กลุ่มองครักษ์ของท่านหญิงคุ้มกันรอบรถม้า ด้วยเกรงว่าผู้ลี้ภัยจะมาก่อกวนท่านหญิง“ฝูตง ให้เงินพวกเขา”“เจ้าค่ะ”ฝูตงหยิบกระเป๋าเงินออกมา เตรียมจะลงจากรถม้า“รอเดี๋ยว”เจียงหวานหว่านจับมือฝูตง หยุดไม่ให้นางลงจากรถท่านหญิงหลิงโหรวถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมรึ”“พวกเขาไม่ใช่ผู้ลี้ภัย ผู้ลี้ภัยอดอยากไม่ได้กินข้าวมานาน ใบหน้าต้องซีดเซียว เดินช้า แต่กลุ่มคนข้างนอกดูมีกำลังวังชา ลมปราณสงบนิ่ง ดูไม่เหมือนผู้ลี้ภัยเลย”เจียงหวานหว่านแสดงการคาดเดาของตัวเองเมื่อท่านหญิงหลิงโหรวมองลอดช่องว่างออกไปดู สีหน้าพลันเปลี่ยน คนเหล่านี้ดูเหมือนกับที่เจียงหวานหว่านพูดจริงๆ“องครักษ์ติง มาตรงนี้หน่อย”เสียงของท่านหญิงหลิงโหรวดังมาจากรถม้าองครักษ์ติงรีบออกมาอยู่ข้างๆ รถม้า รอรับคำสั่งของท่านหญิงฝูตงยกม่านรถ ยิ้มแล้วยื่นเงินให้กับองครักษ์ติงพร้อมกับพูดเร็วๆ ว่าเป็นผู้ลี้ภัยปลอมเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ องครักษ์ติงก็เคร่งเครียด ทว่าไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าคนขับรถม้าของท่านหญิงหลิงโหรวลงแส้ม้าอย่างแรง ทำให้ม้าควบตะบึงอย่างบ้าระห่ำเมื่อผู้ลี้ภัยเห็นรถม้าวิ่งหนีไป ต่างก็มองหน้ากันและหยิบอาวุธออกม
เจียงหวานหว่านกระโดดลงมาจากรถม้า นางกางมือทั้งสองข้างออกพลางกล่าวว่า “ข้าไม่มีเงินติดตัวมากมายปานนั้น หรือพวกเจ้าจะกลับไปเอาที่บ้านข้าล่ะ?”“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงต้องค้นตัวเจ้าแล้วล่ะ”ในขณะที่กล่าวนั้น ผู้เป็นหัวหน้าก็เดินตรงไปที่เจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านขยับตัวไปสองสามก้าวอยู่ข้างรถม้าโดยไม่ได้กล่าวอันใดและในขณะที่หัวหน้าผู้นั้นอยู่ห่างจากเจียงหวานหว่านเพียงแค่สามก้าวเท้า จู่ ๆ ม้าก็เกิดอาการตกใจ และพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งหัวหน้าผู้นั้นเป็นดังนี้จึงส่งสัญญาณบอกให้ลูกน้องรีบตามรถม้านั้นไปเจียงหวานหว่านรีบเก็บเข็มยาในมืออย่างรวดเร็วหัวหน้าผู้นั้นกำมีดในมือแน่น “เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่?”แม้หัวหน้าผู้นั้นจะจับนางได้ แต่เจียงหวานหว่านก็ไม่ยอมรับ “ข้าทำ แล้วอย่างไร?”“หึ! ไม่มีใครหนีรอดไปได้หรอก”นัยน์ตาของหัวหน้าผู้นี้เผยจิตสังหารออกมา ตอนนี้เขาเปลี่ยนความสนใจแล้ว“เจียงหวานหว่าน ข้าจะเอาชีวิตเจ้า”ในขณะที่กล่าวนั้น มีดในมือหัวหน้าผู้นี้ง้างขึ้นจะฟันไปที่เจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านเอียงตัวหลบ ร่างนางล้มกลิ้งไปกับพื้นเพื่อหลบคมมีดของหัวหน้าผู้นี้“กระบวนท่าดู
