หลังจากพูดจบ เฮ่อเยียนสือก็ก้าวขึ้นไปที่ชั้นสองเมื่อเห็นเขาเข้าไปในห้องของถานอวี้เสวี่ย แม่ถานก็ยิ้มอย่างไม่อาจต้านทานได้ เธอพูดกับพ่อถานว่า "ดูสิ ฉันพูดถูก อาเยียนสนใจในตัวเสี่ยวเสวี่ย แค่ตัวเขาไม่ทันสังเกตเอง"พ่อถานพับหนังสือพิมพ์ที่กระจายออก "น่าเสียดายที่อาเยียน แต่งงานแล้วไม่งั้นใครจะไม่อยากมีลูกเขยที่ดีขนาดนี้"แม่ถานเบ้ริมฝีปาก "แต่งงานเเล้วยังไง ตอนนี้อัตราการหย่าร้างสูงมาก มีคนหย่าร้างมากมาย นอกจากนี้ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรกับอาเยียนเลย ไม่มีภูมิหลังครอบครัวและไม่มีการศึกษา เธอมีเพียงใบหน้าเท่านั้น แต่ใบหน้าจะมีประโยชน์อะไร เมื่อกาลเวลาผ่านไปต้องเบื่ออย่างแน่นอน"ในฐานะผู้ชาย พ่อถานค่อนข้างเห็นด้วยกับประเด็นนี้ "เห็นท่าแล้วเสี่ยวเสวี่ยของครอบครัวเรายังคงมีโอกาส"อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้บรรยากาศบนชั้นสองระหว่างเฮ่อเยียนสือและถานอวี้เสวี่ยกลับไม่สามารถพูดได้ว่ากลมเกลียว ยิ่งไปกว่านั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นความตึงเครียดมากกว่า"คุณกำลังตรวจสอบฉันงั้นเหรอ?" ถานอวี้เสวี่ยมีอารมณ์โกรธเล็กน้อยเฮ่อเยียนสือนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้คอมพิวเตอร์ และมองไปที่ถานอวี้เสวี่ยอย่างเรียบๆ "คุณยอมร
การเดินทางกลับมีกำหนดในอีกสองวันต่อมาพ่อเฮ่อและครอบครัวถานต่างมาส่งอวิ๋นซูและเฮ่อเยียนสือถานอี้และพ่อเฮ่อทำใจไม่ได้จริงๆ ที่อวิ๋นซูและเฮ่อเยียนสือกำลังจะจากไปแต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวพ่อถานและแม่ถานจึงจำเป็นต้องมา"คุณเสี่ยวซู" ถานอี้ดึงอวิ๋นซูไปอีกด้านหนึ่ง "พี่สาวของผมบอกว่าเธอมีของขวัญให้คุณ และบอกว่าให้ผมให้เป็นการส่วนตัวกับคุณ ห้ามให้อาเยียนรู้"อวิ๋นซูสังเกตเห็นมานานแล้วว่าถานอวี้เสวี่ยไม่ได้มาปรากฏตัวแต่ก็ไม่ได้ถาม ตอนนี้ถานอี้ริเริ่มที่จะพูดถึงเธอ อวิ๋นซูจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า "ทำไมพี่สาวของคุณไม่มาส่งด้วยตัวเอง? "ถานอี้เกาหัว "ผมถามแล้ว พี่สาวของผมบอกว่าเธอไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าคุณได้ ผมไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร อย่างไรก็ตาม——"เขาส่งกล่องของขวัญที่บรรจุอย่างสวยงามให้กับอวิ๋นซู "คุณเสี่ยวซู ภารกิจผมเสร็จแล้ว"อวิ๋นซูได้รับมันไว้ มันหนักมากและไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในแต่เธอก็คิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างแน่นอน"คุณเสี่ยวซู......" ถานอี้หูแดง "คุณจะกลับมาอีกทีเมื่อไหร่? "อวิ๋นซู "ฉันไม่เเน่ใจ ว่างก็จะกลับมา ถ้าคุณว่างก็มาหาฉันที่หัวกั๋วได้นะ""จริงเหรอ? โอเค ถ้าผมไป
