เมื่อผู้คนกลับไปกันหมด หรงเหวินเมี่ยวก็แอบมาอยู่ข้างพระสนมเฉินกุ้ยเฟยแล้วย่อกายลงเล็กน้อย "เรื่องวันนี้ต้องขอบพระคุณพระสนมมากด้วยเพคะ"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับไม่ใส่ใจมาก "คุณหนูหรงไม่ต้องคิดมาก ข้าแค่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้หว่านหว่านแล้วบังเอิญพบเข้าเท่านั้น เรื่องวันนี้รอดพ้นได้เพราะคุณหนูหรงฉลาดมีไหวพริบต่างหาก"หรงเหวินเมี่ยวเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดแบบนี้ก็กระจ่างในใจ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้มีความคิดที่จะทวงคืนบุญคุณแต่อย่างใดจึงเก็บเรื่องนี้นี้เอาไว้ในใจทุกคนต่างรู้ว่า พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเป็นน้าสาวแท้ ๆ ขององค์รัชทายาท และนางก็ไม่มีทายาทดังนั้นจึงต้องช่วยองค์รัชทายาทปูทางเป็นธรรมดา หากวันนี้ตนรอดพ้นจากแผนขององค์ชายสามแล้วเข้าไปพัวพันกับองค์รัชทายาทอีกก็จะเป็นการทำลายชื่อเสียงอันดีของท่านพ่อได้ดังนั้นจึงกล่าวขอบคุณ ทำความเคารพและออกจากวังไปพร้อมท่านแม่หรงเหวินเมี่ยวกลับบ้านเล่าเรื่องนี้ให้กับท่านพ่อและท่านแม่ ใต้เท้าหรงทั้งบ้านชื่นชมพระสนมเฉินกุ้ยเฟย และชื่นชอบองค์รัชทายาทมากขึ้น บอกว่าขอแค่องค์รัชทายาทไม่มีความคิดที่ไม่ดีจะตอบแทนอย่างดีแต่ว่า มันก็เป็นเรื่องของอนาคตขณะเดียวกัน ณ
เมื่อลู่จิ่นเหยาลงจากรถม้ามาถึงตรงหน้าทั้งสอง เสิ่นเป่าซวงที่กำลังเหยียดหยามหานซีเยว่ไม่หยุดถึงได้เห็นเขา"องค์รัชทายาท" เสิ่นเป่าซวงรีบก้าวมาข้างหน้า เดินมาหาลู่จิ่นเหยา ย่อกายเล็กน้อยแล้วแสร้งทำท่าทางอ่อนโยน "ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ ช่างบังเอิญเสียจริงที่ได้พบท่านที่นี่"ลู่จิ่นเหยาพยักหน้า ไม่ได้ตอบกลับหานซีเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ ก้าวขึ้นมาทำความเคารพให้องค์รัชทายาทด้วยแต่องค์รัชทายาทกลับตอบนาง "คุณหนูหาน พระสนมเฉินเห็นว่าเจ้าอยู่ที่นี่จึงเรียกเจ้าไปหาน่ะ"หานซีเยว่อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองลู่จิ่นเหยา องค์รัชทายาทมาเพื่อช่วยนางอย่างนั้นหรือ?เสิ่นเป่าซวงทนไม่ได้ที่เห็นพวกเขาส่งสายตากันไปมา จึงก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าวแทรกระหว่างสองคนแล้วมององค์รัชทายาท "งานเลี้ยงครั้งก่อนไม่ได้เจอพระสนมกุ้ยเฟยเลย โปรดรบกวนองค์รัชทายาทช่วยพาหม่อมฉันไปแนะนำด้วยนะเพคะ"แต่ลู่จิ่นเหยาไม่อยากยุ่งกับนางจึงเอ่ยปากตอบ "บัดนี้พระสนมเฉินอยากพบแค่คุณหนูหาน หรือคุณหนูเสิ่นคิดจะขัดคำสั่งหรือ?"คำพูดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชาเสิ่นเป่าซวงเห็นองค์ราชทายาทเป็นเช่นนี้ก็รีบย่อกายขออภัย และมองทั้งสองคนเดินไปเป
