บททั้งหมดของ รัชทายาทชะตาฟ้า: บทที่ 21 - บทที่ 30
220
บทที่ 21
“กับอีแค่กลอนกระจอก มีอะไรยากกัน?”ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าประหลาดใจ ระดับวรรณกรรมในสมัยโบราณมันแค่นี้เองเหรอะ? ด้วยคลังกลอนโบราณของเขา พอเทียบกับผู้มีการศึกษาที่ว่าเหล่านี้มิใช่ชนะขาดลอยหรือ?“สามหาว!!!”“โอหัง!!!”“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!!!”......คำพูดเดียวของฉินอวิ๋นฟานชักนำโทสะมวลชน องค์ชายรองเป็นผู้มากสามารถที่ส่วนรวมยอมรับ เขายังแต่งกลอนที่เข้าคู่กับสุดยอดกลอนของเหลียงคังจวิ้นไม่ได้เลย แล้วเจ้าเป็นแค่ตัวโง่งมเอาอะไรมาคุยโม้?ต่อให้เจ้าฉินอวิ๋นฟานจะเป็นปกติแล้ว แต่การสั่งสมความรู้ด้านวรรณกรรมหรือจะทำได้ในเวลาอันสั้น?“ฟานเอ๋อร์ กลอนวรรคนี้วิเศษล้ำลึกนัก มีระดับสูงมาก เจ้าแน่ใจหรือว่าต่อวรรคถัดไปได้?”ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วกับเรื่องนี้เล็กน้อย แม้เขาจะไม่มีพรสวรรค์สูงเด่นในด้านวรรณกรรม กลับพอเข้าใจบ้าง ด้วยความเข้าใจของเขาต่อกลอนวรรคนี้ มันมีความยอดเยี่ยมน่าอัศจรรย์จริง ๆ กระทั่งเรียกได้ว่าที่สุด เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะต่อได้“ทูลไท่ซั่งหวง!”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานเตรียมจะต่อวรรค เหลียงคังจวิ้นกลับแทรกขึ้นมา เขายิ้มพูดด้วยความหมายลึกซึ้ง “หลายปีมานี้มีใครไม่รู้บ้างว่ารัชทายาทไม
Read More
บทที่ 22
หลายวันมานี้ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้อยู่เฉย สืบเรื่องของเหลียงคังจวิ้นอย่างลับ ๆ คนผู้นี้สํามะเลเทเมา มักมั่วกามหลังดื่มเป็นประจำ ร่วมการชุมนุมต่าง ๆ กินหรูอยู่สบาย สุรุ่ยสุร่ายที่สุดแล้วเขายังถึงกับทำเรื่องใช้กำลังขืนใจสาวใช้ ข่มเหงผู้อ่อนแอรังแกหญิงสาวบ่อยครั้งทั้งยังไม่รับผิดชอบอะไรด้วย ขุนนางใหญ่โตข้างตัวจัดการเรื่องยุ่งยากพรรค์นี้ให้เขาโดยเฉพาะ แน่นอน เบื้องหลังต้องมีเงาของฉินอวิ๋นคังอยู่แล้วในยุคปัจจุบันคนประเภทนี้ก็คือคนเลวในคนเลว ทุกคนฆ่าได้หมด ซือชง[footnoteRef:1]ยังเที่ยวสู้เขาไม่ได้เลย [1: หวังซือชง นักธุรกิจหนุ่มและเน็ตไอดอล ทายาทคนเดียวของวั่นต๋ากรุ๊ป] “เฮอะ มีอะไรไม่กล้า? ถ้าวันนี้ข้าเหลียงคังจวิ้นยอมแพ้ ข้าก็คือเดรัจฉานไอ้ลูกเต่า!”ฉินอวิ๋นฟานกระตุ้นโทสะของเหลียงคังจวิ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว รับคำท้าของฉินอวิ๋นฟานทันที ในสายตาของเขา การที่ฉินอวิ๋นฟานกล้าท้าเขาก็คือรนหาที่ตาย!“แต่ในเมื่อรับคำท้าจากข้าแล้ว ก็ต้องมีบทลงโทษที่สมควรนะ เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”เห็นเหลียงคังจวิ้นหลงกล ฉินอวิ๋นฟานดีใจยกใหญ่ จัดการผู้ชายเลวพรรค์นี้เขาไม่มีจิตเมตตาใจอ่อนหรอก ไม่สยบเขาให้หมอบราบคาบแก้
