ทันทีที่อวิ่นซูมาถึงบริษัทก็ถูกเรียกไปที่ห้องประชุมในห้องประชุม ทุกคนต่างมีท่าทีเคร่งขรึมแต่ทันทีที่เห็นอวิ๋นซู ก็แสดงท่าทีที่จะได้เห็นละครสนุกๆ อยู่สองสามวินาทีโดยเฉพาะสีหว่านเอ๋อร์สายตาของการเยาะเย้ยได้เผยออกมาอย่างชัดเจนเสิ่นอวี้ชิงพูดกับอวิ๋นซูด้วยความรู้สึกผิดอย่างยิ่งว่า “คุณอวิ๋น ฉันขอโทษจริงๆ ผู้ช่วยของคุณเควินได้โทรหาฉันเมื่อเช้านี้และบอกว่าเขาตกลงที่จะร่วมมือกับเรา!”อวิ๋นซูเม้มริมฝีปากและยิ้ม “นี่เป็นเรื่องดีหนิ”“แต่......” เสิ่นอวี้ชิงไม่กล้าสบตาอวิ๋นซู “ทางคุณเควินเลือกที่จะใช้ผลงานออกแบบของหว่านเอ๋อร์”รอยยิ้มบนใบหน้าของอวิ๋นซูแข็งขึ้นครู่หนึ่ง แล้วมันถามขึ้น “คุณเควินจะไม่ดูงานของฉันแล้วเหรอ”“ใช่... หมายความแบบนั้นค่ะ”อวิ๋นซูยิ้มอ่อน “ฉันคิดว่าดูสักหน่อยก็น่าจะดีกว่า”“เธอคิดว่ายังไง” สีหว่านเอ๋อร์ยิ้มอย่างดูถูก “เวลาของคุณเควินมีค่ามาก ทําไมเธอถึงคิดว่าเขาจะเสียเวลาให้เธอล่ะ”อวิ๋นซูมองไปที่สีหว่านเอ๋อร์อย่างใจเย็น “ก็เพราะเขามีความฝันในการแสวงหาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ภายนอก ก็เพราะฉันได้ใช้ความพยายามทั้งหมดในงานออกแบบนี้”สีหว่านเอ๋อร์ยิ้มเยาะคนอื่นก
ตอนนี้...ใบหน้าของสีหว่านเอ๋อร์ซีดลงอยู่ครู่หนึ่งถึงจะกลับมาเป็นปกติ“คุณเควิน เราควรเซ็นสัญญากันก่อนไหมคะ” เธอขยับออกมาข้างหน้าและเตือนด้วยน้ำเสียงต่ำเควิน “ใช่ ใช่ ใช่ ควรจะเซ็นสัญญาก่อน มันเป็นความผิดของผมเอง เมื่อผมเห็นหัวหน้าอวิ๋นก็ลืมทุกอย่างไปหมด”พูดไปเขาก็กําลังจะหันหลังกลับและเดินไปยังที่นั่ง แต่ถูกอวิ๋นซูเรียกไว้ “คุณเควิน ฉันขอร้องสักเรื่องได้ไหมคะ”เควิน “ได้แน่นอน”“ครั้งนี้คุณเห็นแค่งานออกแบบของรองหัวหน้าแผนก แต่คุณยังไม่เห็นงานของฉัน ฉันขอเวลาคุณสักครู่เพื่อดูงานออกแบบของฉันสักหน่อยได้ไหมคะ”เควินลังเล “แต่...... ผลงานของหว่านเอ๋อร์ฉันก็พอใจมากแล้ว ยังจําเป็นต้องดูอีกเหรอ?”เมื่อสีหว่านเอ๋อร์ได้ยินแบบนี้ เธอก็พูดอย่างภาคภูมิใจ “ได้ยินหรือยัง ยังจําเป็นต้องดูอยู่อีกเหรอ? อวิ๋นซู ยังไงฉันเป็นนักออกแบบมาเป็นสิบปีแล้ว เมื่อมาเทียบกับฉันแล้วก็จะไม่ทําให้ตัวเองอับอายงั้นเหรอ?”ณ จุดนี้ หลายคนยังคงสนับสนุนสีหว่านเอ๋อร์“ผมก็ไม่คิดว่าจําเป็นที่จะต้องเสียเวลาในครั้งนี้ ยังไงก็ให้คุณเควินรีบเซ็นสัญญาเถอะ”"ใช่ๆ จะยื้อไปมาจนมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง หัวหน้าอวิ๋นจะรับผิดช