ครั้นเมื่อเห็นเผยฉู่เยี่ยนบาดเจ็บ องค์ชายใหญ่ก็รีบมาสังหารนักฆ่าจนเสียชีวิต การต่อสู้อันดุเดือดจึงได้ยุติลงเหลียวดูรอบข้างพบว่าไม่มีศัตรูอีก พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงได้หันกลับไปที่เกี้ยว เห็นลู่ซิงหว่านยังนอนตาแป๋วอยู่ จึงได้วางใจ จากนั้นจึงหันมาดูเผยฉู่เยี่ยน พยุงแขนของเขาพลางถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”“พระสนมโปรดวางใจ ไม่เป็นไรมากพ่ะย่ะค่ะ” เผยฉู่เยี่ยนอายุเพียงแค่แปดขวบเท่านั้น แต่นิสัยเป็นคนแข็งกร้าว ทำให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอดไม่ได้ที่จะมองซ้ำอีก“จิ่นเหยา จิ่นหยู ทิ้งคนไว้ให้จัดการที่นี่ อย่าให้ชาวบ้านรอบข้างแตกตื่น พวกเรากลับวังก่อน” เจอเรื่องเช่นนี้เข้า พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรู้จักตั้งสติคล้ายกับตอนอยู่ในสนามรบ “ซื่อจื่อน้อยตามข้าขึ้นเกี้ยวก่อน เพราะได้รับบาดเจ็บ ไม่ควรที่จะขี่ม้าอีก”เมื่อเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกล่าวเช่นนี้ เผยฉู่เยี่ยนจึงไม่กล้าปฏิเสธอีก ได้แต่ตามนางขึ้นรถม้าไป[เผยซื่อจื่อดูเท่ห์เหลือเกิน ถ้าไม่ได้เขามาช่วย วันนี้ข้าคงตายแน่ ฮือ ๆ ๆ...][สมแล้วที่เป็นผู้ช่วยมือดีของพระเอก อายุยังน้อยก็มีความกล้าหาญถึงเพียงนี้ ช่างร้ายกาจจริง ๆ!]พระสนมเฉินเฟยขึ้นไปในรถม้า แล้วจึงอุ้ม
ฮ่องเต้ต้าฉู่ตกใจเป็นอย่างมากเขาเคยสงสัยหรงอ๋อง เคยสงสัยเสนาบดีชุย หรือแม้กระทั่งครอบครัวของสนมโหรวกุ้ยเหรินที่ถูกเนรเทศก็เคยต้องสงสัย แต่ไม่เคยนึกถึงพระสนมชุยเฟยเลยสมัยที่ตนยังเป็นรัชทายาทอยู่ ชุยอวี่ฉีก็แต่งมาเป็นพระชายารองแล้ว ความสัมพันธ์ในวัยเยาว์ล้ำค่าที่สุด เขาจึงมอบความรักให้แก่ชุยอวี่ฉีอย่างเต็มเปี่ยมมาโดยตลอดและในสายตาฮ่องเต้ต้าฉู่ นางก็เป็นสตรีที่อ่อนโยนและใสซื่อ ทั้งยังให้กำเนิดองค์ชายถึงสองคน และก่อนหน้านี้ดเขาเองก็หมายมั่นจะให้นางครองตำแหน่งฮองเฮาคนต่อไปพักก่อนต่อให้เรื่องของเสนาบดีชุยถูกเปิดโปง เขาก็ไม่ได้สงสัยนางเลย แต่ไม่คิดว่านางจะโหดร้ายถึงเพียงนี้และเมื่อนางทำผิดจริง ช้าเร็วก็ต้องถูกเปิดเผย เพื่อความมั่นคงของราชสำนัก อย่างไรก็ต้องจัดการ“เมิ่งฉวนเต๋อ สั่งการไปยังตำหนักฉางชิว ชุยเฟยทำความผิด ให้ลดขั้นเป็นตาอิ้ง ย้ายไปอยู่ตำหนักผู่เหวินแทน” ฮ่องเต้ต้าฉู่ครุ่นคิดอยู่ครึ่งวัน ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปเมิ่งฉวนเต๋อได้รับบัญชาก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ด้วยไม่คิดว่าฮ่องเต้จะทรงเฉียบขาดถึงปานนี้ ตำหนักผู่เหวิน สภาพใกล้เคียงกับตำหนักเย็น ฮ่องเต้ต้าฉู่โปรดปรานพระสนมเต๋อเฟยมาโ