หรงซีดวงตาแดงก่ำราวกับปีศาจร้ายมาจากนรกก็มิปานเจอผู้ใดฆ่าผู้นั้น ไม่นานนักลูกน้องของหัวหน้าผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายจนสิ้นหรงซีทาบคมดาบลงบนคอของหัวหน้าผู้นั้น“นางอยู่ที่ใด?”เม็ดเหงื่อเย็นผุดพรายขึ้นเต็มหน้าผากของหัวหน้าผู้นั้นหรงซีง้างมือขึ้นลงดาบฟันหูข้างหนึ่งของหัวหน้าผู้นั้นทันที“อ๊า…”หัวหน้าผู้นั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลอาบใบหน้าข้างหนึ่งของเขา หูที่ถูกฟันขาดลงไปกับพื้น“นางอยู่ที่ใด?”ดวงตาของหรงซีเต็มไปด้วยจิตสังหารอันบ้าคลั่งจนน่าหวาดกลัว“นะ นาง นางหนีไปแล้ว”หัวหน้าผู้นั้นอดทนกับความเจ็บปวดอันรุนแรงก่อนจะเอ่ยปากกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกักหรงซีคาดเดาว่า เจียงหวานหว่านคงจะหนีไปแล้ว“ไสหัวไปให้พ้น”เมื่อได้ยินหรงซีเอ่ยปากปล่อยเขาไป หัวหน้าผู้นี้ก็รีบวิ่งหนีไปทันที“ตามมันไป”หรงซีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ“พ่ะย่ะค่ะ”สายลมพัดหวิวผ่านไป สายลับของหรงซีตามหัวหน้าผู้นั้นไปหรงซีหันไปมองรอบๆ บริเวณ ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อเจียงหวานหว่านเสียงดัง“เจียง หวาน หว่าน”ทันใดนั้น รองเท้าปักลายข้างหนึ่งตกลงมาตรงตำแหน่งจุดที่หรงซียืนอยู่เมื่อหรงซีเงยหน้า
เจียงหวานหว่านก้มลงและนั่งยอง ควานคลำหาทั่วทั้งตัวของนักฆ่าเหล่านั้นเมื่อเห็นนิ้วมืออันขาวนวลนั้นของเจียงหวานหว่านกำลังคลำหาไปทั่วทั้งตัวชายเหล่านั้น หรงซีก็เกิดอาการโกรธเกรี้ยวเป็นฟืนเป็นไฟทันที“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”เจียงหวานหว่านได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นด้วยความฉงนสงสัย ท่านอ๋องไม่ให้นางหา แต่นั่นมันเป็นเงินของนางนะ เพื่อเงินเหล่านี้น นางต้องเสี่ยงด้วยชีวิตหากไม่เอากลับ นางไม่สบายใจเป็นแน่หรงซีเห็นเจียงหวานหว่านหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา“ออกมา”ทันทีที่สิ้นเสียงนี้ ร่างคนชุดดำสองคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหรงซี“เจ้านาย”หรงซีกล่าวเสียงขรึมว่า “ไปตามเก็บเงินเหล่านั้นมา”“ขอรับ”คนชุดดำสองคนนี้พลิกร่างนักฆ่าเหล่านี้ควานหาเงินแทนเจียงหวานหว่าน“ข้างล่างตีนเขาก็มี ข้าจะไปหา”สีหน้าของหรงซีเย็นชาลงมากอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ต้อง ให้พวกเขาไปหาได้”ดวงตาของเจียงหวานหว่านลุกวาวขึ้นพลางกล่าว “ท่านอ๋อง ทั้งหมดมันหนึ่งแสนตำลึงเลยนะเพคะ”“เจ้าเอาเงินมากมายเช่นนั้นมาจากไหน?”เจียงหวานหว่านกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “สกุลเฉาให้ข้ามาเพื่อขอร้องให้ข้าช่วยรักษา
