หลินเฟิงหัวเราะเยาะ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้พบเจอกับคนที่หน้าไม่อายแบบนี้“บุญคุณของตระกูลหลี่ฉันตอบแทนไปจนหมดตั้งนานแล้ว ถ้าจะพูดว่าติดค้างก็คงเป็นตระกูลหลี่ของเธอที่ติดค้างฉัน”“หลินเฟิง แกอย่าพูดไร้สาระ รีบเอาตำรับยาส่งมอบออกมา” จางซินไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ว่ามูลค่าตำรับยาปรับประสานพลังมีมูลค่ามากเพียงแค่เอาตำรับยาแผ่นนี้มาได้ เธอก็ถือว่าได้อยู่ดีกินดีแล้วจริง ๆไม่ว่าอย่างไรเธอจะปล่อยหลินเฟิงไปไม่ได้หินเฟิงขมวดคิ้ว และมองเธอด้วยความเย็นช้าแล้วพูดขึ้น: “ปล่อยมือซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจเธอ”“ทำไม? นายกล้าตบผู้หญิงเหรอ? มาสิ ตบตรงนี้ได้เลย” จางซินชี้ไปที่แก้มของตัวเองเธอไม่เชื่อว่าหลินเฟิงกล้าลงมือกับเธอที่เป็นผู้หญิงหลินเฟิงไม่เคยเจอผู้หญิงที่หน้าขนาดนี้มาก่อนเขาผลักจางซินออกอย่างแรง“อ๊ะ…” จางซินสูญเสียการทรงตัวทันที จากนั้นเธออุทานออกมาแล้วหงายหลังไปโชคดีที่สวีเชายืนอยู่ด้านหลังของเธอแล้วรับเธอเอาไว้“ซินซิน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”จางซินโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน: “ไอ้สกุลหลิน แกกล้าผลักฉันเหรอ?”“ฉันเป็นผู้หญิงนะ แกไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษสักนิดเลยเหรอ?”หลิ
“อะไรนะ?”จางกุ้ยหลานตะโกนเสียงดัง สีหน้าแดงก่ำ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความเดือดดาล: “ใครมันใจกล้าแบบนี้ ถึงได้กล้าตบหลานสาวของฉัน?”เธอเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าบนใบหน้าของหลานสาวตัวเองมีรอยฝ่ามือแดง ๆ อยู่จางซินร่ำไห้: “จะเป็นใครได้คะ? ก็ต้องไปเป็นไอ้หลินเฟิงอยู่แล้ว”“วันนี้หนูไปงานเลี้ยงตัวแทนยาปรับประสานพลังของตระกูลถัง หลินเฟิงคนนั้นเห็นหนูแล้วรู้สึกไม่พอใจ ก็เลยตบหน้าหนู”“ตบจนหนูเจ็บหน้ามาก”หลี่เหวินเชาถึงแม้จะไม่ชอบลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ชอบหลินเฟิงยิ่งกว่า ได้ยินหลินเฟิง เมื่อได้ยินว่าหลินเฟิงทำร้ายคนเขาก็กำหมัดแน่น: “หลินเฟิงคนนี้บ้าระห่ำเกินไปแล้วจริง ๆ”“นี่มันไม่เห็นครอบครัวของพวกเราอยู่ในสายตาเลยสินะ”“แค่นั้นที่ไหนกันล่ะ”จางซินพูดขึ้นช้า ๆ: “หลินเฟิงคนนั้นตอนนี้มีชีวิตอย่างดีมาก และได้กลายเป็นหุ้นส่วนของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังด้วย”“ฉันก็แค่เข้าไปถามเรื่องตำรับยาปรับประสานพลัง เขายังเยาะหยันฉัน พูดว่า: ตีเขาให้ตายก็ไม่มีทางบอกตำรับยาปรับประสานพลังกับฉันจางกุ้ยหลานที่เมื่อครู่ยังจมอยู่ในความโมโหเมื่อได้ยินเรื่องตำรับยาปรับประสานพลัง เธอก
