Share

บทที่ 14

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

จางเทาและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงตรงนั้นและรีบคำนับอย่างรวดเร็ว

แม้แต่คนที่ดุร้ายอย่างหมาป่าตาเดียวยังถูกเย่ซิวเล่นเสียน่วมแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย

“พี่ใหญ่ พวกเราผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”

“อย่าฆ่าผมเลย ผมยังมีพ่อแม่มีพี่น้องต้องดูแล คิดเสียว่าฉันเป็นลูหมาตัวหนึ่ง แล้วปล่อยผมไปเถอะ”

“พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไว้ชีวิตผม ผมจะแนะนำน้องสาวให้รู้จัก ผมยกแฟนตัวเองให้พี่เลยก็ยังได้”

……

ดวงตาของเย่ซิวเย็นชา คนเหล่านี้ไม่สมควรตาย แต่ก็ไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบยาหนึ่งเม็ดออกมาจากกระเป๋าแล้วบดมัน

จากนั้นเขาก็เปิดปากคนเหล่านี้อย่างไร้ความปราณี พลางยัดยาเข้าไป และบังคับให้พวกเขากลืน

จางเทาและคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัว

“ไม่ต้องกังวล ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงมากนัก พวกนายแค่ต้องกินยาแก้พิษปีละครั้ง ไม่อย่างนั้นเลือดจะออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย”

“ถ้าพวกแกหยุดทำความชั่วภายในหนึ่งปี ฉันจะให้ยาถอนพิษ”

“แน่นอนว่าพวกแกจะไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ได้ แต่พวกเขาก็จะบอกพวกแกอย่างแน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดปกติ”

จางเทาและคนอื่น ๆ ต่างก็ดูซีดเซียว

หลังจากที่เห็นว่าเย่ซิวน่ากลัวเพียงใด จึงเผลอเชื่อไปว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง

“จริงสิ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชายที่ชื่อหวังเฟยหรือเปล่า?” เย่ซิวถาม

จางเทาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “เป็นเขาครับเป็นเขา เขาสั่งให้พวกเราทำทุกอย่าง ถ้าพี่ต้องการแก้แค้นก็ไปหาเขา พวกเราไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย”

เย่ซิวที่ได้รู้ว่าเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ ก็จากไปโดยไม่ทำให้พวกเขาลำบากอีก

ส่วนยาเม็ดนั้นเป็นเพียงยาบำรุงร่างกายธรรมดาที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์

หลังจากการต่อสู้ เย่ซิวก็รู้สึกหิวเล็กน้อย

“คุณผู้ชายโปรดดูสักหน่อย วันนี้ที่ร้านเรามีงาน ถ้ากินเนื้อแกะได้ยี่สิบจานเต็ม ๆ ก็จะได้กินฟรี”

ใบปลิวถูกส่งใส่มือเย่ซิว

ดวงตาของเขาส่องประกาย

เนื้อแกะยี่สิบจานเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนธรรมดาส่วนใหญ่

แต่สำหรับเย่ซิวนั้นสบายมาก

ในฐานะจอมยุทธ์ระดับเก้า ต้องใช้พลังงานมาก แม้ว่าเขาจะกินแกะทั้งตัวในมื้อเดียวก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

เย่ซิวยิ้ม “เถ้าแก่ยังด้อยประสบการณื อย่างนั้นวันนี้ฉันจะบอกให้รู้ถึงอันตรายในสังคมเอง”

มีที่อยู่ในใบปลิว และเย่ซิวก็หาที่นั่นเจออย่างรวดเร็ว มันเป็นร้านอาหารหม้อไฟหม่าล่าแบบบริการตนเองที่ชื่อว่า 'ขาประจำ'

เมื่อเข้าไปแล้วจึงถามพนักงานอีกครั้งว่าถ้าเขากินเนื้อแกะได้ถึงยี่สิบจาน เขาจะได้กินฟรีนั้นจริงหรือไม่