ฝูตงไม่เชื่อคำพูดของเจียงหวานหว่าน นางยืนกรานจะป้อนยาให้ท่านหญิงหลิงโหรว และขวางไม่ให้เจียงหวานหว่านเข้ามาใกล้ท่านหญิงเจียงหวานหว่านเห็นนางดึงดันเช่นนี้นางก็จนปัญญา หันหลังจะเดินจากไปฝูตงรู้สึกลำพองใจมากที่เห็นเจียงหวานหว่านเดินจากไปเช่นนี้ จากนั้นนางก็เตรียมจะป้อนยาให้ท่านหญิง“ช้าก่อน”หรงซียย่ำเท้าก้าวเดินเข้ามา และมีเจียงหวานหว่านที่เดินตามหลังมา“ท่านอ๋อง”ฝูตงนั่งลงทำความเคารพหรงซี“ห้ามขวางแม่นางเจียงในการรักษาท่านหญิงเด็ดขาด”ฝีมือการรักษาของเจียงหวานหว่านนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากนางสามารถรักษาหลิงโหรวได้ นั่นจะเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง“หากเกิดเรื่องขึ้น ข้ารับผิดชอบเอง”ฝูตงไร้หนทางที่จะขวางท่านอ๋องได้ คำพูดของนางไม่มีน้ำหนัก เพราะนางเป็นเพียงแค่สาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น หรงซีเหลือบมองเจียงหวานหว่านคราหนึ่ง ก่อนจะหันหลังย่ำเท้าเดินออกไปฝูตงถอดอาภรณ์ของหลิงโหรวอย่างระมัดระวังไปถึงเอว“เริ่มรักษาเถอะ”เจียงหวานหว่านใช้เชือกสองเส้นมัดกับแขนเสื้อตัวเองและผูกปมเอาไว้ด้านหลัง“ประเดี๋ยวเจ้าอย่าได้ส่งเสียงดังนะ เงียบไว้”ฝูตงพยักหน้าเบา ๆ ในตอนที่หมอหลวงทำการฝังเข็ม น
“ท่านหญิงเพคะ แม้ว่าท่านอาจารย์จะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังมียาลูกกลอนคืนชีพนะเพคะ ท่านหญิงจะไม่เป็นอันใดเพคะ”ท่านหญิงหลิงโหรวเอายาลูกกลอนคืนชีพออกมาเม็ดหนึ่ง อ้าปากและกลืนลงไป“ท่านหญิง ให้หมอหลวงตรวจสอบสักหน่อยดีกว่านะเพคะ”ฝูตงเอ่ยปากห้าม กลัวว่ายาของเจียงหวานหว่านจะเกิดปัญหาขึ้นเสียงเคาะประตูดังขั้น ฝูตงเดินไปเปิดประตู“ท่านหญิง องครักษ์ของท่านอ๋องอยู่หน้าประตู จะมาขอพบท่านหญิงเพคะ”“ให้เขาเข้ามา”ฝูตงดึงม่านเตียงลงมาหลังจากที่เทียนซูเข้ามาเขาก็โค้งทำความเคารพท่านหญิง ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านหญิง ท่านอ๋องให้มาถามว่าท่านหญิงจะไปรักษาตัวที่เรือนซิ่งฮวาก่อนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ รอให้ท่านอ๋องกลับมาท่านอ๋องจะไปส่งท่านหญิงกลับเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”“ก็ได้”เทียนซูเห็นท่านหยิงหลิงโหรวตอบรับ เขาจึงหันไปกล่าวกับเจียงหวานหว่านว่า “แม่นางเจียง ท่านอ๋องกำลังรอแม่นางอยู่ จะออกเดินทางแล้ว”เดิมทีเจียงหวานหว่านคิดว่าพวกเขาจะพักสักหนึ่งคืนก่อน นึกไม่ถึงเลยว่าจะรีบออกเดินทางเช่นนี้ท่านหญิงหลิงโหรวกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “รักษาตัวด้วย”“ขอบพระทัยท่านหญิง กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”เจียงหวานหว่านโค้ง
