เยี่ยเป่ยเฉิงกอดบุคคลนั้นเอาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่รู้ตัว และเอามือโอบรอบเอวของนางเอาไว้ร่างที่ผอมบางขดอยู่ในอ้อมแขนของเขา นุ่มนวล มีกลิ่นหอม ราวกับว่าไม่มีกระดูกเขาแปลกใจ ที่แท้ร่างกายของผู้หญิงอ่อนโยน นุ่มนวล และหอมอย่างนี้นี่เอง...เยี่ยเป่ยเฉิงไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ฝ่ามือที่โอบเอวของนางเอาไว้ค่อยๆกระชับขึ้นคนที่อยู่ในอ้อมแขนกลับดึงตัวออกไปทันที เหลือเพียงแค่กลิ่นหอม ที่เหมือนมีก็เหมือนไม่มีเอาไว้เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร แต่เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื่นตระหนก“ท่าอ๋องได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าน้อยไม่มีตา ทำให้เดินชนท่านอ๋อง”หลินซวงเอ๋อร์สั่นไปทั้งตัว ราวกับว่าเจอเรื่องอะไรที่น่าหวาดกลัวมีฝีเท้าอันรวดเร็วเข้ามาทางนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงมองตามเสียงนั้นไป ก็เห็นพ่อบ้านฉินไล่ตามมาก่นด่าสาปแช่งคำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำสกปรกหยาบคาย และไล่ตามด่าหลินซวงเอ๋อร์ไปตลอดทางทีนี้เยี่ยเป่ยเฉิงจึงเข้าใจว่า เหตุใดนางถึงกลัวมากขนาดนี้“ไอ้เด็กเหลือขอ!ไม้อ่อนไม่ชอบชอบไม้แข็ง มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!”พอได้ยินเสียงฝีเท้
กลับมาที่เรือนฝั่งตะวันออก หลินซวงเอ๋อร์ก็เอาเสื้อผ้าที่เพิ่งจะได้มาเก็บไว้ในหีบอย่างเรียบร้อยครั้งนี้นางไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว พ่อบ้านฉินปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพนบนอบ และไม่กล้าแอบแต๊ะอั๋งนางอีกเรื่องนี้ หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจเยี่ยเป่ยเฉิง แต่ถึงอย่างนั้น ความกลัวของนางที่มีต่อเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังคงยังคงอยู่ตอนกลางคืนหลินซวงเอ๋อร์ควรไปที่เรือนอวิ๋นซวนเพื่อช่วยเขาอาบน้ำแต่ในด้านการปรนนิบัติคน หลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเรียนมาก่อนเลย มือทั้งคู่ของนางเคยถือแค่ไม้กวาด นางกวาดบ้านได้อย่างมั่นใจไร้ที่ติ แต่นางไม่มั่นใจว่าจะรับใช้เยี่ยเป่ยเฉิงได้เป็นอย่างดีเสวียนอู่หิ้วน้ำร้อนเข้ามาในห้องแทนนาง และเร่งเร้าให้นางรีบเข้าไปหลินซวงเอ๋อร์ลังเลอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันเดินเข้าไปข้างโต๊ะตำรา เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เย็นชาพอเห็นนางเข้ามา เยี่ยเป่ยเฉิงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่หลังฉากบังลม และยกแขนทั้งสองข้างขึ้นหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงไม่ทันไม่ตอบสนองชั่วขณะเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองไปด้านข้างเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า "ยังไม
น้ำในอ่างอาบน้ำร้อนเกินไป ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกไม่สบายมากเขาลุกขึ้นจากในถัง สวมเสื้อคลุมแบบลวกๆแล้วไปที่ห้องสะอาดเพื่ออาบน้ำเย็นความเร่าร้อนที่อยู่ในร่างกายก็หายไปในที่สุดพอกลับมาที่ห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยขีดข่วนบนบานประตู โดยที่ไม่ได้ตั้งใจภาพเหตุการณ์วันนั้นผุดขึ้นมาอยู่ในสมองไม่หยุดนางถูกเขากดเข้ากับบานประตูอย่างแรง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบไม่ได้ขณะที่เขย่าเป็นจังหวะ รอยขีดข่วนบนบานประตูคือร่องรอยนางทิ้งเอาไว้ตอนที่นางทนไม่ไหวเดิมที เขามีสติที่เลือนลาง และมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นไม่ชัดเจน ดังนั้นพอคิดย้อนกลับไปมันจึงคลุมเครืออยู่เสมอ จึงรู้สึกว่ามันไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นตอนนี้ เขารู้แล้วว่าคนๆนั้นคือหลินซวงเอ๋อร์ แพอพานางไปอยู่ในภาพเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ความรู้สึกกลับรุนแรงมากขึ้น จนทำให้เขาควบคุมตนเองไม่ได้เขารู้สึกหงุดหงิดสุดขีดเขาไม่ใช่คนที่ใคร่ในอิสตรี และก็ไม่เคยได้ลิ้มรสความรักระหว่างชายหญิงเลยด้วยซ้ำแต่มีประสบการณ์เพียงแค่ครั้งเดียว เหตุใดทำให้เขาลมอยากขนาดนี้...ยาเสน่ห์ จะต้องเป็