ฮ่องเต้ต้าฉู่พลิกไปได้เพียงแค่สองหน้าก็เห็นว่าภายในนั้นเรื่องหนึ่งอยู่ ไม่นานมานี้ตอนที่พระสนมเฉินเฟยคลอดบุตรก็เป็นชุยเหวินที่ซื้อตัวสนมโหรวกุ้ยเหริน และใช้ครอบครัวของนางมาข่มขู่ให้สนมโหรวกุ้ยเหรินออกหน้าซื้อตัวแม่นมทำคลอดผู้นั้นเห็นดังนี้เขาก็โกรธเสียจนปาสาส์นกราบทูลขอราชการนั้นออกไป “เขากลับรู้ว่าต้องทำให้บุตรสาวของตนเองไร้มลทิน”เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ต้าฉู่กริ้วแล้ว คนของกรมสอบสวนก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรต่อ“จับหนิงซวี่ได้หรือยัง?” ภายในใจของฮ่องเต้ต้าฉู่รู้สึกกลัดกลุ้มเพราะยังนึกไม่ออกว่าจะจัดการอย่างไรดี“ยามนี้ได้นำตัวคนไปส่งถึงศาลต้าหลี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ โดยได้จัดคนดูแลเป็นเฉพาะการ และไม่ได้ใช้วิธีทรมานแต่อย่างใด เพียงแค่ป้องกันไม่ให้เขาฆ่าตัวตายเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” แต่ไหนแต่ไรใต้เท้าหรงก็จัดการเรื่องได้อย่างน่าเชื่อถืออยู่แล้วฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินก็พยักหน้า “พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ”ความผิดที่ชุยเหวินกระทำแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับนึกถึงสิ่งที่หลายปีมานี้เขาทุ่มเททำเพื่อแคว้นต้าฉู่ ชั่วขณะก็ไม่รู้ว่าควรจะลงโทษอย่างไรดีฮ่องเต้ต้าฉู่ฟังเมิ่งฉวนเต๋อเอ่ยถึงปฏิกิริยาขอ
เมื่อฮ่องเต้ต้าฉู่กลับมายังห้องหนังสือส่วนพระองค์ ก็ได้ให้เมิ่งฉวนเต๋อไปเรียกคนของกรมสอบสวนมา“สืบเรื่องเงินบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยแล้งของปีนี้ที่จัดสรรไปว่าภายในมีผู้ทุจริตหรือไม่” ฮ่องเต้ต้าฉู่พูดออกมาอย่างง่ายดายด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความลังเลใต้เท้าหรง และคนอื่น ๆ ย่อมเข้าใจดีว่าที่ฮ่องเต้ต้าฉู่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในยามนี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเสนาบดีชุย ในขณะนั้นจึงได้สืบไปในทิศทางนี้ทันทีเมื่อชัดเจนเรื่องทิศทางแล้ว บวกกับการทำงานที่รวดเร็ว และเฉียบขาดของกรมสอบสวน ไม่ถึงครึ่งวัน สาส์นฉบับหนึ่งก็ถูกเอามาวางไว้ที่โต๊ะหนังสือของฮ่องเต้เงินบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยหนึ่งแสนตำลึง ชุยเหวินเพียงแค่ผู้เดียวก็ทุจริตไปแล้วห้าหมื่นตำลึงยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงที่จัดสรรไปแต่ละรอบว่ามีหลงเหลือมาถึงมือของราษฎรจริง ๆ อยู่เท่าไหร่?เมื่อเห็นดังนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ไม่มีความลังเลอีกต่อไป “เมิ่งฉวนเต๋อ ไปเรียกเว่ยเฉิงมา”ในขณะนั้นก็ได้รับสั่งให้คนของทหารราชองครักษ์ และกรมสอบสวนไปตรวจค้น รวมถึงยึดทรัพย์ที่บ้านตระกูลชุย คนที่เกี่ยวข้องให้นำไปขังไว้ที่ศาลต้าหลี่เป็นการชั่วคราว ส่วนข้ารับใช้บ้างก็เน
