เจียงหวานหว่านพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกเจียงจิ่นหนิงทำหน้ารำคาญ “เจ้าพูดจาไร้สาระอะไร สกุลเฉาใจดีมีเมตตาที่สุด น้องอวิ้นก็อ่อนหวานน่ารักด้วย พวกนางจะทำเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไร เจ้าอย่ามาใส่ร้ายพวกนางนะ!”“เฮอะ เชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า ตอนที่ขึ้นศาลวันนี้ เหลือเพียงขั้นตอนเดียวก็จะสามารถจับกุมสองแม่ลูกสกุลเฉาได้แล้ว แต่เรื่องกลับไม่เป็นไปตามที่คิด ทำให้พวกนางรอดไปได้”เจียงจิ่นหนิงไม่เชื่อคำพูดของเจียงหวานหว่าน ในสายตาของเขา สกุลเฉาและเจียงอวิ้นคือคนที่ดีต่อเขาที่สุดในใต้หล้าแล้วเมื่อเห็นสีหน้าของเจียงจิ่นหนิง เจียงหวานหว่านก็รู้ว่าเจียงจิ่นหนิงไม่เชื่อคำพูดของตัวเองแม้แต่น้อย“อีกไม่กี่วัน ข้าจะออกไปข้างนอก ตอนที่ข้าไม่อยู่จวน เจ้าห้ามทำให้ท่านแม่ไม่สบายใจเด็ดขาด ไม่งั้นเรื่องจะไม่จบแค่เพียงการทุบตีเท่านั้น”เจียงจิ่นหนิงหัวเราะเยาะพูดว่า “ทำไมข้าจะต้องฟังเจ้าด้วย”“ไม่ใช่ให้ฟังข้า แต่ข้าจะอดทนกับเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของเจียงหวานหว่าน ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไม่ปรากฏในแววตาส่วนลึกเจียงจิ่นหนิงตัวสั่นเทา เจียงหวานหว่านน่ากลัวจริงๆเจียงหวานหว่านหยิบขวดกระเ
เจียงหวานหว่านลูบศีรษะของเขา “ไปเรียนที่สำนักศึกษาส่วนตัวแล้ว ห้ามเกียจคร้านนะ”“อืม พี่หว่านไม่ต้องห่วง ข้าจะตั้งใจเรียน จะดูแลป้าหลิ่วอย่างดีเลย”ความเฉลียวฉลาดของกู้ฉางเกอทำให้เจียงหวานหว่านชื่นใจมาก ช่างรู้ความจริงๆกู้ฉางเกอไม่รบกวนการพักผ่อนของเจียงหวานหว่านนานนัก เขาอยู่ไม่นานก็จากไปเจียงหวานหว่านกำลังจะปิดประตู หลิ่วซู่ก็มาพอดี“ท่านแม่ ยังไม่นอนหรือเจ้าคะ”หลิ่วซู่ส่ายศีรษะ “แม่นอนไม่หลับน่ะ”“ท่านแม่ ข้าออกไปแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”หลิ่วซู่หยิบหยกห้อยเอวออกมามอบให้เจียงหวานหว่าน“หยกห้อยเอวนี้เป็นของที่ท่านยายเจ้าทิ้งไว้ แม่ขอมอบให้เจ้านะ หวังว่ามันจะปกป้องให้เจ้าปลอดภัยได้”หยกห้อยเอวที่ทำจากหยกม่วงสีม่วงอ่อนชิ้นหนึ่งวางอยู่บนมือของเจียงหวานหว่านงามจริงๆ! เจียงหวานหว่านรู้สึกชอบตั้งแต่แรกเห็นนางไม่เคยเห็นหยกม่วงมาก่อน เนื้อหยกมีความใส เมื่อสัมผัสที่มือก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นท่านแม่คงรักท่านยายมากแน่ๆ ผ่านความลำบากมานานหลายปี นางก็ไม่เคยนำหยกชิ้นนี้ออกมาขาย “เก็บไว้ให้ดี อย่าให้ใครเห็น”เมื่อเห็นหยกห้อยเอวสีม่วง หลิ่วซู่ก็ตกอยู่ในภวังค์ หวน