เช้าตรู่หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่นอกประตูแต่เช้าเพื่อรอเยี่ยเป่ยเฉิงเรียกใช้หมอกในตอนเช้าหนามาก ทั้งจวนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ทำให้รู้สึกเงียบสงบในลานจวน คนรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับการกวาดลานจวน เหล่าสาวใช้ก็กำลังตัดแต่งกิ่งดอกไม้อยู่ในสวน ถ้าเห็นดอกไม้บานสะพรั่งก็จะเด็ดสองสามดอกแล้วส่งไปที่ห้องนายท่านทั้งหลายนกเกาะอยู่บนกิ่งไม้ร้องเสียงดังจิ๊บจิ๊บ ท่านป้าทั้งหลายต่างก็พากันยุ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดแจงงานในจวน“นายท่านกำลังจะตื่นนอนแล้ว สาวใช้ในแต่ละเรือนเตรียมน้ำร้อนให้นายท่านล้างหน้า”“ไปกำชับพวกที่อยู่ในห้องครัว อาหารเช้าวันนี้เตรียมพร้อมหรือยัง?”“วันนี้อากาศดี อย่าลืมเอาผ้าปูที่นอนของแต่เรือนไปตากในลานด้วย”“ทำงานให้คล่องแคล่วกว่านี้หน่อย เดี๋ยวจะไม่ทันการ...”แต่ก่อนในเวลานี้ หลินซวงเอ๋อร์คงจะถือไม้กวาดไปปัดกวาดลานหลังจวนจนสะอาดสะอ้านแล้วแต่ตอนนี้ งานเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางแล้วหลินซวงเอ๋อร์มองไปที่คนในจวนที่กำลังยุ่งวุ่นวาย แต่นางเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความงุนงงท่านอ๋องยังไม่ได้เรียกนาง นางจึงรู้สึกเบื่อเล็กน้อย ศีรษะเล็กๆก้มต่ำลง ร่างที่ผอมบางพิงบานประตู นิ
เยี่ยเป่ยเฉิงสงบสติอารมณ์ เดินจ้ำอ้าวไปที่ประตูเสวียนอู่เปิดม่านเกี้ยว เยี่ยเป่ยเฉิงโค้งตัวขึ้นบนรถม้า หลินซวงเอ๋อร์ก็เดินตามอยู่ข้างนอกรถม้ารถม้าวิ่งเร็วมาก หลินซวงเอ๋อร์จึงต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงจะตามทันหลังจากเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร รถม้าก็หยุดอีกครั้งเยี่ยเป่ยเฉิงเปิดม่านเกี้ยว: "ขึ้นมา"หลินซวงเอ๋อร์ฟังแล้ว ก็ยังตอบสนองไม่ทันเสวียนอู่ที่อยู่ข้างหลังเร่งเร้าหลินซวงเอ๋อร์ว่า: "ถ้านายท่านขอให้ขึ้นไป เจ้าก็ขึ้นไป"จากนั้นหลินซวงเอ๋อร์ถึงปีนขึ้นไปบนรถม้าด้วยความลนลานตอนที่นั่งอยู่ในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจนางไม่เคยนั่งรถม้ามาก่อนเลย ข้างในมีกลิ่นหอม และกว้างขวาง แม้แต่เบาะรองนั่งก็ยังนุ่ม ดีกว่าเกวียนวัวที่นางเคยนั่งมาก่อนมากพื้นที่ภายในรถมีขนาดใหญ่มาก เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งตรงกลาง หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้านั่งข้างเขา ร่างกายอันผอมเพรียวของซุกตัวอยู่ที่มุมด้านในสุดนัยน์ตาแอบเหลือบมองเยี่ยเป่ยเฉิง เขาหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อพักผ่อนในรถม้ามืดสลัว ใบหน้าของเขาดูเย็นชาและหล่อเหลามากเสียงที่คึกคักบนท้องถนนดังก้องในหูไม่ขาดสาย หลินซวงเอ๋อร์ทั้งรู้สึกกังวลทั้งอยากรู้อยากเ
