ฟู่เจิงจ้องเธอเขม็งเขาดูเหมือนน่าสงสารและดูน้อยเนื้อต่ำใจมาก ๆ เหมือนกับเจ้าหมาที่ถูกทอดทิ้งในใจของเวินเหลียงสั่นไหวเล็กน้อย เกือบจะโดนตกเพราะท่าทางนี้ของเขาแล้วรู้ ๆ กันอยู่ว่าเขาเป็นคนขอหย่าก่อนคนที่เขารัก เดิมทีก็ไม่ใช่ตัวเธออยู่แล้วคนที่เขาชอบคือฉู่ซืออี๋เธอเองก็ไม่อยากเหนี่ยวรั้งเขาต่อไปโดยใช้ลูกมาอ้างเวินเหลียงก้มหน้า “เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับที่ว่าคุณเป็นประธานของฟู่ซื่อหรือเปล่า”“ตอนนี้ฉันมีแค่เธอกับลูกแล้ว” ทันใดนั้นฟู่เจิงก็กอดเธอเอาไว้ พร้อมทั้งแนบหน้าไปที่หน้าท้องของเธอ สีหน้าอ่อนโยนอาลัยรักอย่างไม่เคยมีมาก่อนฉากประเภทนี้ เธอในเมื่อก่อนปรารถนาจะเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน เธอในอดีตทำได้ทุกอย่างเพื่อวินาทีนี้แต่ว่าในตอนนี้ใจของเธอกลับเป็นดั่งน้ำนิ่งฟู่เจิงไม่มีทางชอบเธอ เธอเองก็ไม่ยอมทำอะไรโง่ ๆ อีกต่อไปแล้ว“พอลูกคลอดออกมา คุณมาเยี่ยมเขาบ่อย ๆ ได้นะ”ฟู่เจิงแข็งทื่อไปทั้งตัว พลันเงยหน้ามองเวินเหลียง “หมายความว่ายังไง? ลูกคลอดออกมาแล้ว เธอก็ยังจะหย่ากับฉัน?”ไม่รอให้เวินเหลียงตอบ ฟู่เจิงก็ลุกขึ้นพรวด “เธอจะให้ลูกของฉันไปเรียกโจวอวี่ว่าพ่อเหรอ?!”“เรื่อ
“คุณคิดว่าฉันจะโง่ถึงขั้นมองไม่ออกเลยเหรอ?”เวินเหลียงถอนหายใจเบา ๆ เฮือกหนึ่ง “ประธานบริหารคนใหม่ของฟู่ซื่อเป็นใคร? พี่ใหญ่งั้นเหรอ?”“อืม เธอรู้ได้ยังไง?”เป็นฟู่เยว่จริง ๆ ด้วย“อู๋หลิงโทรมาหาฉัน”สีหน้าของฟู่เจิงเปลี่ยนเล็กน้อย “เธอได้พูดจาอะไรแรง ๆ หรือเปล่า?”เวินเหลียงไม่ตอบ “ฉันฟังจากความหมายที่เธอสื่อ เหมือนว่าจะรู้เรื่องในวันนี้ตั้งนานแล้ว?”ฟู่เจิงพยักหน้าเบา ๆ “ตอนที่ฉันออกมาจากบริษัท ก็เห็นพี่ใหญ่เดินอยู่กับเธอ”“...ดูเหมือนจะวางแผนเอาไว้ตั้งนานแล้ว และไม่รู้ว่าในนี้พี่ใหญ่รับบทบาทอะไร...”พูดตามตรง ก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้น ทีแรกเวินเหลียงนึกไม่ถึงว่าฟู่เยว่จะติดต่อกับรองผู้จัดการใหญ่อู๋ มิหนำซ้ำยังบีบฟู่เจิงออก และขึ้นเป็นประธานบริหารของฟู่ซื่อก่อนหน้านี้ ตอนที่เธออยู่บ้านใหญ่ ต่างจากความเย็นชาของฟู่เจิงโดยสิ้นเชิง ฟู่เยว่อ่อนโยนกับคนอื่น กับเธอเองก็ดูแลเป็นอย่างดี ถ้าเธอมีปัญหาอะไรที่พูดกับคุณปู่คุณย่าไม่ได้ ก็จะไปให้ฟู่เยว่ช่วยตลอด ด้วยเหตุนี้ ตอนสมัยเรียนมีผู้ชายมาตามจีบเธอ หลังถูกเธอปฏิเสธก็พัฒนาไปเป็นการตอแย หลังจากนั้นฟู่เยว่ก็เป็นคนออกหน้าให้ ไม่รู้ว่า