ไม่นึกไม่ฝันว่าเพียงได้พบกันครั้งแรก ท่านหญิงหลิงโหรวจะมองนางด้วยสายตาเป็นมิตรทันที“ท่านหญิงต่างหากถึงจะเรียกว่าผู้ที่งดงามที่สุดในบรรดาหญิงงาม”เมื่อได้ยินคำชมของเจียงหวานหว่าน ท่านหญิงหลิงโหรวก็หัวเราะออกมา ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มเมื่อหลิ่วซู่ที่อยู่นอกรถม้าได้ยินการสนทนาของพวกนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเข้ากับท่านหญิงหลิงโหรวได้ง่ายเช่นกัน การดินทางของหว่านเจียเออร์ก็คงจะสะดวกขึ้นบ้าง “ฮูหยิน เรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ”สือหลิ่วแอบเช็ดน้ำตา นี่เป็นครั้งแรกที่นางต้องแยกจากคุณหนูเสียงหัวเราะของท่านหญิงหลิงโหรวดังออกมาจากรถม้าฝูตงสาวใช้ของท่านหญิงหลิงโหรวกลับหน้าซีดด้วยความตกใจ“ท่านหญิง ระวังสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ”หลังจากพูดจบ ฝูตงก็กลอกตามองเจียงหวานหว่านท่านหญิงหลิงโหรวโบกมือ บอกเป็นความหมายว่านางไม่เป็นไรนางไม่ได้มีความสุขเช่นนี้มานานแล้วเพราะหญิงสาวที่ได้พบส่วนใหญ่ต่างเคร่งครัดอยู่ในกรอบจารีต ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอหญิงสาวที่พูดคุยกันถูกคอเช่นนี้“ท่านหญิง ให้ข้าตรวจดูอาการป่วยของท่านได้หรือไม่”เจียงหวานหว่านอยากรู้ว่าท่านหญิงหลิงโหรวป่วยเป็นอะไรท่านหญิงหลิงโ
กลุ่มองครักษ์ของท่านหญิงคุ้มกันรอบรถม้า ด้วยเกรงว่าผู้ลี้ภัยจะมาก่อกวนท่านหญิง“ฝูตง ให้เงินพวกเขา”“เจ้าค่ะ”ฝูตงหยิบกระเป๋าเงินออกมา เตรียมจะลงจากรถม้า“รอเดี๋ยว”เจียงหวานหว่านจับมือฝูตง หยุดไม่ให้นางลงจากรถท่านหญิงหลิงโหรวถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมรึ”“พวกเขาไม่ใช่ผู้ลี้ภัย ผู้ลี้ภัยอดอยากไม่ได้กินข้าวมานาน ใบหน้าต้องซีดเซียว เดินช้า แต่กลุ่มคนข้างนอกดูมีกำลังวังชา ลมปราณสงบนิ่ง ดูไม่เหมือนผู้ลี้ภัยเลย”เจียงหวานหว่านแสดงการคาดเดาของตัวเองเมื่อท่านหญิงหลิงโหรวมองลอดช่องว่างออกไปดู สีหน้าพลันเปลี่ยน คนเหล่านี้ดูเหมือนกับที่เจียงหวานหว่านพูดจริงๆ“องครักษ์ติง มาตรงนี้หน่อย”เสียงของท่านหญิงหลิงโหรวดังมาจากรถม้าองครักษ์ติงรีบออกมาอยู่ข้างๆ รถม้า รอรับคำสั่งของท่านหญิงฝูตงยกม่านรถ ยิ้มแล้วยื่นเงินให้กับองครักษ์ติงพร้อมกับพูดเร็วๆ ว่าเป็นผู้ลี้ภัยปลอมเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ องครักษ์ติงก็เคร่งเครียด ทว่าไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าคนขับรถม้าของท่านหญิงหลิงโหรวลงแส้ม้าอย่างแรง ทำให้ม้าควบตะบึงอย่างบ้าระห่ำเมื่อผู้ลี้ภัยเห็นรถม้าวิ่งหนีไป ต่างก็มองหน้ากันและหยิบอาวุธออกม