พอมาถึงห้องส่วนตัว องค์ชายสามทั่วป๋าอวี้ก็รอนานแล้วพอเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงมีใบหน้าที่เย็นชา ทั่วป๋าอวี้ก็ฉลาดมาก และรู้ทันทีว่าเขามาที่นี่เพื่อคิดบัญชีกับเขาพอเปิดบานพับ ทั่วป๋าอวี้ก็ลุกขึ้นแล้วเข้าไปต้อนรับ และกล่าวว่า “เหตุใดท่านลุงถึงได้มีสีหน้าเช่นนี้?”เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: "ฝ่าบาททำอะไรลงไปก็น่าจะรู้ดี"ทั่วป๋าอวี้ได้แต่ยิ้ม แล้วส่งสัญญาณให้เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งลง จากนั้นรินชาให้เขาดื่มด้วยตนเอง และกล่าวว่า "ที่ท่านลุงพูดหมายความว่าอย่างไร"เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วองค์ชายสามมักจะชอบแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจทั้งๆที่เข้าใจมาโดยตลอด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่อยากพูดพร่ำทำเพลงกับเขา เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า: "เมื่อไม่กี่วันก่อน จวนของข้าจัดการกับสาวใช้คนหนึ่ง ชื่อเสวี่ยหยวน ฝ่าบาททรงรู้จักหรือไม่?”ทั่วป๋าอวี้ที่กำลังรินชาก็ชะงักไปเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวเยาะเย้ยว่า: "ฝ่าบาทไม่ยอมรับก็ช่างเถิด เสวี่ยหยวนได้สารภาพมาหมดแล้ว โดยบอกว่าได้รับคำสั่งมาจากองค์ชายสาม"เมื่อพูดขนาดนี้แล้ว ทั่วป๋าอวี้ก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อีกต่อไป จึงกล่
เยี่ยเป่ยเฉิงชะงักไปเล็กน้อยเสียใจภายหลัง?ก็แค่คนรับใช้คนหนึ่งก็เท่านั้น!…...หลินซวงเอ๋อร์รออยู่ในห้องเป็นเวลานานนางเชื่อฟังมาก เสวียนอู่ให้นางรออยู่ที่นี่ นางก็รอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนเลยในห้องขนาดใหญ่มีเพียงหลินซวงเอ๋อร์คนเดียว ของตกแต่งในห้องก็หรูหรามากเช่นกันหลินซวงเอ๋อร์เดินไปรอบๆห้องอย่างเบื่อหน่าย ตรงกลางห้องมีเตียงที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทองเตียงหนึ่งอยู่ เหนือเตียงแผ่คลุมไปด้วยม่านเตียงอันโปร่งบางหลายชั้นนิ้วปัดไปที่ชั้นผ้าโปร่งบางนั้นเบาๆ สัมผัสที่เย็นสบายให้ความรู้สึกเหมือนน้ำไหลทันใดนั้นภาพในคืนนั้นก็แวบขึ้นมาในหัว เตียงนอนของเยี่ยเป่ยเฉิงก็มีม่านเตียงแบบนี้เหมือนกัน คืนนั้นแสงไฟสลัวๆ ม่านเตียงที่โปร่งบางกวัดแกว่งไปมาอยู่ต่อหน้านางตลอดทั้งคืนอดไม่ได้ที่จะหวั่นกลัวในใจ หัวใจของหลินซวงเอ๋อร์เต้นเร็วขึ้น จึงรีบดึงมือกลับมาราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต สีหน้าซีดเซียวอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายนางเบื่อมากจริงๆ จึงนั่งบนเก้าอี้ที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทอง เอามือกุมศีรษะแล้วนับเวลาให้ผ่านไปเร็วขึ้นบนโต๊ะไม้จันทน์แปดเหลี่ยมมีของว่างชั้นดีวางอยู่ ตอนที่เสวียนอู่ส่งนางเข้ามาเคยบอกน
หลินซวงเอ๋อร์รีบวิ่งไปที่ประตูคิดไม่ถึงว่า ขันทีที่ดูเหมือนคนป่วย กลับคล่องแคล่วว่องไวมาก ก่อนที่หลินซวงเอ๋อร์จะวิ่งไปที่ประตู ผมของนางก็ถูกเขาคว้าไว้อย่างแรงจากด้านหลังอู๋เต๋อไห่คว้าผมของนางเอาไว้แล้วลากนางไปกับพื้น: "ข้าเจ้าชอบเจ้า เพราะพรของบรรพบุรุษของเจ้า! ในเมื่อเจ้ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่น!ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าเจ้าก็จะสอนระเบียบกฎเกณฑ์ให้เจ้าเอง! เผื่อในอนาคตเข้าวังไปแล้วไม่รู้จะปรนนิบัติสามีอย่างไร!”หลินซวงเอ๋อร์พยายามดิ้นรนสุดชีวิต: "ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่อยากเข้าวังกับเจ้า ข้าไม่อยากเป็นภรรยาของเจ้า ... "อู๋เต๋อไห่เกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก: "เจ้าก็ดูถูกที่ข้าเจ้าไม่ใช่ผู้ชายใช่ไหม? ได้ได้ได้! อีกสักพักข้าเจ้ามีวิธีมากมายที่จะปรนนิบัติเจ้า!"อู๋เต๋อไห่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ความซาดิสม์ที่ซ่อนอยู่ในสันดานก็ระเบิดออกมาทันที เขาคว้าผมของหลินซวงเอ๋อร์อย่างแรงแล้วลากนางไปที่เตียงในเมื่อไม่ยินยอม เขาก็จะทุบตีนางจนกว่านางจะยอม!แม้ว่าจะทำนางตายแล้วจะทำไม?ก็แค่สาวรับใช้ต่ำต้อยคนหนึ่งก็เท่านั้น เขาอยากได้เท่าไหร่ก็มีได้มากเท่านั้น!หลินซวงเอ๋อร์ดิ้นรนทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถสู้แร