“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!” ในใจของฟู่เจิงเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก รีบตอบกลับ“อย่าเพิ่งให้อาเหลียงรู้เรื่องนะครับ”“ฉันเข้าใจ”ก่อนออกไป ฟู่เจิงก็กลับไปที่ห้องนอนหลักอีกครั้ง “อาเหลียง ที่บริษัทยังมีงานบางส่วนที่ต้องส่งมอบ ฉันต้องไปสักเดี๋ยว”“ไปเถอะ ที่บ้านมีป้าหวังอยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งคน” เวินเหลียงไม่ได้คิดอะไรมาก …ฟู่เจิงรีบไปโรงพยาบาล ไฟห้องฉุกเฉินยังสว่างอยู่คุณหญิงและป้าแม่บ้านนั่งรออยู่บนเก้าอี้ด้านนอก“คุณย่า!” ฟู่เจิงรีบเดินไปตรงหน้าคุณหญิง เขาเป็นกังวลและร้อนใจสุด ๆ “เกิดอะไรขึ้นครับ? ทำไมจู่ ๆ คุณปู่ถึง...”คุณหญิงถอนหายใจด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ไม่ยอมตอบแต่ป้าแม่บ้านมองฟู่เจิงทีหนึ่ง “วันนี้ตอนเช้าคุณฉู่มาที่บ้าน ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับคุณท่าน...จากนั้นคุณท่านก็มารู้เรื่องบริษัทอีก แล้วจู่ ๆ ก็...”ฟู่เจิงเม้มปาก นัยน์ตาประกายความดุเดือดออกมาสายหนึ่ง ก่อนจะสูดลมหายใจลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แล้วเดินไปที่ปากทางหนีไฟ ต่อสายโทรออก “เช้าวันนี้ฉู่ซืออี๋ปรากฏตัวไปที่บ้านใหญ่ตระกูลฟู่ รีบไปตามหาตัวเธอเดี๋ยวนี้!”“ครับ”หลังวางสาย ฟู่เจิงก็กลับไปยังพื้นที่นั่งรอ เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
หลังเขาวางสาย ก็หมุนตัวไป เห็นฟู่เจิงนั่งเฉย ๆ อยู่บนเก้าอี้คนเดียว นัยน์ตาทั้งสองดูเหม่อลอย มองไปข้างหน้าตาไม่กะพริบ ราวกับป้ายหินอย่างนั้นฟู่เยว่เดินไป ตบที่ไหล่เขาเบา ๆ “อาเจิง”ฟู่เจิงได้สติกลับมา มองนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของฟู่เยว่ แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งน้ำเสียงแหบพร่า “พี่ใหญ่ ผมไม่เป็นไร”แค่ในเวลาเพียงชั่วครู่ยังไม่กลับมากระปรี้กระเปร่าคุณท่านสำหรับฟู่เจิงแล้วนั้น ก็เหมือนเวินหย่งคังสำหรับเวินเหลียงเขาไม่รู้ว่าแม่ของตัวเองเป็นใคร และจำรูปร่างหน้าตาของพ่อตัวเองไม่ได้แล้วนับตั้งแต่เขาเริ่มจำความได้ ก็อยู่ข้างกายคุณท่านมาตลอดคุณท่านและคุณหญิงเป็นคนเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ แม้จะห่างกันหนึ่งรุ่น ทว่ายิ่งเหมือนพ่อแม่ของเขา“ทางอาเหลียง จะบอกเธอไหม?”“ตอนนี้ปิดไว้ก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้อาการครรภ์ของเธอยังไม่คงที่ ผมกลัวว่าเธอจะรับไม่ได้” สายตาฟู่เจิงมองไปไกลแม้เขาจะรู้ดีว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คงปิดไปได้ไม่นาน“ก็ดี”“พี่ใหญ่ พี่รอง มีนักข่าวมา” ฟู่เซิงชี้ไปที่ที่ไม่ไกล“เรียกรปภ. มาขวางพวกเขาเอาไว้ก่อน เดี๋ยวฉันจะเรียกบอดีการ์ดมา” ฟู่เยว่เอ่ยวันนี้ประธานกรรมการใหญ่
