หลังสำรับเที่ยง เกาเหอใช้โอกาสที่พ่อบ้านออกไปทำธุระดึงตัวหยุนเจิงมาข้างๆ“องค์ชาย ประเดี๋ยวท่านบอกกับผู้อื่นว่าท่านซื้อร้านตีเหล็กนั่นมาเพื่อมอบให้กับผู้บัญชาการตู้นะพ่ะย่ะค่ะ”เกาเหอกวาดมองรอบๆ ทั่วสารทิศ แล้วเอ่ยจริงจังต่อหยุนเจิง“ทำไมล่ะ?”หยุนเจิงแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ “แต่นั่นข้าซื้อมาใช้เองนะ”“องค์ชาย!”เกาเหอเป็นกังวล “ท่านซื้อร้านตีเหล็กเอง แต่กลับซื้อในนามของผู้บัญชาการตู้ หากเรื่องนี้แพร่ไปถึงหูฝ่าบาทล่ะก็ ฝ่าบาทต้องทรงคิดว่าท่านมีใจคิดก่อกบฏเป็นแน่!”“เป็นไปไม่ได้”หยุนเจิงส่ายศีรษะหัวเราะ “เสด็จพ่อไม่มีทางเชื่อคำพูดเช่นนี้แน่ ข้าจะคิดก่อกบฏได้อย่างไรกัน!”“องค์ชาย! หัวใจกษัตริย์คาดเดายาก!” เกาเหอพูดกล่อมสุดชีวิต“นั้นหรือ?”หยุนเจิงยกมุมปากขึ้น ในที่สุดก็เอ่ยถาม “เจ้าเป็นคนของเสด็จพ่อที่มาสอดส่องข้าใช่ไหม?”เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง เปลือกตาของเกาเหอพลันกระตุกขึ้นมาหลังจากรวบรวมสติได้ เกาเหอถึงรีบส่ายศีรษะปฏิเสธ“ไม่เพียงแต่เจ้า รวมถึงพ่อบ้านด้วยใช่ไหมล่ะ?”รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนเจิงดูเบ่งบานกว่าปกติ “แท้จริงแล้ว เรื่องคดียักยอกเงินบำนาญนั่น ข้าไ
“…”หยุนเจิงหมดคำจะพูดพลางมองจางฮว๋ายด้วยสีหน้ายิ้มและร้องไห้ในเวลาเดียวกันตาเฒ่านี่เป็นตาเฒ่ามีความรู้จริงๆ ด้วย!เพียงแค่เรื่องนี้ถึงกับอาหารไม่ย่อยเชียวหรือ?“เอาอย่างไร เราไปคุยกันที่ห้องหนังสือกันดีกว่า!”หยุนเจิงยิ้มแย้ม “รอให้เราคิดเลขเสร็จ ก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว”“ไวเพียงนั้นเชียว?”จางฮว๋ายตะลึงงัน“ไม่ยากอยู่แล้ว”หยุนเจิงยิ้มๆ“ดีๆ เช่นนั้นเรารีบไปที่ห้องหนังสือกันดีกว่า!”จางฮว๋ายดีใจขีดสุด รีบลากตัวหยุนเจิงไปที่ห้องหนังสือทันทีเสมือนกลัวว่าหยุนเจิงจะหนีอย่างไรอย่างนั้นหยุนเจิงเห็นดังนั้น จึงแอบหัวเราะอยู่ในใจหากตาเฒ่าผู้นี้อยู่ในยุคปัจจุบันล่ะก็ คงเป็นศาสตราจารย์ที่หมกมุ่นอยู่กับความรู้วิชาการอย่างเดียวเป็นแน่ตาเฒ่าคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ความรู้ก็มีถมเถ เพียงแต่เป็นคนอวดรู้ไปหน่อยเขาเองก็เป็นหนึ่งในฝ่ายสันติด้วยเช่นกันเมื่อมาถึงห้องหนังสือ หยุนเจิงก็เริ่มสอนจางฮว๋ายคิดเลขทันทีหลักๆ แล้วสิ่งที่ค่อนข้างยาก ก็มีเพียงตารางสูตรคูณกับตัวทดเท่านั้นโชคดีที่ตาเฒ่าคนนี้ถึงแม้จะเป็นคนอวดรู้ แต่ก็มีวิธีการศึกษาหาความรู้ เขาใช้เวลาไปเพียงสามสิบนาที ก็เข้าใจประ