[ทูตของแคว้นเยว่เฟิงจะมาถึงแล้วอย่างหรือ? หรงอ๋องก็จะได้ตัดสินใจครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับรายละเอียดการกบฏกับทูตนั้นแล้ว เสด็จพ่อพระองค์รีบตื่นสิ พระองค์รีบตื่นเร็วเข้า น้องชายคนนั้นของพระองค์ไม่ใช่คนดีอะไรเลย!][ฮือ ๆ ๆ ทำไมข้าถึงได้น่าสงสารถึงเพียงนี้! เพิ่งเกิดก็โดนสนมโหรวกุ้ยเหรินลงมือสังหาร สามเดือนถูกพระสนมเต๋อเฟยลงมือ ยังไม่ถึงหนึ่งปีก็จะถูกหรงอ๋องลงมืออีกแล้วหรือเนี่ย?]พระสนมเฉินกุ้ยเฟยบย่อมรู้เรื่องที่พ่อของตนไปยังห้องทรงอักษรอยู่แล้ว แม้ว่าหวานหว่านจะเอ่ยจนดูน่ากลัว แต่คิดว่ามีการเตือนของบิดา ฝ่าบาทก็คงจะตื่นตัวอยู่ และคงไม่ถึงกับที่จะตกไปอยู่ในหลุมพรางของหรงอ๋องหรอกฮ่องเต้ต้าฉู่ทำเป็นเงียบสงบแต่กลับตบไปที่มือของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยโดยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “แต่ไหนแต่ไรเจ้าก็เป็นคนรู้กาลเทศะอยู่สมอ”[เหอะ เด็กดีไม่มีขนมกินหรอกนะ][แต่เสด็จพ่อก็ดีกับท่านแม่ไม่เบาเลยนะ มักจะมาอยู่เป็นเพื่อนนางเสมอ][อยู่ดี ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า หนิงอ๋องทำเรื่องใหญ่อะไรลงไปนะ จำไม่ค่อยได้แล้ว…]ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินภายในใจก็เป็นกังวลขึ้นมา หนิงอ๋องทำเรื่องอะไรที่ทำให้ตนเป็นห่วงอีก ดูท่าแล้วภาย
เพราะพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเข้าวังมาช้า ดังนั้นตั้งแต่ที่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์จึงมีพระสนมเต๋อเฟยเป็นผู้จัดการดูแลเรื่องต่าง ๆ ของวังหลังทั้งหกยามนี้พระสนมเต๋อเฟยถูกลดขั้น จึงเป็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่เข้ามารับภาระต่อ โดยมีพระสนมหลานเฟย มารดาขององค์ชายสองคอยช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ เพราะเหตุนี้เมื่อมีคนใหม่เข้ามาในวัง จึงจะต้องมาคาราวะต่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก่อนดังนั้นวันนี้ตำหนังชิงอวิ๋นจึงคึกคักเป็นพิเศษหลังจากที่สนมหนิงผิน และสนมเล่อกุ้ยเหรินคาราวะเหล่าสนมตามกฎระเบียบแล้ว พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงเอ่ยสั่งสอนตามระเบียบออกมาสั้น ๆ ไม่กี่ประโยค จากนั้นคนอื่น ๆ ถึงได้เอ่ยพูดตามกัน“สนมเล่อกุ้ยเหรินเป็นบุตรสาวของรองหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดิน บิดาของเจ้าเป็นถึงผู้ที่ออกแรงในการดึงเสนาบดีชุยลงมา หากไม่ใช่บิดาของเจ้า และคนอื่น ๆ ที่ดึงเสนาบดีชุยลงมา วันนี้ผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดก็ยังเป็นพระสนมเต๋อเฟยผู้นั้น!” ผู้ที่เอ่ยคือสนมซูผินมารดาผู้ให้กำเนิดขององค์หญิงสอง และองค์หญิงเจ็ด ในตอนที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ยังเป็นองค์รัชทายาท ข้างกายก็มีเพียงแค่อดีตฮองเฮา และคนตระกูลชุยเพียงแค่สองคนภายหลังฮ่องเต้ต้าฉู่ขึ้นค