รถม้าเคลื่อนเข้าไปในเขตเมือง เจียงหวานหว่านและหรงซีลงจากรถม้า และจ้างรถม้าธรรมดาที่ดูแล้วไม่สะดุดตาคันหนึ่งรีบเดินทางต่อเจียงหวานหว่านอยากถามพวกเขาว่าจะเดินทางไปที่ใดกันต่อ“ท่านอ๋อง ข้า…”หรงซีเหลือบตามองเจียงหวานหว่าน และกล่าวว่า “อยู่ข้างนอกเช่นนี้ ให้เรียกข้าว่าพี่ใหญ่”“เจ้าค่ะ”เจียงหวานหว่านจามออกมาครั้งหนึ่ง นางรู้สึกแสบตามากหรงซีมองออกไปนอกหน้าต่าง คนที่สะกดรอยตามพวกเขามาน่าจะตามมาไม่ทันแล้วและเมื่อเขาหันกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นเจียงหวานหว่านปิดตาหลับไปแล้วร่างกายโยกเยไปมา และหัวก็สั่นยิกๆ ราวกับไก่จิกก็มิปานหรงซีขมวดคิ้วขึ้น ยื่นมือไปประคองศีรษะนางอย่างมั่นคงเอนมาซบไหล่เขาเขาได้กลิ่นหอมอันสดชื่นของสมุนไพรจากตัวนาง หรงซีก้มมองหญิงสาวที่กำลังซบไหล่เขา และยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวและเมื่อเจียงหวานหว่านลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่านางอยู่บนรถม้าคนเดียว เมื่อเห็นเช่นนี้นางก็ตกใจตื่นตระหนกขึ้นนางเปิดม่านรถม้า และกระโดดลงจากรถม้า และพบว่าตอนนี้นางอยู่ท่าเรือแล้วสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือผิวแม่น้ำอันไร้ขอบเขตท้องฟ้ามืดลงแล้ว เหตุใดนางถึงอยู่ที่นี่ได้ แล้วหรงซีไปไห
เมื่อเห็นเช่นนี้ก็กลัวว่าตัวเองจะถูกสลัดออกไป“ไม่ต้องตกใจไป”หรงซีกล่าวเสียงขรึม“ท่านทั้งสอง ต้องขออภัยด้วย เจอโขดหินเข้าแล้ว”คนพายเรือกล่าวขอโทษหรงซีมองคนพายเรือด้วยสายตาเย็นชา เขาหันไปสบตากับเจียงหวานหว่าน และทั้งสองก็ลุกขึ้นพร้อมกัน“เจ้าเป็นใคร?”คนพายเรือแสดงสีหน้าไร้ความผิดออกมา และยิ้มพลางกล่าว “คุณชาย นี่คุณชายหมายความเช่นไร?”“เจ้าไม่ใช่คนขับเรือตัวจริงใช่หรือไม่?”ดวงตาของหรงซีจ้องเขม็งไปที่เขาจากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนพายเรือผู้นั้นก็ค่อย ๆ อันตรธานหายไป “ข้าก็เป็นคนพายเรือย่างไรเล่า”ใบหน้ารูปงามนั้นของหรงซีเคร่งขรึมลง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คนที่พายเรือมานานหลายปี สีผิวจะดำคล้ำ แต่เจ้ากลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น”คนพายเรือขมวดคิ้วขึ้น และกล่าวแก้ตัวว่า “คุณชายผู้นี้ ข้าเกิดมาไม่ใช่คนผิวดำคล้ำ”“ต่อให้เจ้าเป็นคนผิวขาวมาตั้งแต่เกิด แต่หากโดนแดดทุกวันไม่มีทางที่ผิวจะไม่ดำคล้ำ คนที่ล่องเรือใช้ชีวิตอยู่ในแม่น้่ำมานานหลายปี จะเจอโขดหินได้อย่างไร หากเป็นคนพายเรือจริงย่อมต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวคำพูดของหรงซีทำให้นางนึกขึ้น