เสิ่นลั่วเยี่ยนมึนงงเรื่องบ้าอะไรกัน?ฝ่าบาททรงอนุญาตเองว่านอกจากฝ่าบาทแล้ว ใครที่กล่าวหาว่าเขาเป็นกบฏให้เขาทุบตีได้เลย?อะไรกัน?ไม่รอให้เสิ่นลั่วเยี่ยนได้สติ จางฮว๋ายก็หัวเราะเหอะๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ส่วนเรื่องร้านตีเหล็ก องค์ชายเองก็ทูลฝ่าบาทในที่ว่าราชกิจวันนี้แล้ว พระชายาองค์ชายหกอย่าทำให้ตนเองกลัวเลย…”หา?เสิ่นลั่วเยี่ยนตะลึงแม้แต่เรื่องนี้ เขาก็บอกเสด็จพ่อเขาแล้วนั้นหรือ?เช่นนั้น ก็เป็นตนที่คิดมากไปจริงๆ น่ะสิ?“จางเก๋อเหล่า ท่านคงไม่ปดข้าหรอกกระมัง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองจางฮว๋ายอย่างสงสัย“นี่มันคำพูดอะไรกัน!”จางฮว๋ายราวกับถูกเหยียดหยาม “ข้าเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอด เคยพูดปดที่ไหนกัน? เรื่องนี้ผู้คนทั้งราชสำนักต่างก็รู้เห็นกันหมด พระชายาองค์ชายหกส่งคนไปสืบดูก็รู้แล้ว”“ข้า…”อารมณ์ร้อนของเสิ่นลั่วเยี่ยนจางลง “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อจางเก๋อเหล่า เพียงแต่ว่า…”“ช่างมันเถอะๆ!”หยุนเจิงโบกมือ “จางเก๋อเหล่า อย่าเพิ่งสนใจนางเลย ท่านคิดล่วงหน้าไปถึงยี่สิบวันแล้ว อย่าถูกนางรบกวนเลย เราไปคิดเลขต่อกันดีกว่า!”จางฮว๋ายได้สติพลันพยักหน้าหงึกๆ “จริงด้วย! อย่าขัดเวลาสำคัญของเราดีกว่า
แม้แต่เยี่ยจื่อที่รู้เรื่องอยู่บ้างแล้วได้ยินยังตะลึงงัน นับประสาอะไรกับเสิ่นลั่วเยี่ยนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยแรกเริ่มยังมีเพียงเสิ่นลั่วเยี่ยนกับเยี่ยจื่อเท่านั้นที่ฟังอยู่ทว่าพอช่วงหลัง แม้แต่ตู้กุยหยวนคนเหล่านั้นยังวิ่งเข้ามาฟังด้วย เมื่อได้ยินว่าหยุนเจิงต่อกรกับราชครูแห่งแคว้นเป่ยหวนอย่างใจกล้า แล้วทำให้ต้าเฉียนชนะม้าศึกหมื่นตัวมาได้นั้น ฝูงชยต่างก็ปรบมือสะใจทั้งช่วงเวลาที่รับอาหารมีเพียงตาเฒ่าคนเดียวที่พูดอยู่หยุนเจิงอดถอนใจไม่ได้ ตาเฒ่าคนนี้ไม่ไปเป็นนักเล่าเรื่องเสียดายความสามารถแทนจริงๆหลังจากรับอาหารกันเสร็จ หยุนเจิงขอให้จางฮว๋ายอยู่ดื่มชารอ ส่วนเขาวิ่งไปที่ห้องหนังสือแล้วเขียนวิธีคิดเลขรวมถึงตารางสูตรคูณทั้งหมดมอบให้จางฮว๋ายวอนให้เขานำไปถวายแก่จักรพรรดิเหวินพรุ่งนี้เช่นนี้ เขาจะได้ไม่ต้องเข้าวังอีกขณะที่จางฮว๋ายเดินออกไปพร้อมกับหนังสือเลขของต้าเฉียนแล้ว ฝูงชนก็ยังตกอยู่ในภาวะตกตะลึงอยู่ไม่หาย“เอาล่ะ พวกเจ้าไม่ต้องกินข้าวกันเลยใช่ไหม?”หยุนเจิงจ้องที่ตู้กุยหยวนและคนอื่นๆ “รีบไปกินข้าวของพวกเจ้าไป”เมื่อถูกหยุนเจิงเรียกดึงสติ ฝูงชนถึงได้รู้ตัวแล้วรีบวิ่งไปกิ