สีหน้าของสีหว่านเอ๋อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย “อวิ๋นซู เธอแพ้แล้ว ถ้าเธอจะมาใส่ร้ายผลงานของฉัน แต่ผลงานของเธอก็แย่ๆ พอๆ กับเธอนั่นแหละ! ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทําไมเธอถึงได้แค่แต่งงานกับคนขับรถ!”เมื่อเควินได้ยินดังนั้น เขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อยเขานึกว่าระหว่างอวิ๋นซูกับเฮ่อเหยียนสือจะมีความสัมพันธ์ต่อกันแต่นึกไม่ถึงว่าอวิ๋นซูจะแต่งงานแล้วเขากําลังจะเอ่ยปาก แต่ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนหวานละมุนของอวิ๋นซูในหูของเขา “คุณเควิน ฉันยอมรับว่าคุณมีตําแหน่งอันทรงเกียรติในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แต่หลังจากพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับคําถามมากมายเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร์เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันคิดว่าในเรื่องการออกแบบ โดยเฉพาะสุนทรียศาสตร์เพื่อให้บริการธุรกิจคุณไม่เห็นด้วย ซึ่งก็เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ผลิตภัณฑ์ของคุณดีมาก ดีเสมอมาแต่ไม่เป็นที่นิยม”คําพูดของอวิ๋นซูเย่อหยิ่งเกินกว่าจะพูดต่อหน้าผู้อาวุโสที่สูงศักดิ์ใบหน้าของทุกคนกลัวจนซีดเผือด และพวกเขากลัวว่าเควินจะกลับใจและไม่เซ็นสัญญากับเช่อหยูแม้แต่เสิ่นอวี้ชิงก็รู้สึกว่าอวิ๋นซูก็ห้าวหาญเกินไปอย่างไรก็ตาม ผ่านไปสักพักเควินก็หัวเราะออกมาในห้องประชุม “ฮ่าๆๆ
“โอ้แม่เจ้า ฉันขนลุกไปหมดแล้ว!”“ช่วยด้วย! มันน่าทึ่งจริงๆ! หากไม่มีทักษะสักสิบปีคงจะทำมันไม่ได้หรอก!”“ฮ่าๆ ลองไปดูสิว่าครูที่มีทักษะเป็นสิบปีในคณะศิลปกรรมสามารถวาดผลงานออกมาแบบนี้ได้ไหม? โอ้แม่เจ้า นี่ไม่ใช่การออกแบบทางธุรกิจธรรมดา แต่นี่เป็นถึงผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานสุนทรียศาสตร์และธุรกิจที่แท้จริง!”เมื่อเทียบกับผลงานของอวิ๋นซู ภาพวาดการออกแบบดอกไม้ทั้งสิบสองของสีหว่านเอ๋อร์ก็ธรรมดามากเควินมองออกไปจากผลงานของอวิ๋นซูอย่างไม่อยากละสายตา “ผมตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ผลงานการออกแบบของหัวหน้าอวิ๋น!”ทันทีที่คําพูดนี้ออกมา สีหว่านเอ๋อร์ก็โกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยวเธอกัดริมฝีปาก และขณะที่เธอกําลังจะอ้าปากพูดก็ถูกเควินขวางไว้ “ผลงานของสีหว่านเอ๋อร์ก็ดีมากเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับของหัวหน้าอวิ๋น อืม จะพูดยังไงดี ก็ใช้คำจีนพูดละกัน มันคือต่างกันราวฟ้ากับดิน สีหว่านเอ๋อร์ ดูเหมือนว่าคุณยังต้องเรียนรู้จากหัวหน้าอวิ๋นอีกมากนะ”ประโยคสุดท้ายนี้ทําให้สีหว่านเอ๋อร์แทบจะกระอักเลือดเธอผู้เป็นคนเก่าคนแก่ที่มีประสบการณ์มากว่า 10 ปีต้องเรียนรู้จากเด็กใหม่!?สีหน้าของทุกคนแตกต่างกันออกไป และพวกเขาไม่กล้า
