เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงหวานหว่าน เจียงจิ่นหนิงก็รู้สึกร้อนตัว แต่ฝืนพูดอย่างใจกล้า “ข้าพอใจ”“ช่างบังเอิญเสียจริง ข้าก็พอใจ ที่ได้สั่งสอนความเป็นคนให้เจ้า”ขณะที่นางพูด เจียงหวานหว่านก็ยืนขึ้น ขยับข้อมือยืดเส้นยืดสาย แล้วง้างมือขึ้นฟาดหน้าเจียงจิ่นหนิงเมื่อหลิ่วซู่เห็นดังนี้ แม้ว่าใจจะทนไม่ไหว แต่ก็ไม่ได้บอกให้นางหยุดตอนที่หวานเจี่ยเออร์กลับมา ได้เล่าเรื่องที่เจียงจิ่นหนิงสอนนกแก้วพูดให้นางฟังแล้วลูกชายคนนี้ถูกเฉาหยูเฟิ่งเลี้ยงดูให้เสียคน การที่หวานเจี่ยเออร์จัดการเขาก็นับเป็นการช่วยสั่งสอนเขานางเชื่อว่าหวานเจี่ยเออร์รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควรคนที่รู้จักเจียงหวานหว่านดีที่สุดคือหลิ่วซู่ แม้ว่าเจียงหวานหว่านจะทำร้ายเจียงจิ่นหนิง แต่นางก็หลีกเลี่ยงส่วนสำคัญได้เจียงจิ่นหนิงถูกทุบตีจนไม่แรงสู้กลับ“วันๆ เอาแต่เล่น จะตีไก่จูงนกก็ช่างเถอะ แต่กลับมาด่าทอสาปแช่งผู้ใหญ่ ข้าว่าเจ้าอยากตายแล้วจริงๆ”เจียงหวานหว่านเตะเจียงจิ่นหนิงอย่างแรงหลายครั้งถ้าไม่กังวลว่าท่านแม่จะเสียใจ นางคงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆหลังจากจัดการเจียงจิ่นหนิงแล้ว เจียงหวานหว่านก็สั่งให้คนพาเจียงจิ่นหนิงกลับเรือนเจ
เจียงหวานหว่านขึ้นรถม้าโดยมีสายตาของเทียนซูที่มองหัวจรดเท้าเทียนซูพลิกตัวขึ้นหลังม้าแล้วนำเจียงหวานหว่านตรงไปยังจวนอ๋องหลังจากเข้ามายังจวนอ๋อง เดิมทีเทียนซูจะพาเจียงหวานหว่านไปพบท่านอ๋องแต่ถูกเรียกตัวระหว่างทาง เทียนซูมองเจียงหวานหว่านอย่างลำบากใจ“ถ้าท่านมีธุระ ก็ไปเถิด ข้าไปเข้าพบท่านอ๋องเอง”เจียงหวานหว่านกล่าวตอบด้วยความเข้าใจเทียนซูเห็นว่าเจียงหวานหว่านเป็นแขกประจำของจวนอ๋องอยู่แล้วจึงพยักหน้าและเดินจากไปเจียงหวานหว่านรู้สึกโหวงๆ ขึ้นกลางอก นางมักจะสับสนกับเส้นทางเล็กน้อยปกติเซี่ยงหรงเป็นคนพาเข้ามา แต่วันนี้นางจำต้องเดินไปข้างหน้าด้วยตัวคนเดียวเมื่อเห็นว่าตัวเองเดินกลับมายังที่เดิมเจียงหวานหว่านก็ถอนหายใจ นางเดินไปมาทางเดิมสามครั้งแล้วความจริงได้รับการยืนยันแล้วว่านางหลงทางแล้วอยากจะถามทางใครสักคน รออยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่เห็นมีใครเจียงหวานหว่านเดินจนเหนื่อย ในใจพลางบ่นตำหนิ จวนอ๋องใหญ่เกินไปแล้วนางมองดูรอบๆ พลางเห็นประตูเรือนข้างเปิดอยู่ เจียงหวานหว่านจึงเดินเข้าไปนางหวังว่าจะมีใครอยู่ในนั้นแล้วชี้ทางให้กับนางนางย่ำเท้าเดินเข้าไปข้างในพลางเห็นว่ามีความเค