หลินเฟิงยิ้มบาง วุ่นวายอยู่นานสองคนนี้ระดมกำลังแห่กันมาก็เพื่อมาเอาเงินชดเชยหรอกเหรอ!“พวกคุณสองคนต้องการเท่าไหร่?”จางกุ้ยหลานพูดขึ้นโดยตรง: “พวกเราไม่ต้องการเงิน”คำพูดนี้ทำให้หลินเฟิงชะงักงัน: “ไม่ต้องการเงิน?”วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกหรือยังไง“ถูกต้อง ได้ยินว่าตอนนี้นายได้เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังแล้วเหรอ? เอาแบบนี้ นายเอาตำรับยาปรับประสานพลังให้พวกเรา พวกเราก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยแล้ว”หลี่เหวินเชาสองมือล้วงกระเป๋า และพูดด้วยท่าทางมีจิตใจเมตตาหลินเฟิงสีหน้าเคร่งขรึมทันที วุ่นวายอยู่นานที่แท้สองคนนี้ก็มุ่งเป้าไปที่ยาปรับประสานพลังComment by -: “พวกคุณคิดมากไปแล้ว ตอนนี้ตำรับยาปรับประสานพลังมอบให้กับบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังแล้ว ถ้าพวกคุณอยากได้ก็ไปหาถังหว่าน”จางกุ้ยหลานพูดด้วยความหงุดหงิด: “แกอย่าพูดพล่าม แกบอกมาแค่ว่าแกรู้ตำรับยาปรับประสานพลังไหม?”หลินเฟิงพยักหน้าด้วยความเด็ดขาด: “รู้”“งั้นแกเขียนให้พวกเราแผ่นหนึ่ง”“เป็นไปไม่ได้” หลินเฟิงพูดด้วยความแน่วแน่“ทำไม?”“ตอนนี้ตำรับยาปรับประสานพลังถือว่าเป็นทรัพย์สินของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง ผมไม่มี
ถ้าหากลงมือจริง ๆ เกรงว่าหลินเฟิงไม่มีทางรอจนถึงตอนแต่งงานจางกุ้ยหลานพูดด้วยความไม่พอใจ: “ลูกดูตัวลูกสิ ตอนนี้ยังช่วยพูดแทนไอ้เวรนั่นอีก”“เหวินเชา เอาวิดีโอออกมาให้เธอดูสิ”จางกุ้ยหลานพูดสั่งลูกชายหลี่เหวินเชาตัดต่อบันทึกการขับขี่ออกมาตั้งนานแล้ว จนกระทั่งเอาให้หลี่ฮุ่ยหราน“ถ้าหากไม่เชื่อเธอก็ดูเอาเองเถอะ”หลี่ฮุ่ยหรานรับโทรศัพท์ไป เห็นเพียงแค่ภาพที่หลินเฟิงกับแม่ของเธอถกเถียงกันในโทรศัพท์ จากนั้นหลินเฟิงก็ผลักแม่ของเธอเธอรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลินเฟิงจะทำแบบนี้ได้“นี่…ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”“พี่ ฉันบอกกับพี่ไปตั้งนานแล้วว่า ไอ้หลินเฟิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ก็แค่เสแสร้งเก่งเวลาที่อยู่ต่อหน้าพี่ก็เท่านั้น” ในตอนนี้จางซินเข้ามาพูดปลอบใจหลี่ฮุ่ยหรานกัดปาก จากนั้นก็โทรวิดีโอไปทันทีขณะเดียวกัน หลินเฟิงเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ เตรียมจะไปเยี่ยมเยือนจางเต๋อหลินแต่คิดไม่ถึงว่าสายวิดีโอของหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรเข้ามาหลินเฟิงเพิ่งกดปุ่มรับสาย ก็เห็นสีหน้าโมโหของหลี่ฮุ่ยหราน“ฮัลโหล คุณมีธุระอะไรไหม?”หลินเฟิงจี้ถาม“หลินเฟิง คุณทำไมถึงลงมือทำร้ายแม่ของฉั