เจียงหวานหว่านกระโดดลงมาจากรถม้า นางกางมือทั้งสองข้างออกพลางกล่าวว่า “ข้าไม่มีเงินติดตัวมากมายปานนั้น หรือพวกเจ้าจะกลับไปเอาที่บ้านข้าล่ะ?”“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงต้องค้นตัวเจ้าแล้วล่ะ”ในขณะที่กล่าวนั้น ผู้เป็นหัวหน้าก็เดินตรงไปที่เจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านขยับตัวไปสองสามก้าวอยู่ข้างรถม้าโดยไม่ได้กล่าวอันใดและในขณะที่หัวหน้าผู้นั้นอยู่ห่างจากเจียงหวานหว่านเพียงแค่สามก้าวเท้า จู่ ๆ ม้าก็เกิดอาการตกใจ และพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งหัวหน้าผู้นั้นเป็นดังนี้จึงส่งสัญญาณบอกให้ลูกน้องรีบตามรถม้านั้นไปเจียงหวานหว่านรีบเก็บเข็มยาในมืออย่างรวดเร็วหัวหน้าผู้นั้นกำมีดในมือแน่น “เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่?”แม้หัวหน้าผู้นั้นจะจับนางได้ แต่เจียงหวานหว่านก็ไม่ยอมรับ “ข้าทำ แล้วอย่างไร?”“หึ! ไม่มีใครหนีรอดไปได้หรอก”นัยน์ตาของหัวหน้าผู้นี้เผยจิตสังหารออกมา ตอนนี้เขาเปลี่ยนความสนใจแล้ว“เจียงหวานหว่าน ข้าจะเอาชีวิตเจ้า”ในขณะที่กล่าวนั้น มีดในมือหัวหน้าผู้นี้ง้างขึ้นจะฟันไปที่เจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านเอียงตัวหลบ ร่างนางล้มกลิ้งไปกับพื้นเพื่อหลบคมมีดของหัวหน้าผู้นี้“กระบวนท่าดู
หรงซีดวงตาแดงก่ำราวกับปีศาจร้ายมาจากนรกก็มิปานเจอผู้ใดฆ่าผู้นั้น ไม่นานนักลูกน้องของหัวหน้าผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายจนสิ้นหรงซีทาบคมดาบลงบนคอของหัวหน้าผู้นั้น“นางอยู่ที่ใด?”เม็ดเหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นเต็มหน้าผากของหัวหน้าผู้นั้นหรงซีง้างมือขึ้นลงดาบฟันหูข้างหนึ่งของหัวหน้าผู้นั้นทันที“อ๊า…”หัวหน้าผู้นั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลอาบใบหน้าข้างหนึ่งของเขา หูที่ถูกฟันขาดลงไปกับพื้น“นางอยู่ที่ใด?”ดวงตาของหรงซีเต็มไปด้วยจิตสังหารอันบ้าคลั่งจนน่าหวาดกลัว“นะ นาง นางหนีไปแล้ว”หัวหน้าผู้นั้นอดทนกับความเจ็บปวดอันรุนแรงก่อนจะเอ่ยปากกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกักหรงซีคาดเดาว่า เจียงหวานหว่านคงจะหนีไปแล้ว“ไสหัวไปให้พ้น”เมื่อได้ยินหรงซีเอ่ยปากปล่อยเขาไป หัวหน้าผู้นี้ก็รีบวิ่งหนีไปทันที“ตามมันไป”หรงซีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ“พ่ะย่ะค่ะ”สายลมพัดหวิวผ่านไป สายลับของหรงซีตามหัวหน้าผู้นั้นไปหรงซีหันไปมองรอบๆ บริเวณ ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อเจียงหวานหว่านเสียงดัง“เจียง หวาน หว่าน”ทันใดนั้น รองเท้าปักลายข้างหนึ่งตกลงมาตรงตำแหน่งจุดที่หรงซียืนอยู่เมื่อหรงซีเงยหน้า