พนักงานชี้ไปที่จานเนื้อแกะจานใหญ่บนโต๊ะแล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เนื้อแกะนี้หนักจานละหนึ่งกิโลกรัม แต่หวังว่าคุณลูกค้าจะกินเท่าที่ไหวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อร่างกาย”

เขาเห็นหลายคนแล้วที่มาหวังกินฟรี แต่สุดท้ายก็กินเยอะจนแม้แต่จะเดินกลับก็ยังไม่ไหว

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถท้าทายได้สำเร็จ

“โอเค งั้นเอามาให้ผมหนึ่งชุด”

“ได้ค่ะ งั้นเชิญตามมา ขอเตือนคุณลูกค้าว่าต้องปรุงเครื่องปรุงเองและห้ามเหลือเด็ดขาด หากเหลือมากกว่าเศษหนึ่งส่วนสี่กิโลกรัมก็จะต้องถูกปรับ”

พนักงานนำเย่ซิวไปยังที่นั่งของเขาและเริ่มจุดไฟหม้อไฟให้เขา

จากนั้นเย่ซิวก็ไปหยิบเนื้อแกะมายี่สิบจาน

เหตุการณ์นี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากในทันที และคิดว่านั่นน่าประหลาดใจมาก

มีคนไม่น้อยที่ส่ายหน้า

“พ่อหนุ่มนั่นดูผอมไปหน่อย เขาจะกินเยอะขนาดนั้นได้ยังไง?”

“กินทิ้งกินขว้างตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ดีเลย”

พนักงานเห็นดังนั้นจึงเตือนเขาอีกครั้ง “คุณลูกค้า หากคุณเหลืออาหารแม้เพียงครึ่งกิโลกรัม คุณจะถูกปรับเป็นเงินสองร้อยหยวน และหากคุณไม่กินหมด คุณก็จะถูกปรับหลายพันหยวนเลยนะคะ”

เย่ซิวเทจานเนื้อแกะลงในหม้อไฟที่กำลังเดือด พลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง ผมจะกินไม่ให้เหลือเลย”

เนื้อแกะถูกตัดเป็นชิ้นบาง ๆ และต้องทำเพียงแค่ลวกเล็กน้อย

เย่ซิวผสมน้ำจิ้มพริกอีกชนิดหนึ่ง จุ่มเนื้อแกะที่ลวกแล้วลงไป แล้วโยนมันเข้าไปในปาก

เป็นรสชาติที่ไม่สามารถจินตนาการได้

“อร่อยมาก”

ท่าทางการกินของเย่ซิวค่อนข้างสง่างาม แต่ไม่ช้าไปนัก

เขากินเนื้อแกะจานหนึ่งไปภายในไม่กี่นาที

จานแล้วจานเล่า

พนักงานและลูกค้าในร้านต่างตกตะลึง

เย่ซิวกินเนื้อแกะยี่สิบจานหมดในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที

เหล่าพนักงานต่างอึ้งเมื่อพบว่าท้องของเย่ซิวนูนขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

ในหัวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามมากมาย

อาหารทั้งหมดหายไปไหน?

“ตอนนี้ผมกินเนื้อแกะยี่สิบจานหมดแล้ว ตอนนี้ถือว่าได้กินฟรีแล้วรึยัง?” เย่ซิวถาม

มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาชจะโกงในที่สาธารณะ ดังนั้นพนักงานจึงพยักหน้า

“ค่ะใช่ คุณได้กินฟรีแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณไปเถอะ อย่ามาดูผมกินเลย ผมไม่ชิน”

พวกพนักงานออกไปด้วยความตกตะลึง

เย่ซิวยังคงหยิบนู่นจิ้มนี่ต่อไป

หลังจากกินต่ออีกสิบนาที เย่ซิวก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างและเงยหน้ามองไปที่ประตูร้าน