จางกุ้ยหลานพูดอย่างไม่แยแส: “เขาจะเป็นอย่างไรเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา?”“แม่…ทำไมแม่ถึงเป็นแบบนี้? หลี่ฮุ่ยหรานโมโหจนกระทืบเท้าแต่อีกฝ่ายคือแม่ของเธอ เธอจะทำอะไรได้ตอนนี้สิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุดก็คือเมื่อครู่ควรจะคิดให้มากหน่อยตัวเองทำไมถึงได้เลอะเลือนแบบนี้ ถึงได้สงสัยหลินเฟิงในตอนนี้จางซินก็เข้ามาพูดเกลี้ยกล่อม: “พี่ อย่างไรพี่กับหลินเฟิงก็หย่าร้างกันแล้ว พี่ยังจะคิดแทนเขาทำไม?”“พี่ควรจะคิดหาวิธีเอาตำรับยาปรับประสานพลังมา ถึงเวลาตระกูลหลี่ของเราก็จะรุ่งโรจน์พุ่งแรงหลี่ฮุ่ยหรานมองเห็นสีหน้าท่าทางของญาติเหล่านี้ของตัวเอง จึงพูดด้วยความโมโหเดือดดาล: “พอแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปไม่ว่าใครก็ห้ามพูดถึงอีก”“ถ้าหากพวกคุณไปเอาตำรับยาจากหลินเฟิงอีก อย่าโทษที่ฉันโมโห“หลี่ฮุ่ยหรานพูดจบ จากนั้นก็ขึ้นไปชั้นบนด้วยความโมโห”ไอหยา…“จางกุ้ยหลานและคนอื่นหมดคำพูด“ฮุ่ยหรานจริง ๆ เลย ทำไมถึงได้เข้าข้างคนนอกตลอดเลยนะ?”ขณะเดียวกัน หลินเฟิงมาถึงสำนักไป๋เกาจางเต๋อหลินรออยู่ที่หน้าประตูนานแล้วด้านหลังยังมีจางเจียหนิงยืนอยู่ด้วย เมื่อเห็นหลินเฟิงมาถึงทั้งสองคนก็เดินเข้ามาทันที“สหายน้อยหล
“คุณหลิน ฉันไปเอาอุปกรณ์อาบน้ำมาให้คุณนะคะ” จางเจียหนิงพูดขึ้นหลินเฟิงพูด: “ไม่จำเป็นแล้ว อีกเดี๋ยวผมจะกลั่นยา”“ห๊ะ?”จางเจียหนิงตกตะลึงอย่างมาก: “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณไม่พักผ่อนเหรอคะ?”“ครั้งนี้ยาที่จะกลั่นไม่ได้ซับซ้อนมาก อีกเดี๋ยวก็จัดการเรียบร้อยแล้ว”“งั้น…ฉันก็ยังอยากเตรียมให้คุณสักชุด”จางเจียหนิงพูดจบก็วิ่งออกไปนอกห้องจากนั้นก็นำอุปกรณ์อาบน้ำวางไว้ที่ห้องรับแขกจากนั้นก็เดินหาวมาที่หน้าประตูสำนักไป๋เกาสำนักไป๋เกาไม่ใช่โรงพยาบาล ปกติไม่ได้เปิดทำการยี่สิบสี่ชั่วโมงในตอนที่เธอจะปิดประตูจู่ ๆ ก็มีผู้หญิงสองคนบุกเข้ามาผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดเดรสยาวสีฟ้าใบหน้าซีดเซียวถูกผู้หญิงที่สวมชุดรัดรูปประคองอยู่“ทั้งสองท่าน พวกเราจะปิดร้านแล้วค่ะ”หญิงสาวชุดรัดรูปมองไปทางจางเจียหนิงแล้วรีบพูดขึ้น: “แม่หนูคนนี้ พวกเรากำลังถูกคนไล่ฆ่า ขอให้พวกเราหลบซ่อนตัวหน่อยนะคะ”จางเจียหนิงสีหน้างุนงง คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเจอกับเรื่องแบบนี้ไม่รอให้เธอเอ่ยปาก คนกลุ่มใหญ่ก็พุ่งออกมาจากหัวมุมถนนแต่ละคนมือถืออาวุธและมุ่งเข้ามาที่สำนักไป๋เกาโดยตรงจางเจียหนิงเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ที่ไหนก