หัวใจของเวินเหลียงหยุดเต้นไปในฉับพลันอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เริ่มเต้นตึกตัก ๆ ขึ้นมาไม่หยุดคงจะเป็นการกลั่นแกล้งของใครบางคนใช่ไหม?แต่ในช่วงเวลานี้ แฟลตฟอร์มต่าง ๆ ก็ดันทยอยดันข่าวนี้ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เธอสุ่มกดเข้าไปอันหนึ่ง ล้วนเป็นรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้นฟู่เจิงที่อยู่ในข่าว ยังสวมชุดเดียวกับตอนที่ออกไปด้วยฉะนั้น เขาไปโรงพยาบาลจริง ๆคุณปู่ คุณปู่จากไปแล้ว?!คุณปู่ที่รักและเอ็นดูเธอจากไปแล้ว!ข่าวนี้มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว หัวใจของเวินเหลียงราวกับถูกหมัดหนักต่อยเข้ามาอย่างจัง มิหนำซ้ำยังปล่อยหมัดหนักมาต่อยซ้ำแล้วซ้ำเล่า จมูกเธอฟุดฟิด ขอบตาพลันแดงระเรื่อขึ้นมา น้ำตาคลอเส้นสายตาเลือนรางทั้ง ๆ ที่เมื่อสองสามวันก่อนตอนที่คุณปู่มาหาเธอ สุขภาพยังดีอยู่แท้ ๆ!ทั้ง ๆ ที่สองสามวันก่อนคุณปู่ยังพูดอยู่เลยว่าจะต้องอยู่รอลูกของเธอลืมตาขึ้นมาดูโลก และรออุ้มเหลนอย่างแน่นอน! ทำไมจู่ ๆ ถึง...ไม่ ไม่สิ ยังไม่ทันได้เห็นลูกของเธอลืมตาขึ้นมาดูโลกเลย คุณปู่จะตัดใจจากไปได้ยังไงกัน!เวินเหลียงซี๊ดจมูก ก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่งจากเตียง แล้วตะโกนว่า “ป้าหวังคะ เรียกคนขับรถมาหน่อย ฉันจ
ในตอนนี้ศพของคุณท่านก็ถูกส่งไปยังหอจัดพิธีงานศพแล้ว ภายใต้การจัดแจงของฟู่เยว่ จัดการแต่งหน้าศพเป็นครั้งสุดท้าย และใส่เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ก่อนตายในห้องโถงตั้งศพเองก็กำลังอยู่ในระหว่างการตกแต่งขณะใกล้จะถึงหอจัดพิธีงานศพ ฟู่เจิงก็คว้ามือของเวินเหลียงมาจับเอาไว้ แล้วกำชับว่า “พอถึงแล้ว เธอต้องอยู่แค่ข้างกายคุณปู่นะ เรื่องอื่นอะไรไม่ต้องทำทั้งนั้น เข้าใจไหม?”“อืม”ซูชิงอวิ๋นสวมชุดสีขาวมาเรียบร้อยแล้ว รออยู่ตรงหน้าปากประตูหอจัดพิธีงานศพ เมื่อเห็นว่าฟู่เจิงและเวินเหลียงมา ก็ส่งชุดไว้ทุกข์สีขาวให้สองชุดหลังสวมชุดไว้ทุกข์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซูชิงอวิ๋นก็เป็นฝ่ายเสนอมาเข็นวีลแชร์เอง แล้วพูดว่า “น้องรอง เธอไปจัดการเรื่องงานเถอะ เดี๋ยวฉันจะคอยดูแลอาเหลียงเอง”“รบกวนพี่สะใภ้ใหญ่แล้วนะครับ” ฟู่เจิงค้อมตัวลงแล้วกำชับกับเวินเหลียงอีกทีว่า “ถ้ารู้สึกไม่สบายตัวก็ไม่ต้องฝืน ต้องรีบบอกฉันนะ ฉันไปจัดการเรื่องงานก่อน”“โอเค”ฟู่เจิงรีบสาวเท้าก้าวออกไป ซูชิงอวิ๋นเข็นเวินเหลียงไปที่ห้องพัก เห็นขอบตาของเวินเหลียงแดง เธอก็พูดปลอบว่า “อาเหลียง ไม่ต้องทุกข์ใจไปเลยนะ คนเราต้องเจอเรื่องแบบนี้กันอยู่แล้ว ค