เมื่ออวิ๋นซูกลับไปที่แผนกออกแบบก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศแตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิงสายตาของทุกคนที่มองมาที่เธอเปลี่ยนไม่มีการดูถูกเหยียดหยามอย่างในอดีตอีกต่อไปแต่มันคือความกลัวอวิ๋นซูรู้ว่าพวกเขากําลังคิดอะไรอยู่ จึงเหลือบมองทุกคน “แผนกออกแบบอนุญาตให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และตั้งคําถามได้ แต่ไม่อนุญาตให้ใส่ร้ายอย่างแน่นอน ดังนั้นตราบใดที่คุณทํางานของตัวเองได้ดี จะไม่มีใครทําให้คุณลำบาก”คำพูดนี้นับเป็นความมั่นใจที่มอบให้แก่คนที่เคยสนับสนุนสีหว่านเอ๋อร์หลังจากพูดจบอวิ๋นซูก็เดินเข้าไปในสํานักงานเสิ่นเสี่ยวรุ่ยตามอวิ๋นซูเข้าไปในสํานักงาน และการยกย่องเทิดทูนของเธอเต็มเปี่ยมไปทั่วใบหน้า“พี่อวิ๋นซู พี่ยอดเยี่ยมมาก ฉันชื่นชมพี่จริงๆ! อีกอย่างดวงตานั่นพี่วาดออกมาได้ยังไง? พี่สอนฉันได้ไหม?”อวิ๋นซูยิ้มอ่อนและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรศัพท์มือถือเต็มไปด้วยข้อความ เป็นข้อความการเพิ่มเธอเป็นเพื่อนจากแผนกต่างๆเธอกดยอมรับเป็นเพื่อนทีละคนๆเพิ่งจะวางโทรศัพท์มือถือลง ก็มีคนแท็กเธออีก“อวิ๋นซู พวกเรายังไม่ได้จัดพิธีต้อนรับหัวหน้าอวิ๋นซูใช่ไหม? จัดคืนนี้เลยดีไหม?”ด้านล่างต่างก็สน
เฮ่อเหยียนสือรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว น้ำเสียงฟังดูอารมณ์ดี “เมียจ๋า มีอะไรรึเปล่า?”น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เต็มไฟด้วยกระแสไฟฟ้าจากปลายสายมากระทบหูทำให้อวิ๋นซูถึงกับขนลุกซู่เธอทำจิตใจให้สงบแล้วเอ่ย “คืนนี้ฉันจะร่วมงานเลี้ยงต้อนรับของบริษัท คุณจะมาไหม?”เฮ่อเหยียนสือยิ้มอย่างมีเลศนัย “นี่เป็นงานเลี้ยงต้อนรับของบริษัทคุณ ผมเป็นคนนอกจะไปในฐานะอะไรล่ะ?”อวิ๋นซู “......”ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเฮ่อเหยียนสือตั้งใจกันนะ“แน่สิว่าต้องเป็น……”“เป็นอะไร?” “เป็นอะไร?” เฮ่อเหยียนสืออ้าขาของเขาออก เขาจ้องไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ตกตะลึงด้วยรอยยิ้ม หันกลับมาและหลอกล่อด้วยเสียงทุ้มต่ำ"เป็น... เป็นคนในครอบครัว! พอใจรึยัง!"อวิ๋นซูหมดคำจะพูดน้ำเสียงของเฮ่อเหยียนสือลดต่ำลงเล็กน้อย ยั่วยวนราวกับไวน์รสกลมกล่อม “ในที่สุดคุณก็ยอมรับตัวตนของผมแล้ว”“คุณอยากมาหรือไม่” ใบหน้าของอวิ๋นซูร้อนผ่าวเฮ่อเหยียนสือถอนหายใจ “โอกาสดีขนาดนี้ผมอยากไปแน่นอน แต่ว่าวันนี้ผมมีนัดแล้ว ไปไม่ได้แล้วล่ะ”ในใจของอวิ๋นซูรู้สึกผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก “อื้ม โอเคค่ะ”พอวางสาย เฮ่อเหยียนสือมองไปยังภาพอวิ๋นซูบนหน้าจอโทรศั
