง่ายๆ และยิ่งไม่ต้องถูกถึงนักเลงแบบนี้เลยคนของแก๊งชิงหลงก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ผู้หญิงบ้านนอกที่ดูแสนธรรมดากลับมีฝีมือแบบนี้ได้ซูหว่านเอ่อร์ก็ตกตะลึง ดูเหมือนจ้าวหลานเป็นแค่ชาวนาธรรมดา ไม่คิดว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักเลงพวกนี้ยังสามารถต่อกรได้อยู่หมัดเหลยเฉียงก็โดนจ้าวหลานปาดโดนโดยไม่รู้ตัว คราวนี้ไฟโทสะในใจของเ
“ถ้าแกทำร้ายเธอ รอให้สามีของฉันกลับมาแล้วจะต้องไม่ปล่อยแกไว้แน่!” ซูหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น“สามีเศษสวะของเธอจะทำอะไรฉันได้? ถึงฉันจะโยนอีแก่นั่นลงน้ำให้ปลากิน มันก็ไม่กล้าพูดมาก!” เยว่ยี่เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มอวดดี“คุณต้องการอะไรถึงจะปล่อยแม่ของฉัน?” ซูหว่านเอ๋อร์ถามขึ้น“คุณหย่ากับสามีของคุณแล้วมาอยู่กับผม หรือทำให้ผมได้ขึ้นสวรรค์ ปรนนิบัติผมสักคืน เรื่องนี้ก็จะถือว่าไม่เกิดขึ้น ไม่งั้นคืนนี้อีแก่นี่จะต้องถูกโยนลงแม่น้ำแน่!” เยว่ยี่เฟิงพูดขึ้น“ฝันไปเถอะ!” ซูหว่านเอ๋อร์ไม่คิดว่าเยว่ยี่เฟิงจะหน้าด้านขนาดนี้ ยื่นข้อเสนอที่เลวทรามแบบนี้ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่ตอบตกลง คิดว่าแม้แต่จ้าวหลานก็ไม่ยอมเช่นกัน!“งั้นเธอก็ทนดูแม่บุญธรรมของสามีเธอถูกกระทืบจนตายก็ตามใจ ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้” เยว่ยี่เฟิงผายมือแล้วพูดขึ้นซูหว่านเอ๋อร์หันกลับไปเห็นว่าในเวลานี้มีเลือดนองเต็มตัวจ้าวหลาน“คุณชายเยว่ ขอร้องล่ะ ปล่อยแม่ฉันไปเถอะนะ นอกจากข้อเสนอเมื่อกี้แล้ว ไม่ว่าอะไรฉันก็จะยอม”ซูหว่านเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้น พูดขอร้องวิงวอน“ผมแค่ต้องการคุณคนเดียว อย่างอื่นผมมีหมดแล้ว” เยว่ยี่เฟิงพุดพร้อมกับหัวเราะหญิงงามอั
เมื่อแกงค์ชิงหลงเห็นหานหย่าชิงกำลังจะหลบหนี พวกเขาทั้งหมดก็รีบวิ่งกรูกันไปเพื่อจะจับเธอเอาไว้ แต่จ้าวหลานมาขวางทางเอาไว้ซูหว่านเอ๋อร์รู้แล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรหากเธอจะขอร้องเย่ว์ยี่เฟิง ดังนั้นเธอจึงรีบกลับไปที่รถ"หว่านเอ๋อร์ พาผู้หญิงคนนี้ออกไปเร็วเข้า! ไปเร็ว!" จ้าวหลานตะโกนสุดเสียงในขณะที่กำลังต่อสู้เพื่อสกัดกั้นคนพวกนั้น"แม่! แล้วแม่จะหนีได้ยังไง?" เพราะซูหว่านเอ๋อร์ไม่อยากทิ้งจ้าวหลานไว้ที่นี่ตามลำพัง"ไปกันก่อนเถอะ! ปล่อยแม่ไว้ที่นี่คนเดียวก่อน! ไม่งั้นเราทุกคนจะออกไปไม่ได้นะ!" จ้าวหลานตะโกนในสถานะการณ์เร่งด่วนแบบนี้ ซูหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าที่จะรั้งรออีกต่อไปและพูดกับหานหย่าชิง"เร็วเข้ารีบขึ้นรถ!"หานหย่าชิงที่กำลังหวาดกลัวและตื่นตระหนกจึงรีบขื้นรถในทันทีซูหว่านเอ๋อร์ก็นั่งประจำที่คนขับพร้อมแล้ว"แม่! รีบมาเร็วเข้า!" ซูหว่านเอ๋อร์ตะโกนร้องเรียกจ้าวหลานในขณะที่จ้าวหลานกำลังต่อสู้ติดพันกับคนหลายคน ทำให้เธอไม่สามารถหลบหนีออกไปได้"ไปก่อนเลย! รีบไปเร็วๆ!" จ้าวหลานรีบตะโกนนี่เป็นครั้งแรกที่ซูหว่านเอ๋อร์พบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ และเธอก็ตื่นตระหนกมากเช่นกันเธออยากพาจ้า