เขาเห็นลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลี่เยี่ยนเดินจับมือกันเข้ามา

เย่ซิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้เห็นลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่นี่อีกครั้ง

จากนั้นจิตใจของเขาก็กระตือรือร้นมากขึ้น

รออีกสักพักว่าจะไปทักทายเธอเพื่อดูว่าพอจะมีวิธีตีสนิทเป็นเพื่อนกับเธอได้บ้างไหม

เย่ซิวไม่เคยคิดที่จะใช้วิธีการลักพาตัวเลย

ตั้งแต่เขายังเด็ก อาจารย์สอนเขาเสมอว่าจะต้องไม่ทำสิ่งเลวร้าย

เขาสามารถใช้กำลังเพื่อจัดการกับคนเลวได้ แต่ไม่สามารถใช้กำลังเพื่อทำร้ายคนดีได้

หากผู้มีอำนาจสูญเสียวินัยในตนเอง ไม่ช้าก็เร็ว จะก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่แก่ทั้งสังคม

นอกจากนี้ยังจะเป็นการนำตัวเองไปสู่หุบเหวลึกไร้ก้นอีกด้วย

เพื่อนของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ขอห้องรับรองส่วนตัว ไม่เช่นนั้นเธอจะถูกคนอื่นจับตามองอย่างแน่นอนหากทานอาหารข้างนอก เนื่องด้วยรูปร่างหน้าตาของหญิงสาว

เย่ซิวละสายตาและรู้สึกอิ่มท้อง

ในเวลาไม่ถึงสี่สิบนาที อาหารที่เย่ซิวกินก็มีมูลค่าอย่างน้อยห้าพันหยวนเข้าไปแล้ว

พนักงานที่จ้องมองเขาอยู่ตลอดก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเถ้าแก่

“มีอะไร?” เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นที่ปลายสาย

“แย่แล้วเถ้าแก่ มีลูกค้าที่แข็งแกร่งมากมาที่ร้าน เขากินข้าวเท่ากับจำนวนอาหารชุดของคนไม่ต่ำกว่าสิบคน ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถมาก เถ้าแก่รีบมาดูเร็ว”

“อาหารชุดของคนสิบคนเหรอ? แน่ใจนะว่าจำไม่ผิด?”

“ไม่มีอะไรจริงไปมากกว่านี้แล้ว”

“รอก่อน ฉันจะรีบไป!”

เถ้าแก่วางสายแล้ววิ่งมาที่นี่ทันที

เขาอยู่ใกล้ ๆ ดังนั้นเขาจึงมาถึงในไม่กี่นาที

ไม่จำเป็นต้องรอให้พนักงานมาชี้ เขาเห็นเย่ซิวตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเข้ามา

ทำอะไรไม่ได้แล้ว โต๊ะของเย่ซิวเต็มไปด้วยจานซึ่งดูน่าตกใจมาก

เถ้าแก่วิ่งเหยาะ ๆ ไปจนไขมันบนใบหน้าสั่น

เมื่อเขาไปถึงโต๊ะของเย่ซิว เขาก็ขอร้องด้วยเสียงทุ้มต่ำ “น้องชาย ร้านของเราอยู่ได้ด้วยกำไรเพียงเล็กน้อย สิ่งที่เธอกินอยู่ตอนนี้เท่ากับยอดขายของร้านครึ่งวัน ถ้าเธอยังกินต่อ ร้านเราคงล้มละลาย กรุณาเมตตาและหยุดกินเถอะนะ”

เย่ซิวไม่พอใจเล็กน้อย “พวกคุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะได้กินฟรี? หรือไม่อยากให้ผมกินแล้ว?”

มุมปากของเถ้าแก่กระตุกขึ้น เขากัดฟันพูด “งั้นเอาแบบนี้เถอะ น้องชายไปที่ร้านหม้อไฟตรงข้ามแล้วฉันจะให้เงินเธออีกสองพันหยวน ว่ายังไง?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status