ชายที่มีรอยสักชะงักงัน หรือว่าภายในศูนย์การแพทย์เล็ก ๆ แห่งนี้มีผู้มีฝีมือสูงส่ง?”ในตอนนี้เอง หลินเฟิงเดินออกมาจางเจียหนิงกลับหลบอยู่ที่ด้านหลังของเขาเดิมทีหลินเฟิงกำลังจะกลั่นยา แต่กลับได้ยินเสียงอื้อฉาวที่ด้านนอกคิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะออกมาข้างนอกห้องก็เห็นคนสองคนกำลังไล่ตามจางเจียหนิงหลินเฟิงก็ไม่มีความเกรงใจใด ๆ เขาถีบสองคนนั้นกระเด็นออกไปทันทีจากนั้นก็กวาดมองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นพวกไป๋ชิงเฉี่ยนและพูดเสียงแข็ง: “ใครกันกล้ามาก่อความวุ่นวายที่นี่?”ชายที่มีรอยสักจ้องมองหลินเฟิง แต่กลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา จากนั้นก็ตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา: “จัดการมันซะ”เพิ่งพูดจบ ลูกน้องจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาทันที“คุณหลินระวังนะคะ” จางเจียหนิงเห็นอีกฝ่ายมีกำลังเยอะจึงพูดเตือนในทันทีแต่พวกกุ้งหอยปูปลาเหล่านี้ ในสายตาของหลินเฟิงไม่เพียงพอให้มองดูด้วยซ้ำวินาทีต่อมาหลินเฟิงเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าเคลื่อนตัวไปในกลุ่มลูกน้องปล่อยหมัดใส่ทีละคน ต่อยจนกลุ่มลูกน้องกระเด็นออกไปทันที“แม่งเอ๊ย…” ชายที่มีรอยสักตกตะลึงจนหน้าถอดสีเป็นผู้มีฝีมือสูงจริง ๆ ด้วยเห็นลูกน้องของตัวเองล้มไ
หลินเฟิงชี้ไปที่สำนักไป๋เกาแล้วพูดขึ้น: “สถานที่นี้คือศูนย์การแพทย์สำนักไป๋เกาที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเจียงโจว ต้องรักษาเป็นอยู่แล้ว”ไป๋ชิงเฉี่ยนมองดูตู้ยาที่อยู่โดยรอบแล้วยิ่งมั่นใจว่าหลินเฟิงไม่ได้พูดโกหกจริง ๆเมื่อครู่ระหว่างที่หลบหนีเธอถูกปล่อยหมัดใส่ตอนนี้ชี่และเลือดเสียสมดุล ถึงขั้นที่หายใจยังยากลำบากในเมื่ออีกฝ่ายเป็นหมอ เธอจึงยื่นมือออกมาทันทีหลินเฟิงเพียงแค่สัมผัสชีพจรเบา ๆ ก็รู้ว่าปัญหาของเธออยู่ตรงไหนเห็นเพียงแค่นิ้วมือของหลินเฟิงรวดเร็วเหมือนสายฟ้ากดจุดตรงหน้าอกของไป๋ชิงเฉี่ยนติดต่อกันเธอรู้สึกเจ็บหน้าอกเป็นอย่างมากในทันที“นี่ นายทำอะไรน่ะ? กล้าแต๊ะอั๋งคุณหนูของฉันเหรอ?” ต่งหลิงอวี้เห็นหลินเฟิงยื่นมือออกมาสัมผัสหน้าอกของไป๋ชิงเฉี่ยนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีจากนั้นก็ดึงไป๋ชิงเฉี่ยนกลับไปเธอถลึงตาใส่หลินเฟิงแล้วพูดต่อว่า: “นึกว่านายเป็นหมอมีจรรยาบรรณอะไร แต่คิดไม่ถึงว่าจะแอบอ้างการรักษาเพื่อแต๊ะอั๋งคุณหนูของฉัน?”หลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองไปทางต่งหลิงอวี้: “เธอพูดจาไม่น่าฟังเลยจริง ๆ”“นาย…”ต่งหลิงอวี้กำลังจะเอ่ยปากด่าคนแต่กลับถูกไป๋ชิงอวี้