ขอบตาของเวินเหลียงแดงก่ำขึ้นมาอีกแล้ว “หนูไม่เคยโทษคุณปู่เลยค่ะ...”เธอรู้ว่าคุณปู่ก็มีความยากลำบากของตัวเองในตอนแรกที่ฟู่เจิงเข้ารับตำแหน่งประธานบริหารของกรุ๊ป อายุยังน้อยเกินไป คณะกรรมการบริษัทหลายคนไม่ยอมรับเขา เกิดการปะทะกันขึ้นมาต่าง ๆ นานาประธานกรรมการบางคนเอะอะ ๆ ก็ไปร้องเรียนกับคุณท่านหลังคุณท่านสอดมือครั้งแรก ฟู่เจิงขยายการดำเนินงานในกรุ๊ปได้ยากลำบากเป็นอย่างมาก เผชิญกับอุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเหล่าประธานกรรมการเห็นว่าการร้องเรียนได้ผล สองสามวันทีก็มาหาคุณท่านอีกแล้วนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคุณท่านก็ไม่สอดมืออีกเขาเองก็เพิ่งได้รู้ในตอนนั้น ในตอนที่ฟู่เจิงเป็นประธานบริหารกรุ๊ปแล้ว ฟู่เจิงไม่ใช่หลานที่เขาจะถ่ายทอดคำสอนสุ่มสี่สุ่มห้าได้ฟู่เจิงต้องยืนหยัดอยู่ในบริษัทให้ได้ ต้องสร้างความน่าเกรงขามให้เพียงพอ เขาเองก็ต้องปกป้องฟู่เจิง สนับสนุนเขาอย่างแน่วแน่ และไม่ขัดขวางเขาเพราะฟังคำพูดของพวกประธานกรรมการ ไม่อย่างนั้นเหล่าประธานกรรมการและบรรดาพนักงานไม่เห็นฟู่เจิงที่อยู่ในตำแหน่งประธานบริหารอยู่ในสายตาแน่นอนและเมื่อเรื่องราวเป็นไปเช่นนี้ คุณท่านจึงทำได้เพียงตอบโต้เล
เวินเหลียงมองสองที สุดท้ายก็ยังอ้าปาก แล้วงับหมูสามชั้นเข้าไปในปากเชฟมีฝีมือ แม้จะเป็นหมูสามชั้นแต่ก็ไม่เลี่ยนเลยสักนิด เมื่อครู่เป็นเพราะความเสียใจเวินเหลียงจึงไม่รู้สึกอยากอาหาร แต่ก็เพื่อลูกจึงกินไปสองคำ ไม่นึกว่าพอกินแล้วก็จะกินไปเกินครึ่งเลยทั้ง ๆ ที่กินอิ่มแล้ว แต่ตอนนี้กลับอดไม่ได้ที่จะกินอาหารที่ฟู่เจิงคีบมาให้หลังตั้งท้อง นอกจากอาการแพ้ท้องในช่วงก่อนหน้านี้แล้วนั้น ช่วงนี้ความอยากอาหารเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฟู่เจิงเห็นว่าเวินเหลียงชอบ ก็คีบมาให้เธออีกสองชิ้นหลังเวินเหลียงกินไปสามชิ้น เห็นฟู่เจิงยังคีบมาอีก เธอก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ฉันกินอิ่มแล้วจริง ๆ คุณกินไปเถอะ”“ไม่กินแล้วเหรอ?”“ไม่กินแล้ว”ฟู่เจิงวางตะเกียบลง จากนั้นก็อุ้มเวินเหลียงขึ้นมาจากวีลแชร์ ก่อนจะวางเธอไปบนโซฟา แล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมบนตัวเธอ “งั้นก็นอนสักเดี๋ยวสิ”เวินเหลียงยันตัวขึ้นอย่างจนใจ พลางมองฟู่เจิง “สองวันนี้คุณก็ไม่ได้นอนเลย คุณมานอนด้วยกันสิ”เมื่อได้ยินว่าเวินเหลียงเป็นห่วงตน นัยน์ตาของฟู่เจิงก็เปล่งประกาย เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “โอเค”หลังกินข้าวกล่องเสร็จ ฟู่เจิงก็โยนขยะทิ้งไป แล้วนอ