สำหรับหยุนเจิงแล้ว การไม่ไปร่วมว่าราชกิจด้วยคือเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งการนอนหลับจนตื่นขึ้นมาเองเป็นเรื่องที่ไม่เลวนักหลังรับอาหารเช้าเสร็จ หยุนเจิงก็รีบไปที่ร้านตีเหล็กทันทีตอนเที่ยงเขาไม่กลับไปกินข้าวที่จวน จึงขอให้คนซื้ออาหารแล้วกินร่วมกับคนอื่นในร้านตีเหล็ก จากนั้นค่อยชี้แนะทุกคนต่อไปเขาเคยดูรายการต่างประเทศที่ชื่อว่า “ศึกตีเหล็ก” และเป็นแฟนตัวยงของรายการ นอกจากนี้ เขายังศึกษาวิธีการตีเหล็กดามัสกัสเป็นเวลานานอีกด้วยอย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่การจะตีเหล็กดามัสกัสออกมาด้วยมือนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพียงแค่งานหลอมเหล็ก ก็เกินความสามารถมากแล้วพวกเขาตีแท่งเหล็กออกมา แล้วบิดเป็นลายหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จหยุนเจิงต้องวิเคราะห์สาเหตุและปรับปรุงวิธีการครั้งแล้วครั้งเล่าขณะที่พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับร้านตีเหล็ก เกาเหอก็ขี่ม้ามาถึงเห็นท่าทีรีบร้อนของเกาเหอแล้ว หยุนเจิงก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น“องค์ชาย พระราชวังมีหมายส่งมา ฝ่าบาททรงเรียกองค์ชายให้เข้าวังโดยด่วน!”เกาเหอกระโดดลงจากหลังม้าแล้วพูดอย่างเร่งรีบแม่ง!มีเรื่องอะไรอีก?แถมยังเรียกตัวด่วนด้วย?คงไ
เมื่อฟังคำพูดของจางฮว๋ายแล้ว หยุนเจิงพลันอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งขึ้นอย่างลับๆดูซิดู!นี่แหละอาจารย์ของจักรพรรดิ!ดูวาทศิลป์ของคนอื่นว่าเลิศล้ำแค่ไหนด้วยความช่วยเหลือของจางฮว๋าย สีหน้าของจักรพรรดิเหวินจึงดีขึ้นเล็กน้อย“อืม ที่เก๋อเหล่าพูดก็มีเหตุผล”จักรพรรดิเหวินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถามหยุนเจิงว่า “ในหนังสือที่เจ้าอ่าน มีวิธีการคิดเลขเพียงเท่านี้หรือ?”ได้!เข้าใจแล้ว!นี่สินะประเด็นสำคัญ!เมื่อครู่นี้บุรุษผู้นี้จงใจสร้างปัญหาสินะ!เขาแค่อยากจะหาอะไรมาทำให้ตนหวาดกลัว เมื่อเขาถามเรื่องนี้อีกครั้ง ตนก็จะตอบเขาทั้งหมด เพื่อทำให้เขาพอใจ!นี่มันทักษะโดยเฉพาะของจักรพรรดิจริงๆ!ไอ้คนดีไม่จริง!หยุนเจิงแอบสบถอยู่ในใจแล้วตอบว่า "ยังมีอีก! แต่ทว่ามันค่อนข้างซับซ้อนและลูกเองก็ไม่เข้าใจมันดีนัก จึงไม่ได้เขียนลงไป...""ไม่เป็นไร"จักรพรรดิเหวินโบกมือ “เจ้าเขียนมาให้หมด ข้าจะสั่งให้คนมาศึกษาเอง ในเมื่อจะป่าวประกาศให้รู้กันทั่วแคว้น ก็ต้องทำให้เป็นรูปเป็นร่าง! รอให้เขียนเสร็จแล้ว ข้าจะยกความดีความชอบให้เจ้า!”ด้วยเหตุนี้ จักรพรรดิเหวินจึงขอให้ใครสักคนส่งสมบัติทั้งสี่ของการศึกษามาให