“เจ้ายอมไปกับข้าสักครั้งได้หรือไม่”เจียงหวานหว่านจึงถามหยั่งเชิง “ท่านอ๋องจะพาข้าไปดูคนป่วยเหล่านี้หรือ”“ใช่”เจียงหวานหว่านเป็นห่วงท่านแม่ คนในจวนเจียงเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสัตว์ป่าดุร้ายทั้งนั้น“ข้าจะส่งคนไปดูแลแม่ของเจ้าเอง”เจียงหวานหว่านคิดไม่ถึงเลยว่าหรงซีจะเดาได้ว่านางกังวลเรื่องอะไร“ออกเดินทางเมื่อไหร่หรือเพคะท่านอ๋อง”“ยิ่งเร็วยิ่งดี”เจียงหวานหว่านไม่คิดเลยว่าจะเร่งด่วนถึงเพียงนี้“ให้เวลาข้าเตรียมตัวอีกวันสองวันได้หรือไม่”“ได้”เจียงหวานหว่านหยิบพู่กันบนโต๊ะขึ้นมา นางเขียนสิ่งที่ต้องการและบอกหรงซีให้ส่งไปยังจวนเจียงในวันพรุ่งนี้ในเมืองชิงเหอเขตหรูหนิง เหตุใดถึงมีอาการป่วยประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้นที่นั่น ช่างน่าแปลกเสียจริงเมื่อรู้ว่าตนเองจะต้องเดินทางไกล นางจึงเปลี่ยนเส้นทางไปยังเรือนโจวไท่ฟูแทน“แม่นางเจียง มีธุระอันใดหรือ”โจวไท่ฟู่รู้สึกประหลาดใจกับการมาหาของเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านจึงเล่าการออกเดินทางของตนเองให้กับโจวไท่ฟู่“แม่นางจะไปนานแค่ไหน”เจียงหวานหว่านหยิบใบสั่งยาที่เตรียมเอาไว้ยื่นให้กับโจวไท่ฟู่ “หลังจากกินยาชุดก่อนหมดแล้ว ก็กินยาชุดนี้
เจียงหวานหว่านนำคนทั้งคู่ไปพบหลิ่วซู่ เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องหลิ่วซู่ ก็เคาะประตูหลิ่วซู่ได้ยินเสียงของเจียงหวานหว่านก็วางเข็มกับด้ายในมือลง แล้วเดินที่ประตู เพื่อดึงบานประตูให้เปิดออก“ท่านแม่”เจียงหวานหว่านดึงแขนของหลิ่วซู่ สองแม่ลูกเดินเข้าไปในห้อง“ท่านแม่ ข้าจะออกไปข้างนอกสองสามวันนะเจ้าคะ”หลิ่วซู่ตะลึง “อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้จะไปที่ใดหรือ”“ท่านหญิงหลิงโหรวจะเดินทางไปเยี่ยมญาติ ท่านอ๋องจึงให้ข้าช่วยดูแล อย่างมากสุดก็ครึ่งเดือนเจ้าค่ะ”หลิ่วซู่ยังคงไม่วางใจให้เจียงหวานหว่านออกไปข้างนอกคนเดียว“เจ้าออกไปข้างนอกคนเดียว แม่ไม่วางใจ”เจียงหวานหว่านยิ้มสดใส “ท่านแม่ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”“ไม่เช่นนั้นให้สือหลิ่วไปเป็นเพื่อนเจ้าไหม”หลิ่วซู่หารือกับเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านยิ้มหวาน “ท่านแม่ ข้าไปดูแลท่านหญิง หากพาสาวใช้ตามไปด้วยอีกคน เกรงว่าจะไม่เหมาะเจ้าค่ะ”หลิ่วซู่ถอนหายใจ“ก็ได้ เจ้าต้องรีบกลับมานะ”จิตใจคนในจวนเจียงยากจะคาดเดา ซิ่วกู่กับหงเหลียนก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นานสือหลิ่วเข้าใจนิสัยของท่านแม่ และรู้สีหน้าท่าทีที่ปฏิบัติต่อผู้อื่นของพวกคนในจวนเจียงเหล่