Read More
บทที่ 23
“แม้ข้าคาดหวังว่าเจ้าจะมอบหนังสือหย่าให้ ก็ไม่หวังถูกเจ้าดูหมิ่นต่อหน้าผู้คน”มู่หรงจิ่นร่ำไห้ดอกท้อต้องหยาดฝน ดวงหน้าสวยทำให้คนปวดในยิ่งนัก ฉินอวิ๋นฟานทำใจไม่ได้นิด ๆ เพราะการทำอย่างนี้ไม่ยุติธรรมกับนางเหมือนกัน“ฉินอวิ๋นฟาน ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าจะใช้พระชายาของตัวเองเดิมพัน?”เหมียวชิงอีไต่ถามเสียงเย็น ภายใต้ผ้าปิดหน้าผืนบาง ดวงหน้าสะคราญขุ่นเคืองเล็กน้อยเมื่อครู่ยังให้เกียรติฉินอวิ๋นฟานอยู่บ้าง อย่างไรเสียเขาก็เป็นรัชทายาท แต่พอเขาไม่ถนอมผู้หญิงของตัวเอง นางก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเขาแบบกลับตาลปัตรทันทีผู้ชายที่ใช้ชายาของตัวเองเป็นเบี้ยได้แบบนี้ ไม่ว่าชนะหรือแพ้ จะคู่ควรให้นางเหมียวชิงอีฝากผีฝากไข้ได้อย่างไร? จะคู่ควรให้นางแบกภาระหนักอึ้งของบ้านเมืองร่วมกับแคว้นเช่นนี้ได้อย่างไร?ฉินอวิ๋นฟานจ้องเหมียวชิงอี จ้องนานมาก ก่อนจะตอบอย่างจริงจัง “ข้าฉินอวิ๋นฟานไม่เคยทำเรื่องที่ไม่มั่นใจ ในเมื่อเขาเหลียงคังจวิ้นกล้าเรียกร้องเช่นนี้ ข้าย่อมเดิมพันได้”“คาดว่าเขาก็น่าจะยอมรับเงื่อนไขที่ข้าเสนอได้เหมือนกันกระมัง”ฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้ไม่มีทางเลือกอื่น การจะเอาชนะขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
Read More
บทที่ 24
ยามนี้ เขากลับหวังให้ฉินอวิ๋นฟานชนะ เพราะมีแต่อย่างนี้ เขากับองค์ชายใหญ่จึงจะอยู่ในลู่วิ่งเดียวกัน สำหรับฉินอวิ๋นฟาน ในการชิงบัลลังก์ครั้งนี้ เขายังคงไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาเหมือนเดิมเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานเอ่ยอย่างแข็งกร้าว “ข้าแต่งต่อว่า แปดดวงตาร่วมชม ชมบุปผาชมจันทร์ชมชิงอี!”ซ่า!!!!ครั้นฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ทั้งตำหนักใหญ่เดือดพล่านแล้ว ทุกคนปากอ้าตาค้าง ในดวงตาล้วนเป็นความตกตะลึงและเหลือเชื่อในฐานะที่เป็นขุนนางระดับสูงของต้าเฉียน พวกเขาย่อมเก่งด้านวรรณกรรมระดับหนึ่ง วรรคต่อที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ทำให้พวกเขาหวนคำนึงไม่หยุด“อะไรนะ?”“แปดดวงตาร่วมชม ชมบุปผาชมจันทร์ชมชิงอี???”ยามนี้องค์ชายรองพูดขึ้นด้วยความทึ่ง “วรรคแรกใช้ความคิดเป็นตัวเหนี่ยวนำ ฝากความคิดต่อบ้านเมือง เพิ่มอารมณ์กับความคิดไม่หยุด วรรคต่อกลับฝากอารมณ์รักใคร่สวยหวาน ใช้หน้าบุปผาใต้จันทร์ส่งไมตรีในหัวใจ เพิ่มระดับจนถึงนางเอกเหมียวชิงอี...”ฉับไวตรงจุด หลอมรวมเข้ากับภาพอย่างรวดเร็ว ทั้งยังแต่งวรรคต่อได้อย่างสมบูรณ์แบบ ประดุจเทพ...“สมบูรณ์แบบนัก ช่างเป็นวรรคต่อที่เป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งนัก...”เหมียวชิงอีภายใ