เจียงหวานหว่านก้มลงและนั่งยอง ควานคลำหาทั่วทั้งตัวของนักฆ่าเหล่านั้นเมื่อเห็นนิ้วมืออันขาวนวลนั้นของเจียงหวานหว่านกำลังคลำหาไปทั่วทั้งตัวชายเหล่านั้น หรงซีก็เกิดอาการโกรธเกรี้ยวเป็นฟืนเป็นไฟทันที“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”เจียงหวานหว่านได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความฉงนสงสัย ท่านอ๋องไม่ให้นางหา แต่นั่นมันเป็นเงินของนางนะ เพื่อเงินเหล่านี้น นางต้องเสี่ยงด้วยชีวิตหากไม่เอากลับ นางไม่สบายใจเป็นแน่หรงซีเห็นเจียงหวานหว่านหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา“ออกมา”ทันทีที่สิ้นเสียงนี้ ร่างคนชุดดำสองคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหรงซี“เจ้านาย”หรงซีกล่าวเสียงขรึมว่า “ไปตามเก็บเงินเหล่านั้นมา”“ขอรับ”คนชุดดำสองคนนี้พลิกร่างนักฆ่าเหล่านี้ควานหาเงินแทนเจียงหวานหว่าน“ข้างล่างตีนเขาก็มี ข้าจะไปหา”สีหน้าของหรงซีเย็นชาลงมากอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ต้อง ให้พวกเขาไปหาได้”ดวงตาของเจียงหวานหว่านลุกวาวขึ้นพลางกล่าว “ท่านอ๋อง ทั้งหมดมันหนึ่งแสนตำลึงเลยนะเพคะ”“เจ้าเอาเงินมากมายเช่นนั้นมาจากไหน?”เจียงหวานหว่านกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “สกุลเฉาให้ข้ามาเพื่อขอร้องให้ข้าช่วยรักษา
ฝูตงไม่เชื่อคำพูดของเจียงหวานหว่าน นางยืนกรานจะป้อนยาให้ท่านหญิงหลิงโหรว และขวางไม่ให้เจียงหวานหว่านเข้ามาใกล้ท่านหญิงเจียงหวานหว่านเห็นนางดึงดันเช่นนี้นางก็จนปัญญา หันหลังจะเดินจากไปฝูตงรู้สึกลำพองใจมากที่เห็นเจียงหวานหว่านเดินจากไปเช่นนี้ จากนั้นนางก็เตรียมจะป้อนยาให้ท่านหญิง“ช้าก่อน”หรงซียย่ำเท้าก้าวเดินเข้ามา และมีเจียงหวานหว่านที่เดินตามหลังมา“ท่านอ๋อง”ฝูตงนั่งลงทำความเคารพหรงซี“ห้ามขวางแม่นางเจียงในการรักษาท่านหญิงเด็ดขาด”ฝีมือการรักษาของเจียงหวานหว่านนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากนางสามารถรักษาหลิงโหรวได้ นั่นจะเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง“หากเกิดเรื่องขึ้น ข้ารับผิดชอบเอง”ฝูตงไร้หนทางที่จะขวางท่านอ๋องได้ คำพูดของนางไม่มีน้ำหนัก เพราะนางเป็นเพียงแค่สาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น หรงซีเหลือบมองเจียงหวานหว่านคราหนึ่ง ก่อนจะหันหลังย่ำเท้าเดินออกไปฝูตงถอดอาภรณ์ของหลิงโหรวอย่างระมัดระวังไปถึงเอว“เริ่มรักษาเถอะ”เจียงหวานหว่านใช้เชือกสองเส้นมัดกับแขนเสื้อตัวเองและผูกปมเอาไว้ด้านหลัง“ประเดี๋ยวเจ้าอย่าได้ส่งเสียงดังนะ เงียบไว้”ฝูตงพยักหน้าเบา ๆ ในตอนที่หมอหลวงทำการฝังเข็ม น