"หา?"หยุนเจิงตะลึงงันนั่นห่านหิมะหรือ?แต่หน้าตาไม่ต่างจากห่านธรรมดาเลยนะ!เขาคิดว่าเป็นห่านที่ยังไม่โตเต็มวัยเสียอีก!"ฮ่าๆ…"จางฮว๋ายทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาหัวเราะและปลอบจักรพรรดิเหวิน "ฝ่าบาท องค์ชายหกอาศัยอยู่แต่ในวังนานเกินไป จึงไม่รู้จักห่าน เข้าใจผิดว่าห่านหิมะเป็นห่านธรรมดาก็ไม่แปลก”มุมปากของจักรพรรดิเหวินกระตุกเล็กน้อย แล้วจ้องมองหยุนเจิงด้วยความหงุดหงิด แล้วจึงนั่งลงด้วยอารมณ์ทั้งโกรธทั้งน่าขัน จากนั้นจึงสั่งการขันทีที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ว่า “ไป ไปดึงขนห่าน…เอ้ยไม่ใช่ ไปดึงขนห่านหิมะที่ยาวที่สุดมาสองสามเส้น!”กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินเองก็กริ้วจนหลุดหัวเราะออกมาตนก็ถูกเด็กสามหาวนี่ทำเพี้ยนไปด้วยแล้ว“ว่างๆ ก็ออกไปเดินเล่นบ้างนะ!”จักรพรรดิเหวินเงยหน้าขึ้นมองหยุนเจิงอีกครั้ง “วันนี้เข้าใจผิดว่าห่านหิมะเป็นห่านธรรมดาต่อหน้าข้ากับจางเก๋อเหล่ายังพอว่า แต่ถ้าหากเจ้าไปพูดต่อหน้าขุนนางพลเรือนและทหารล่ะก็ ข้าละอายใจแทนเจ้าจริงๆ!”หยุนเจิงหัวเราะแห้ง แล้วตอบตกลงอย่างรวดเร็วว่า "ต่อไป…ลูกจะออกไปเดินเล่นอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ"มารดามันเถอะ!มองห่านหิมะเป็นห่านธรรมดา น่าอายอ
ไม่ได้พูดว่าจะชดเชยอะไรให้กับหยุนเจิงแต่อย่างไร ทำเอาหยุนเจิงแอบรู้สึกน้อยใจไปครู่หนึ่งด้วยแรงสนับสนุนจากขนห่านหิมะ ทำให้หยุนเจิงเขียนได้เร็วมากขึ้นในเวลาอันสั้น หยุนเจิงเขียนเสร็จเขาไม่ได้เขียนอะไรมากมายเขียนไปราวหนึ่งหน้ากระดาษพร้อมคำอธิบายประกอบ ดังนั้นจึงไม่เขียนอะไรเพิ่มต่อไปแม้นจะเขียนไปมากเพียงใด พวกเขาก็ไม่มีทางศึกษาออกมาได้หรอกเท่านี้ ก็อาจจะมากพอสำหรับให้พวกเขาศึกษาเป็นเวลาหลายปีแล้วจักรพรรดิเหวินไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ จึงมอบให้กับจางฮว๋าย และสั่งให้คนในสำนักศึกษาเหวินฮว๋าทำการศึกษาสิ่งเหล่านี้ หลังจากที่พวกเขาศึกษาอย่างละเอียดแล้วค่อยเขียนเป็นหนังสือ“สิ่งเหล่านี้ลึกลับมาก!”จางฮว๋ายเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อความสนใจของนักวิชาการเฒ่าผู้นี้ “องค์ชายหก ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าจะถามเรื่องอะไร ต่อจากนี้หากข้ามีเรื่องต้องรบกวนองค์ชายหก ขอองค์ชายหกโปรดให้คำแนะนำแก่ข้าด้วย”"จางเก๋อเหล่าพูดเกินไปแล้ว"หยุนเจิงรีบโบกมือ “จริงๆ แล้วข้าเองก็ยังไม่เข้าใจหลายๆ อย่าง แต่หากเรื่องใดที่ข้ารู้ ข้าจะบอกทุกอย่างแน่นอน”“ขอบพระทัยองค์ชายหก” จางฮว๋ายยืนขึ้นด้วยรอยยิ้