ตอนที่เจียงหวานหว่านฟังได้ครึ่งหนึ่ง ก็บีบฝ่ามือกับขอบโต๊ะอย่างแรงมู่เซียงนั้นเตรียมใจถูกเจียงหวานหว่านลงโทษไว้แล้ว แต่เจียงหวานหว่านกลับไม่ได้ลงโทษนาง ใจนางกระสับกระส่าย และไม่กล้าลุกขึ้น“คุณหนู นี่คือยาที่สกุลเฉามอบให้บ่าว บ่าวไม่เคยใช้เจ้าค่ะ”มู่เซียงวางผงยาที่เฉาหยูเฟิ่งให้นางลงบนโต๊ะเจียงหวานหว่านมือสั่นเล็กน้อย นางเปิดห่อผงยาออก แล้วดมกลิ่นหญ้าพิษโลหิต!ผู้ที่รับประทานสมุนไพรชนิดนี้เป็นเวลานานจะสุขภาพแย่ลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เสียชีวิตจากอาการเลือดพร่องอย่างรุนแรงเมื่อได้เห็นหญ้าพิษโลหิต นางก็เข้าใจในที่สุดว่าทำไมสุขภาพของท่านแม่ในชาติก่อนถึงได้แย่ลงเรื่อยๆนางมองมู่เซียงด้วยสายตาเย็นชา การที่นางบังเอิญช่วยมู่เซิงเอาไว้ ทำให้มู่เซียงเกิดความละอายใจ ถึงไม่ได้ลงมือโหดเหี้ยมกับท่านแม่เช่นนั้น ชาติก่อนมู่เซียงจะต้องเป็นคนทำร้ายท่านแม่แน่นอน“มู่เซียง เจ้าควรค่ากับความไว้วางใจหรือไม่“เจียงหวานหว่านให้มู่เซียงแสดงจุดยืนให้ชัดเจน“คุณหนูหก ท่านช่วยชีวิตมู่เซิง ย่อมเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราสองพี่น้อง และเป็นนายของบ่าวเช่นกันเจ้าค่ะ”“มู่เซียงไม่มีทางทรยศ หากว่าทรยศ บ่าว
เจียงอวิ้นตะลึง ท่านหญิงหลิงโหรวบิดามารดาลาลับไปแล้วทั้งคู่ ตั้งแต่เล็กก็ถูกเลี้ยงไว้ข้างกายฮองเฮา จึงสูงศักดิ์อย่างยิ่งท่านหญิงหลิงโหรวสุขภาพไม่แข็งแรง จึงไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงส่วนตัวของเหล่าสตรี ตอนนี้ถึงกับนัดหมายเจียงหวานหว่านออกไปท่องเที่ยว ช่างทำให้ผู้คนคาดไม่ถึงจริงๆ”“ ท่านย่า พี่หกไปผูกมิตรกับท่านหญิงหลิงโหรวเมื่อไรหรือเจ้าคะ”ฮูหยินใหญ่เจียงสบายใจยิ่ง แววตาเปล่งประกายคล้ายกับมองเห็นตนเองเป็นฮูหยินตราตั้งอย่างไรอย่างนั้นเจียงอวิ้นโมโหควันออกหู จึงเผยความริษยาและอิจฉาออกมาทางคำพูด“พี่หกเก่งกาจจริงๆ”ฮูหยินใหญ่เจียงก็รู้สึกว่าเจียงหวานหว่านไม่เลวเช่นกัน จึงเอ่ยชื่นชมไปว่า “นังหนูหกเป็นดาวนำโชคของจวนเจียง”ดาวนำโชคอันใดกัน เจียงอวิ้นโมโหจนแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว แต่ทำได้เพียงแค่เอ่ยสำทับวาจาของฮูหยินใหญ่เจียงยิ้มๆฮูหยินใหญ่เจียงชื่นชมเจียงหวานหว่านไม่หยุด เจียงอวิ้นได้ยินแล้วไม่สบอารมณ์ จึงหาข้ออ้างขอตัวจากไปเจียงอวิ้นยิ่งคิด ในใจก็ยิ่งโมโห เจียงหวานหว่านมีสิทธิ์อะไรได้รับสิ่งเหล่านี้เจียงหวิ้นมุ่งตรงไปยังเรือนของเฉาหยูเฟิ่งด้วยเพลิงโทสะที่สุมอยู่เต็มท้อง“ท