เซิ่งหย่าจวี๋เหมือนถูกกระแทกลงกลางใจ เธอจึงตบลงไปที่ใบหน้าของอวิ๋นซูหนึ่งที “ฉันเป็นแม่แกนะ ทำไมตอนนี้ถึงไม่ฟังฉันแล้วล่ะ!”เสียงนั้นดังกังวาน แต่เมื่ออยู่ในที่สาธารณะแบบนี้แล้วก็เหมือนกับเสียงของก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในน้ำทะเลอวิ๋นซูหันหน้าไปอีกทางก่อนจะเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มไว้ ไม่นานถึงค่อยๆหันหน้ากลับมา สายตาเย็นชาของเธอมองไปทางเซิ่งหย่าจวี๋เซิ่งหย่าจวี๋เองก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆไปทั้งตัวเหมือนกับว่าคนที่โดนตบคือตัวเธอเองสายตาที่อวิ๋นซูใช้มองเธอเหมือนกับสายตาที่เขาใช้มองคนแปลกหน้า“เธอเป็นแม่ของฉัน งั้นขอถามหน่อยคุณจำได้ไหมว่าฉันเกิดวันที่เท่าไหร่?”เซิ่งหย่าจวี๋ชะงักไปก่อนจะพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ฉัน...ฉันก็ต้องรู้อยู่แล้วสิ”อวิ๋นซูมองดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกอวิ๋นซูคิดไปถึงเมื่อก่อน ต่อให้เธอจะอยู่เมืองนอกแต่เซิ่งหย่าจวี๋และอวิ๋นไจ่เหอจะบินไปฉลองวันเกิดให้เธอทุกปีแต่เมื่อเธอไม่ได้แต่งงานกับเฮ่อหย่วนเจ๋อก็ไม่มีใครมาอีกมันเหมือนกับว่า...เธอไม่ใช่ลูกแท้ๆอย่างไรอย่างนั้นเป็นเหมือนแค่ของแถมที่ได้มาเพราะว่ามีค่าทุกคนถึงจดจำจู่ๆเธอก็นึกถึงเฮ่อเยียนสือตอนนี้เธออยากจ
แต่จากบุคลิกเธอก็ดูไม่ได้เป็นแค่เน็ตไอดอลคนหนึ่ง แต่ก็ดูเป็นคนมีการศึกษาประมาณหนึ่ง“เธองั้นหรอ...” นายท่านเฮ่อแกล้งถาม หลังของเขาเกร็งเล็กน้อย“คุณอารอง!” สายตาของหญิงสาวปิดความตกใจไม่มิด “ฉันเป็นภรรยาของเยียนสือค่ะ ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว เป็นโชคดีของฉันจริงๆ!”ก่อนจะหันมามองเฮ่อหย่วนเจ๋อ ความตระหนกในสายตาเธอก็ยิ่งปิดไม่มิด “คุณชายเฮ่อก็อยู่หรอคะ!”เฮ่อหย่วนเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะมองไปทางเฮ่อเยียนสืออย่างไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้กับผู้หญิงในภาพจินตนาการของเขาช่างแตกต่างกันไม่ได้ดูหรูหราหรือมีเกียรติเลยสักนิดนายท่านเฮ่อเองก็ไม่พอใจกับผู้หญิงคนนี้สักเท่าไหร่นัก แต่ก็อดที่จะโล่งอกไม่ได้ไม่ใช่อวิ๋นซูก็ดีแล้ว“นั่งเถอะ”หญิงสาวคนนั้นนั่งลงก่อนจะแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง “หนูชื่อไต้ซูเจิน คุณปู่กับคุณชายเฮ่อจะเรียกหนูว่าเจินเจินก็ได้ค่ะ”เฮ่อเยียนสือมองไปทางเธอเล็กน้อยไต้ซูเจินเองก็เหมือนถูกกระแสไฟฟ้าเล่นงานเข้า จึงได้แต่นั่งเขี่ยนิ้วมือไปมาอยู่ใต้โต๊ะโดยที่ไม่กล้าพูดอะไรอีกนายท่านเฮ่อและเฮ่อหย่วนเจ๋อไม่ทันสังเกตเห็นท่าทีนี้“เจินเจินใช่ไหม” นายท่านเฮ่อว่าบอกให้พ่อบ้านโจวค