ในตอนที่เฮ่อเยียนสือเดินขึ้นบันไดมา ที่ห้องนอนหลักไม่มีใครอยู่สักคนเขานวดไปที่ขมับดูท่าแล้วครั้งนี้คงจะง้อไม่ได้ง่ายๆแล้ววันต่อมาหลินเหมียวเหมียวถือโอกาสช่วงพักกลางวันรีบกลับมาที่คฤหาสน์“ตอนที่เธอบอกทางให้ฉัน ฉันนึกว่าเธอจะกลับไปที่ตระกูลอวิ๋นซะอีก” หลินเหมียวเหมียวมองไปที่คฤหาสน์ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา “คฤหาสน์หลังนี้เฮ่อเยียนสือซื้อเองจริงๆเหรอ?”“ฉันจะหลอกเธอไปทำไมเล่า” อวิ๋นซูเดินนำหลินเหมียวเหมียวเข้าไปในตัวบ้าน“ฉันกลัวว่าเธอจะถูกรูปร่างและใบหน้าหล่อๆของเฮ่อเยียนสือหลอกเอาเงินไปเลี้ยงเขาน่ะสิ แต่ว่านะ” หลินเหมียวเหมียวเม้มริมฝีปาก “ดูจากระดับของเฮ่อเยียนสือแล้ว ถ้าเกิดเขากล้าที่จะลงทุนไม่แน่ภายในหนึ่งเดือนชีวิตพวกเธออาจจะได้เปลี่ยนจากชนชั้นกลางเป็นชนชั้นนายทุนเลยก็ได้นะ”ในหัวสมองของอวิ๋นซูปรากฏภาพเรือนร่างของเฮ่อเยียนสือ หน้าเธอก็อดจะแดงขึ้นมาไม่ได้“ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เธอดูแปลกๆไปนะ” อวิ๋นซูดันเธอไปที่ห้องรับแขก “เดี๋ยวฉันหยิบโทรศัพท์ให้”หลินเหมียวเหมียวเห็นว่าบนเตียงมีหมอนเพียงหนึ่งใบและดูเหมือนว่าจะเพิ่งแกะออกมาใหม่ เธอจึงถามออกไปด้วยความสงสัย “นี่เธอกับเฮ่อเยีย
แสงอาทิตย์ในยามเช้าสาดส่องลงมาที่พื้น ก่อนจะลอดผ่านช่องว่างระหว่างหน้าต่างแล้วกระทบลงบนตัวของทั้งสองคนกลายเป็นภาพน้ำมันที่สวยงามผ่านไปพักใหญ่ เฮ่อเยียนสือที่หยุดฝีเท้าลงก็ยิ้มออกมา ก่อนจะอุ้มอวิ๋นซูเข้าไปในห้องนอนหลังจากสมองว่างเปล่าไปสักพักเธอก็ดึงสติกลับมา ก่อนจะขยับเท้าทั้งสองข้างเธอ “เฮ่อเยียนสือนายหยุดเดี๋ยวนี้นะ วันนี้ฉันต้องไปทำงานนะ!”เฮ่อเยียนสืออุ้มอีกคนเข้าไปในห้องน้ำ “ฉันรู้แล้ว วันนี้เธอคงไม่อยากไปทำงานแบบนี้หรอกใช่ไหมล่ะ”ในตอนที่พูดทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ที่หน้ากระจกอวิ๋นซูเห็นตัวเองในกระจกก็หน้าแดงขึ้น ในตอนที่สายตาเบลอเธอก็นึกอยากจะหาหลุมสักที่แล้วมุดเข้าไปเฮ่อเยียนสือยกยิ้มเบาๆ ก่อนจะวางอีกฝ่ายลงในอ่างอาบน้ำ “อาบน้ำก่อนแล้วกัน”ถึงแม้ว่าอวิ๋นซูจะไม่อยากฟังคำของเฮ่อเยียนสือนัก แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะยอมล้างเอาคราบแห่งความรักบนตัวล้างออกจนสะอาดในตอนที่ออกมาเธอก็กลับมาอยู่ในชุดทำงานสีดำเฮ่อเยียนสือกะพริบตาอวิ๋นซูอยู่ห่างจากตัวเขาออกไป “ฉันจะไปทำงานแล้ว”พูดจบเธอก็รีบลงจากบันไดไปที่ชั้นล่าง มีรถคันหนึ่งจอดรออยู่ เมื่อเห็นว่าอวิ๋นซูเดินออกมา คนขั