Read More
บทที่ 25
“พี่ใหญ่ ท่านจะยังจะเอาหน้าตาอยู่หรือไม่? แพ้แล้วก็แพ้แล้วสิ ไฉนจึงแพ้ไม่ลงเล่า? นี่ท่านเห็นทุกคนหูหนวกตาบอดหรือ?”ก็ขณะที่องค์ชายใหญ่พยายามโต้แย้งอย่างสุดความสามารถ องค์ชายรองเดินออกมาด้วยใบหน้ากระหยิ่มใจ ถึงเขาจะแพ้ แต่ตอนที่ฉินอวิ๋นฟานต่อวรรคกลอนได้ เขากลับสุขีสโมสรยิ่งกว่าตัวเองชนะเสียอีก“เราไม่ได้แพ้ ใช่ ใช่ น้องเจ็ดเล่นโกง!”เวลานี้ใบหน้าองค์ชายใหญ่ร้อนผ่าว ชัยชนะแต่ละรอบสำคัญอย่างยิ่งยวด เขาต้องพยายามแย้งให้ได้ จะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปไม่ได้แม้แต่หนเดียว“อย่างนั้นหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะเบา ๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้เหลียงคังจวิ้นแต่งต่อสิ ข้าสู้ต่อก็ได้ แต่... ถ้าครั้งนี้เจ้าต้องคิดกลอนคู่ที่ไม่มีคนรู้จึงจะดี ไม่อย่างนั้นมันจะอธิบายไม่ได้เอานา”“ได้! ท่านพูดเองนะ”เหลียงคังจวิ้นราวกับคว้าฟางช่วยชีวิตได้ รับปากทันใด ตอนนี้เขาไม่หยิ่งยโสโอหังเหมือนเมื่อครู่แล้ว ทั้งยังจริงจังอย่างยิ่งด้วยครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงเอ่ยปาก “หญิงงามจ้องหน้าต่างอ้างว้างครองตัวเป็นม่าย”“อะไรน่ะ? นี่ นี่ใช่กลอนคู่เล่นส่วนประกอบอักษรข้างหรือ? ใช้ส่วนประกอบอักษรข้างฝาสมบัติ ประกอบเป็นภาพภาพหนึ่ง
Read More
บทที่ 26
อุปนิสัยเช่นนี้หรือองค์ชายองค์อื่นจะเทียบติด?“คิดไม่ถึงจริง ๆ รัชทายาทจะมีความสามารถสูงเช่นนี้? เก็บงำสิบกว่าปี ช่างทำให้พวกเราประหลาดใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแท้ ๆ”“มิน่ารัชทายาทถึงกล้าใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน มีระดับวรรณกรรมเช่นนี้นี่เอง ทำให้พวกเราเลื่อมใสยิ่งแล้ว!”“กลอนคู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นแบบอย่างการเรียนรู้ที่บรรดาเก้าแคว้นใหญ่แย่งชิงศึกษา คิดไม่ถึงต้าเฉียนเราจะมีสองอัจฉริยะมังกรหลบหงส์อรุณด้านวรรณกรรม ช่างเป็นบุญของต้าเฉียนเราโดยแท้”......ถ้าบอกว่ากลอนหนึ่งวรรคมิอาจสยบใจมวลชนได้ เช่นนั้นวรรคสองนี้ทำให้คนกราบกรานโดยสิ้นเชิง สายตาที่บรรดาขุนนางใหญ่มองฉินอวิ๋นฟานเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดฟ้ากับดินปัญญาอ่อนที่ชวนให้คนรังเกียจเดียดฉันท์ในสมัยก่อน ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่มีความสามารถและพรสวรรค์ทางวรรณกรรมสูงสุดในใจของพวกเขา “คิดไม่ถึง ระดับวรรณกรรมของน้องเจ็ดจะถึงขั้นที่ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีอีก กลอนคู่เช่นนี้ยังต่อได้อย่างคล่องแคล่ว เช่นนั้นชัยชนะรอบนี้ก็ตกเป็นของผู้มีความสามารถแท้จริงแล้ว”องค์ชายรองมองฉินอวิ๋นฟานลึกซึ้งทีหนึ่ง เกิดความรู้สึกที่พูดไม่ออกทันใด