หลิ่วซู่ตรงไปที่โรงเย็บปัก เมื่อได้เงินก็เตรียมไปซื้อเสื้อหนาๆ และขนบขบเคี้ยวให้กับลูกสาวหลิ่วซู่อารมณ์ร่าเริง กำลังหัวเราะพูดคุยกับสือหลิ่วส่วนหงเหลียนพบว่ามีคนสะกดรอยตาม นางเดินต่อไปโดยไม่กระโตกกระตากหลิ่วซู่หันหน้ามองหงเหลียน เห็นสีหน้านางเคร่งเครียด จึงยิ้มกล่าวว่า “หงเหลียน ยิ้มแย้มหน่อย อย่าเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึง”“เจ้าค่ะ”จงเหลียนไม่ได้บอกเรื่องข้างหลังกับหลิ่วซู่ เกรงว่าหลิ่วซู่จะหวาดกลัวหงเหลียนมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ป้องกันคนแอบทำร้ายหลิ่วซู่หลังออกจากร้านขายเสื้อผ้า หลิ่วซู่ถูกขอทานน้อยคนหนึ่งชนจากทางด้านหน้าหลังจากถูกขอทานน้อยชน หลิวซู่พลันรู้สึกเวียนหัวตาลายหลังจากได้รับแรงกระแทก นางก็ล้มไปข้างหลัง หงเหลียนมือไวตาไวรีบพยุงหลิ่วซู่ไม่ให้นางหกล้ม“ฮูหยินระวัง”หลิ่วซู่ยืนมั่นคงแล้วก็ใช้มือสัมผัสถุงเงินบนตัว จากนั้นสีหน้านางเปลี่ยน “เงินของข้าหายไปแล้ว”หงเหลียนคิดถึงขอทานน้อยเมื่อครู่ทันที“ฮูหยิน ท่านรอบ่าวอยู่ที่นี่ บ่าวไปสักครู่เดี๋ยวกลับมา พวกท่านอย่าเดินเถลไถล”หงเหลียนเพ่งเล็งไปยังทิศทางที่ขอทานน้อยหายไป จากนั้นก็ไล่ตามไปหลิ่วซู่และสือหลิ่วยืน
เจียงหวานหว่านผ่อนลมหายใจหนักๆ นางต้องสงบ อย่าลนลาน“เจ้าเล่าให้ละเอียดอีกรอบ”เจียงหวานหว่านน้ำเสียงสั่นเทาสือหลิ่วสะอึกสะอื้นเล่าเรื่องราวอีกรอบนางเสียงท่านแม่ไปไม่ได้ นางต้องช่วยท่านแม่ ท่านแม่ต้องไม่เป็นไร...เจียงหวานหว่านบังคับให้ตัวเองสงบลงหลังสงบลงแล้ว นางรู้ว่าคนที่จับท่านแม่ไปต้องเกี่ยวข้องกับเฉาหยูเฟิ่งแน่นอนชาติก่อนเวลานี้ไม่มีคนลักพาตัวท่านแม่ดูเหมือนหลังจากเกิดใหม่ เรื่องบางเรื่องนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว“สือหลิ่ว ไปจับตาแม่นมหวัง”“เจ้าค่ะ”สือหลิ่วยกชายกระโปรงวิ่งออกไปซิ่วกู่ได้รับข่าวจากเทียนซูแล้ว ได้รู้เรื่องฮูหยินเจียงหายไปไร้ร่องรอยเมื่อได้เห็นเจียงหวานหว่านที่อกสั่นขวัญหาย ซิ่วกู่ใจกระตุก“คุณหนู คนที่จับตัวฮูหยินต้องรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวของฮูหยินเป็นอย่างดี”ซิ่วกู่คาดเดาว่าเป็นการกระทำของคนรู้จักนัยน์ตาเจียงหวานหว่านไม่มีแววผันผวน ไร้ซึ่งอารมณ์มีเพียงมือที่กำแน่นเผยให้เห็นถึงความไม่สบายใจของนางหัวใจที่เต้นเหมือนตีกลองทำให้นางหอบหายใจถี่“ซิ่วกู่ นำเมิ่งเหยียนมา”ซิ่วกู่ใจกระตุก เมิ่งเหยียนคือสูตรยาพิษลับเฉพาะของอาจารย์ในตอนนั้น เหตุใด