สีหว่านเอ๋อร์บีบนิ้วของตัวเองแน่น ก่อนจะหมุนตัวแล้วกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองซูชานเองก็รีบเดินตามไปรอจนพวกนั้นเดินไปจนหมด เสิ่นเสี่ยวรุ่ยก็อดไม่ไหวหันไปมองอวิ๋นซูด้วยสายตาที่วิบวับ “หัวหน้าอวิ๋น คุณเท่มากเลยค่ะ!”เธอเพิ่งถูกรับเข้าทำงานมาเมื่อสองวันก่อน และเพราะว่าเป็นพนักงานใหม่จึงมักจะถูกซูชานแกล้งบ่อยๆ เมื่อวานเธอยังได้ยินคนพวกนั้นพูดว่าอวิ๋นซูไม่มีประวัติการทำงาน แต่ว่าใช้เส้นสายที่มีกับตระกูลเฮ่อเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ คงจะถูกสีหว่านเอ๋อร์รังแกเอาแน่ๆพอคิดว่าหัวหน้าตัวเองจะต้องถูกรังแก เสิ่นเสี่ยวรุ่ยก็ยิ่งคิดว่าอนาคตข้างหน้าของตัวเองช่างมืดมน วันนี้ที่มาตอนแรกก็ยังคิดว่าจะทำไปอีกไม่กี่วันและใช้เหตุผลว่าไม่ชินกับงานใหม่แล้วขอลาออกแต่ใครจะไปคิดล่ะว่าอวิ๋นซูจะเอาเรื่องขนาดนี้!และที่สำคัญก็ยังไม่เหมือนที่คนพวกนั้นพูดด้วยดูไม่ออกเลยว่าเธอไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อนอวิ๋นซูยิ้มอ่อน “รีบให้คนมาจัดการดอกกุหลาบพวกนี้เถอะ”“ค่ะ” เสิ่นเสี่ยวรุ่ยเดินไปหาแม่บ้านมาจัดการให้อย่างอารมณ์ดีไม่นานคนของแผนกทำความสะอาดก็เข้ามาแล้วจัดการทำความสะอาดห้องให้อวิ๋นซูเดินเข้ามาเห็นส
คนพูดเห็นว่าสีหว่านเอ๋อร์เดินออกมาแล้วก็เดินเข้าไปหาเธออย่างดีใจเหมือนกับหมาที่จะขอรางวัล “พี่หว่านเอ๋อร์ อวิ๋นซูเพื่อที่จะเอาใจพวกเราซื้อดราก้อนของปลอมมาให้พวกเรา น่าตลกชะมัด”สีหว่านเอ๋อร์เองก็เคยได้ยินเรื่องดราก้อน คนรอบข้างเอก็มีหลายคนที่อยากจะซื้อ แต่ว่าในประเทศยังไม่วางขาย ขนาดที่ต่างประเทศยังต้องสั่งจองก่อนเลยเธอพูดเบาๆ “ไม่ตั้งใจทำงาน เอาแต่จะเล่นเส้นสาย”พูดจบอวิ๋นซูก็เดินออกมาจากห้องทำงานเห็นว่าโทรศัพท์ในถุงไม่มีใครหยิบไป ก็ถามเสิ่นเสี่ยวรุ่ย “ทำไมล่ะ ไม่มีใครอยากได้เหรอ?”เสิ่นเสี่ยวรุ่ยโมโหจนร้องไห้ พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “หัวหน้าอวิ๋น พวกเขาบอกว่าโทรศัพท์พวกนี้เป็นของปลอมค่ะ!”คนพวกนี้จะอคติกับหัวหน้าอวิ๋นเกินไปแล้วอวิ๋นซูมองไปทางสีหว่านเอ๋อร์ พอจะเดาออกว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงจึงยิ้มออกมาบางๆ “นี่เป็นของขวัญถ้าพวกเขาอยากได้ก็รับไป ถ้าไม่อยากได้ก็เก็บคืนกลับมา”เห็นอวิ๋นซูนิ่งเฉยแบบนี้ เสิ่นเสี่ยวรุ่ยก็เหมือนเจอกับแสงสว่าง เธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้า “คนที่จะเอาก็เข้าแถวนะคะ”หลายคนเพราะว่าเห็นแก่สีหว่านเอ๋อร์จึงไม่ยอมขยับอวิ๋นซูเห็นดังนั้นจึงพูดว่า “ถ้าไม่มีใครอ