Read More
บทที่ 27
“รัชทายาทมากสามารถด้านวรรณกรรมดังคาด!”เหมียวชิงอีก็เป็นผู้รักกลอนเพลงเป็นชีวิตจิตใจเหมือนกัน ระดับวรรณกรรมที่ฉินอวิ๋นฟานแสดงออกมาทำให้นางชื่นชมนัก แต่ก็ยังติดใจกับการที่เขาใช้พระชายาเป็นสิ่งเดิมพันอยู่ดี“ฮ่องเต้หญิงชมเชยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินอวิ๋นฟานค้อมตัวตอบเล็กน้อยพริบตาเดียวอ่านไปครึ่งก้านธูปแล้ว เหลียงคังจวิ้นยังแต่งวรรคต่อไม่ได้เหมือนเดิม ความหยิ่งผยองในดวงตาเขาสลายไปนานแล้ว แทนที่ด้วยความเศร้าสลดเต็มประดา“หมดเวลาแล้ว การประลองด้านบุ๋นรอบแรกองค์ชายใหญ่แพ้ รัชทายาทชนะ!”องครักษ์หญิงข้างกายเหมียวชิงอีประกาศผลเสียงดัง“องค์ชายใหญ่ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตายนะ!”เหลียงคังจวิ้นคุกเข่าลงตุบกับพื้นตรงหน้าองค์ชายใหญ่ กอดต้นขาของเขาแน่น พูดพลางร้องห่มร้องไห้ ขอร้องสุดชีวิต ตื่นกลัวสุดขีด“ช้าก่อน!”ขณะกำลังจะได้บทสรุป องค์ชายใหญ่หรี่ดวงตาทั้งสองพร้อมเอ่ย “หึ น้องเจ็ด เจ้าหลอกใครกัน? กลอนตายก็เอามาหลอกฮ่องเต้หญิงได้? ปั่นหัวเหล่าขุนนางหรือ? เจ้าคิดจะชนะด้วยวิธีการนี้หรือ? ไม่มีทางเสียหรอก”คำพูดเดียวทำให้เหลียงคังจวิ้นได้สติฉับพลัน ตะเกียกตะกายขึ้นมาเอะอะว่า “องค์ชายใ
Read More
บทที่ 28
ไท่ซั่งหวงพอใจกับการแสดงออกของฉินอวิ๋นฟานมาก ระดับวรรณกรรมเช่นนี้ เพียงพอแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและท่วงทำนองแคว้นใหญ่ได้จางเต้าหลินที่เงียบมาตั้งแต่ต้นจนจบ ยามนี้เขากำลังจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง เผยอารมณ์เหนือคาดออกมา“บ้าเอ๊ย!”ตอนนี้องค์ชายใหญ่กำลังเดือดดาลสุดขีด สีหน้าเขียวปัด เพื่อชัยชนะรอบนี้ แม้แต่หน้าตาเขายังละทิ้ง พยายามอยู่นานสองนาน ไม่นึกว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นตัวตลกคนนั้นสิ่งที่ทำให้เขาไม่ไม่ถึงยิ่งกว่าคือ ฉินอวิ๋นฟานกลับมีระดับวรรณกรรมน่ากลัวอย่างนี้ บุกจนเขารับมือไม่ทันเลย“องค์ชายใหญ่...”เหลียงคังจวิ้นขาอ่อนล้มพับกับพื้นตรง ๆ ใบหน้าปราศจากสีเลือด ตื่นตระหนกหวาดกลัวที่สุด เช่นคำพูดนั้น แรกเริ่มยโสเพียงใด ตอนนี้อนาถเพียงนั้น “ไสหัวไปซะ!”องค์ชายใหญ่ถีบเหลียงคังจวิ้นออกไป ในดวงตาคือความรังเกียจทั้งหมด มาถึงขั้นนี้แล้ว มากสามารถยังจะมีประโยชน์อันใดอีก? การประลองทุกรอบเกี่ยวพันถึงชะตาในอนาคต หากนั่งบัลลังก์ไม่ได้ทุกอย่างก็คือเพ้อเจ้อแพ้เท่ากับหมดสิ้นคุณค่าใช้สอย เขาไม่อยากเสียงอ่อนขอร้องรักษาชีวิตบัณฑิตอ่อนแอคนหนึ่งในตอนที่กำลังแข่งขันดุเดือดอย่าง
Read More
บทที่ 29
ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าสงบ ไม่ลังเลใด ๆ ย่างเท้ามาถึงตรงหน้ามู่หรงจิ่นก่อนจะยิ้มบางเอ่ย “ได้ แต่โทษตายละเว้นได้ โทษเป็นยากจะหลีกหนี”“อะไรนะ? ท่าน ท่านไม่ตรองสักหน่อยก็ตอบตกลงแล้วหรือ”“รัชทายาท ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? เหลียงคังจวิ้นคือศัตรูของท่านนะ เป็นคนที่ลบหลู่ท่านกับพระชายารัชทายาทต่อหน้าผู้คน ท่านจะละเว้นชีวิตเขาหรือ?”“นี่พระชายารัชทายาทกำลังขอร้องแทนศัตรูของท่านอยู่นะ จะรับปากได้ยังไง?”......ทุกคนต่างประหลาดใจ เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานยังมีท่าทีต้องเอาชีวิตเหลียงคังจวิ้นให้ได้ ทำไมแค่พระชายารัชทายาทเอ่ยขอคำเดียวก็ตอบตกลงแบบไม่คิดสักนิดแล้วเล่า?“น้องเจ็ด เจ้าบ้าไปแล้วกระมัง? เหลียงคังจวิ้นคือคนที่อยากจะเอาชีวิตเจ้านะ แล้วยังอยากได้ชายาของเจ้าด้วย เจ้าจะปล่อยคนประเภทนี้ไปอย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่ควรสั่งสอนชายาของเจ้าต่อหน้าทุกคนหรือ? ทำไมยังรับปากคำขอของนางอีก?”องค์ชายรองดวงหน้าฉงนสนเท่ห์ แล้วยังสงสัยด้วยว่าตัวเองหูฝาก อิสตรีออกสิทธิ์ออกเสียงในราชสำนักได้ที่ไหน? แล้วยังเป็นปรปักษ์กับสามีตัวเองอีก ผู้หญิงประเภทนี้เรียกได้ว่าขาดการอบรมฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจการถามอย่างสงสัยของทุกคน ทั
Read More
บทที่ 30
นางจะคิดได้ยังไงว่าฉินอวิ๋นฟานให้ความสำคัญกับนางขนาดนี้ กระทั่งไม่สนใจศักดิ์ศรี การที่รัชทายาททำเช่นนั้น มันทำให้หัวใจนางหวั่นไหวเล็กน้อยทันที“ขอบคุณรัชทายาทที่ละเว้นชีวิต ขอบคุณพระชายารัชทายาทที่ขอร้องให้ ขอบคุณขอรับ!”เหลียงคังจวิ้นตื้นตันใจคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง พ้นเคราะห์มาได้ อย่าพูดเลยว่าดีใจแค่ไหน ทว่าคำพูดต่อมาของฉินอวิ๋นฟานกลับทำลายความหวังของเขาอีกครั้ง“ข้าแค่บอกว่าไม่ฆ่าเจ้า ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยเจ้าไป เจ้าตื้นตันอะไร...”เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานยิ้มร้าย “ทหาร เอาตัวเหลียงคังจวิ้นไปตอนซะ”“อะไรนะ...”ครั้นได้ยินว่าจะถูกตอน เป้ากางเกงของเหลียงคังจวิ้นเย็นเฉียบทันที ไอเย็นยะเยือกแทรกเข้ากระดูกพุ่งขึ้นสมอง ล้มกองกับพื้นสีหน้าสิ้นหวังอีกหนท่ามกลางสายตาของทุกคน เหลียงคังจวิ้นเฉกเช่นสุนัขตัวหนึ่ง ถูกลากออกไปอย่างไร้อารมณ์ แม้จะเป็นองค์ชายใหญ่ก็ยังทำหน้าเย็นชาสามารถรักษาชีวิตของเหลียงคังจวิ้นได้ มู่หรงจิ่นใช้ความกรุณาและคุณธรรมที่สุดแล้ว ถ้านางยังขอร้องให้เหลียงคังจวิ้นอีก จะไร้มารยาทแล้วจริง ๆ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะรับปากหรือไม่ แต่ไท่ซั่งหวงผู้อยู่สูง
Read More
ก่อนหน้า
123456
...
22
DMCA.com Protection Status