ไม่นานบนหน้าจอก็แสดงผลว่าของแท้ ใบหน้าของสีหว่านเอ๋อร์เปลี่ยนสีไม่น่าดูคนอื่นๆเองก็หน้าแห้ง น้ำตาไหลเงียบๆในใจไปตามๆกันตอนนี้ราคาสั่งจองในต่างประเทศพุ่งไปถึงสามหมื่นดอลลาร์ ในประเทศก็ราคาปาเข้าไปหลักแสน แต่เป็นเพราะว่าไม่อยากจะมีปัญหากับสีหว่านเอ๋อร์ก็เลยอดได้ของขวัญราคาหลักแสนนี้ไปเสิ่นเสี่ยวรุ่ยเห็นสายตาโมโหที่ทุกคนมองไปทางสีหว่านเอ๋อร์แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส “หัวหน้าอวิ๋นคะ งั้นหนูเก็บโทรศัพท์กลับไปก่อนนะคะ”“อืม เอาเลย”อวิ๋นซูเป็นคนนำคนอื่นๆจึงได้แต่มองเสิ่นเสี่ยวรุ่ยเอาโทรศัพท์กลับไปอย่างคับแค้นใจเสิ่นอวี้ชิงเห็นแบบนี้จึงทำได้แต่มองอวิ๋นซูใหม่อีกครั้งการเลือกอวิ๋นซูมาเป็นหัวหน้าแผนกออกแบบมันเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว มันเป็นสิ่งที่เบื้องบนเขาสั่งลงมา พูดกันตามจริง ในตอนแรกเขาเองก็สงสัยในความสามารถของอวิ๋นซู ถึงแม้ว่าในด้านการออกแบบเธอจะเก่งเหนือใคร แต่ในด้านการทำงานเธอกลับไม่มีประสบการณ์อะไรเลย เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้เตือนสีหว่านเอ๋อร์ให้ดีกับเธออยู่หลายๆครั้ง แต่ดูจากตอนนี้แล้วเธอสามารถรับมือสีหว่านเอ๋อร์ได้สบายๆและที่สำคัญแค่โทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวก็สามารถดึงค
และในตอนนี้ก็มีคนพูดขึ้นมา “ก่อนหน้านี้หว่านเอ๋อร์เคยทำงานกับคุณเควินใช่ไหม?”สีหว่านเอ๋อร์บุ้ยปาก พูดอย่างภูมิใจ “ใช่ค่ะ สามปีก่อนในตอนที่ฉันทำงานออกแบบที่ต่างประเทศมีโอกาสได้ออกแบบมาส์กหน้าชะลอริ้วรอยของคุณเควิน”“ฉันนึกออกแล้วค่ะ ได้ยินว่าเขาชมผลงานคุณไม่ขาดปาก แล้วยังจะขอเซ็นสัญญากับคุณระยะยาวด้วย แล้วทำไมถึงได้แล้วกันไปในตอนหลังล่ะคะ”“เพราะตอนนั้นทางบ้านมีปัญหาน่ะค่ะ ก็เลยต้องกลับประเทศ”ทุกคนค่อนข้างที่จะเศร้าในตอนนี้มีคนพูดเสนอขึ้นมา “ในเมื่อหว่านเอ๋อร์เคยร่วมงานกับคุณเควินแล้วเมื่อสามปีก่อน งั้นงานนี้ยกให้หว่านเอ๋อร์ก็แล้วกัน ผลงานที่เธอออกแบบจะต้องพอใจแน่ๆเลย”คนอื่นๆเองก็พยักหน้าเห็นด้วยแต่สายตาของเสิ่นอวี้ชิงกับตกลงไปที่ตัวของอวิ๋นซู “หัวหน้าอวิ๋น คุณคิดว่าไงครับ?”ในตอนนี้ทุกคนถึงเพิ่งนึกได้ว่าอวิ๋นซูต่างหากที่เป็นหัวหน้าแผนกออกแบบแต่ว่าก็โทษพวกเธอไม่ได้ที่ไม่ได้นึกถึงอวิ๋นซู ใครใช้ให้สีหว่านเอ๋อร์มีทั้งประสบการณ์และฝีมือกันล่ะเบื้องบนทำอย่างกับคนกินยาไม่เขย่าขวด กลับเลือกเอาคนที่ไม่มีประสบการณ์มาเป็นหัวหน้าแผนก“ในเมื่อนี่เป็นเรื่องที่สำคัญ ก็ไม่ควรมอบให้เป